Moonfall: เมื่อ ‘2012’ โลกไม่แตก ‘โรแลนด์ เอ็มเมอริช’ จึงกลับมาพร้อมดวงจันทร์ถล่มโลก

Moonfall: เมื่อ ‘2012’ โลกไม่แตก ‘โรแลนด์ เอ็มเมอริช’ จึงกลับมาพร้อมดวงจันทร์ถล่มโลก
10 ปีผ่านไปนับจากปี 2012 ที่ใครหลายคนตั้งตารอคอย เพราะอยากพิสูจน์ว่าภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของผู้กำกับหนังล้างโลก ‘โรแลนด์ เอ็มเมอริช’ (Roland Emmerich) อย่าง ‘2012’ จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่? ซึ่งสุดท้ายโลกก็ไม่แตก แค่ผุพังและบอบช้ำขึ้นทุกเสี้ยววินาที ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อม สภาพอากาศ เศรษฐกิจ หรือแม้แต่สภาพจิตใจมนุษย์เอง เมื่อพูดถึงชื่อของ โรแลนด์ เอ็มเมอริช เรียกได้ว่าเขาคือเจ้าพ่อหนังหายนะฟอร์มยักษ์ก็ว่าได้ เพราะนอกจากจินตนาการอันล้ำเลิศของโรแลนด์จะสร้างความตื่นเต้นให้คนดูแล้ว ผู้ชมที่รอคอยหนังของเขายังได้ลุ้นอีกว่า ครั้งนี้เขาจะสรรหาอะไรมาล้างโลกอีก? ย้อนกลับไปในปี 1996 โรแลนด์พากองทัพ ‘เอเลียน’ บุกมาทำลายโลกในภาพยนตร์เรื่อง ‘Independence Day’ หรือ ‘ID4’ ตามมาด้วยการแช่แข็งโลกจากความผิดปกติของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงโดยเฉียบพลันใน ‘The Day After Tomorrow’ (2004) ก่อนที่หนังเขย่าโลกอย่าง ‘2012’ จะออกฉายในปี 2009 และทำให้มนุษยชาติตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลโลกให้มากขึ้น ในปี 2022 เจ้าพ่อโรแลนด์กลับมาแบ่งปันความหายนะอีกเช่นเคยกับการพา ‘ดวงจันทร์’ เดินทางหลุดวงโคจรมาชนโลก แค่ฟังก็รู้ว่านี่คือปัญหาใหญ่ยักษ์ระดับ ‘จักรวาล’ แต่โรแลนด์กลับส่งมนุษย์อวกาศ 2 คน (ที่คนหนึ่งไม่ได้ขึ้นบินมาเป็นสิบปี) และนักวิทยาศาสตร์ 1 คน (ที่ไม่เคยจะได้เหยียบเข้านาซา) มาทำภารกิจกู้โลกในครั้งนี้ โรแลนด์เล่าว่า เขาต้องหาแนวทางใหม่ในการทำภาพยนตร์อยู่ตลอด ไม่ใช่แค่ยกภัยพิบัติเดิม ๆ ขึ้นมาเล่น นอกจากนี้ ภาพยนตร์หายนะก็ไม่ใช่หนังที่สามารถปล่อยออกมาได้ทุก 2 ปี ครั้งนี้เขาจึงใช้เวลาถึง 5 ปี (นับจาก Independence Day: Resurgence ที่ฉายปี 2016) พร้อมเงินทุนเกือบ 140 ล้านเหรียญสหรัฐในการสร้าง ‘Moonfall’ (2022) หนังแนวหายนะ ผจญภัย แอ็กชัน และไซไฟ นำแสดงโดย ‘ฮัลลี เบอร์รี’ (Halle Berry) ในบท ‘โจซินดา ฟาวล์’ อดีตนักบินอวกาศและเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของนาซา ‘แพทริก วิลสัน’ (Patrick Wilson) ในบท ‘ไบรอัน ฮาร์เปอร์’ อดีตนักบินอวกาศที่พบเห็นสิ่งประหลาดบนอวกาศ และสุดท้ายคือ ‘จอห์น แบรดลีย์’ (John Bradley) ในบท ‘เคซี เฮาส์แมน’ นักวิทยาศาสตร์ที่รู้เรื่องดวงจันทร์มากกว่านาซา โดยเรื่องราวทั้งหมดใน Moonfall ได้ไอเดียมาจากทฤษฎีสมคบคิดที่โรแลนด์อ่านเจอ Moonfall: เมื่อ ‘2012’ โลกไม่แตก ‘โรแลนด์ เอ็มเมอริช’ จึงกลับมาพร้อมดวงจันทร์ถล่มโลก ทฤษฎีพระจันทร์กลวง “เมื่อคุณมีทฤษฎีสมคบคิดที่ผู้คนต่างเชื่อ แปลว่าคุณมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ในมือแล้ว “คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อสิ่งเหล่านั้นเลย ส่วนใหญ่ ผมก็แค่คนขี้สงสัย” บทสัมภาษณ์ โรแลนด์ เอ็มเมอริช ในเว็บไซต์ ‘Vanity Fair’ ยังเล่าถึงที่มาและเรื่องราวที่แฝงอยู่ในภาพยนตร์หายนะเรื่องก่อน ๆ อีก ทั้งเรื่องผู้สร้างพีระมิดใน ‘Stargate’ (1994) ปฏิทินของชาวมายากับวันสิ้นโลกในปี 2012 ‘Area 51’ หรือฐานทัพลับของกองทัพอากาศสหรัฐฯ คือที่มาของ Independence Day และล่าสุดคือทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับดวงจันทร์อันลึกลับที่บางคนบอกว่า มันคือสิ่งประดิษฐ์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเอเลียนเพื่อสังเกตการณ์โลก ส่วนโรแลนด์ เขาได้ทฤษฎีชื่อว่า ‘Hollow Moon’ (พระจันทร์กลวง) มาเป็นแรงบันดาลใจในเรื่องนี้ “ผมจินตนาการออกทันทีว่า ทฤษฎีนี้อาจต่อยอดไปเป็นสิ่งที่ทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้เลย จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าดวงจันทร์หลุดวงโคจรและตรงมาที่โลก?” โรแลนด์เล่า Moonfall: เมื่อ ‘2012’ โลกไม่แตก ‘โรแลนด์ เอ็มเมอริช’ จึงกลับมาพร้อมดวงจันทร์ถล่มโลก หนังวิทยาศาสตร์ที่ทฤษฎีไหนก็เอาไม่อยู่ ใครที่หวังจะเข้าไปดูหนังไซไฟที่สมเหตุสมผลคงยาก เพราะแทบทุกฉากต้องบอกว่าทั้ง ‘โม้’ และ ‘โอเวอร์’ แต่หากใครที่ไม่ติดใจความไม่สมเหตุสมผล และต้องการชื่นชมแสง สี เสียง และ CGI สุดอลังการ Moonfall ของโรแลนด์จะทำให้คุณรู้สึก ‘อิ่ม’ จนถึงตอนจบของเรื่อง โดยเฉพาะในฉากทำลายล้างที่เกิดจากแรงโน้มถ่วงและมวลของพระจันทร์ที่โอเวอร์จนสามารถพากระสวยนาซาลอยขึ้นอวกาศได้ แม้มันจะทำงานไม่เต็มระบบก็เถอะ (ความรู้สึกเหมือนตอนเห็นโรมันและเทจขับรถขึ้นบนอวกาศใน Fast & Furious 9) อย่างไรก็ตาม เรื่องความตื่นตาตื่นใจต้องขอชมเชยและไม่ผิดหวังเลยกับทั้งฉากคลื่นยักษ์ น้ำท่วม แผ่นดินเคลื่อน พระจันทร์ ‘นาบ’ โลกจนแผ่นดินลุกเป็นไฟ และสะเก็ดดวงจันทร์พุ่งชนโลก ซึ่งตรงนี้ไม่แน่ใจว่าสะเก็ดดวงจันทร์ก้อนเล็กที่ตกลงมาผ่านชั้นบรรยากาศจะสามารถสร้างความวิปโยคได้เท่าในภาพยนตร์หรือไม่? แล้วระยะห่างที่พอดีระหว่างดวงจันทร์กับโลกที่หายไป จะทำให้ดวงจันทร์ถูกแรงโน้มถ่วงโลกทำให้แตกเป็นเสี่ยงมากกว่าการทำให้โลกเกือบแตกเองหรือเปล่า? แต่ก็อย่างที่บอก หากดูเพื่อความมันส์ก็จะรู้สึกอิ่มดี สำหรับใครที่ชอบเดา ทั้งพล็อตและการดำเนินเรื่อง เป็นไปแบบเดาได้ไม่ยาก แต่เมื่อรู้ถึงที่มาที่ไปของการที่ดวงจันทร์พุ่งชนโลกในตอนจบก็แอบอึ้งอยู่เหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าจบเช่นนี้ แต่ในอีกใจก็บอกเช่นกันว่า ‘เอาอีกแล้ว ลูปเดิมอีกแล้ว’ Moonfall: เมื่อ ‘2012’ โลกไม่แตก ‘โรแลนด์ เอ็มเมอริช’ จึงกลับมาพร้อมดวงจันทร์ถล่มโลก เผชิญหน้าปัญหาเดิมของมนุษยชาติ / *** มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์เรื่อง Moonfall (2022) / จุดเริ่มต้นของเรื่อง Moonfall คือการที่ เคซี เฮาส์แมน อัจฉริยะที่ศึกษาดวงจันทร์ค้นพบว่า วงโคจรของดวงจันทร์เปลี่ยนไปและมันใกล้จะพุ่งชนโลกขึ้นทุกที ซึ่งไม่ว่าเขาจะบอกใครก็ ‘ไม่มีใครฟัง’ ส่วนมากพล็อตเรื่องมักจะเป็นเช่นนี้ ไม่ต่างจาก ‘Don’t Look Up’ (2021)  ส่วนเหตุผลที่ไม่เชื่อก็มีทั้งการรักษาหน้า มองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ และมองว่าจะทำให้ประชาชนตื่นตระหนกโดยใช่เหตุ (แต่สุดท้ายก็ไม่เชื่อและไม่แก้ไขแต่เนิ่น ๆ อยู่ดี) ก็นับเป็นอีกครั้งที่เราเห็น ‘ผู้มีความรู้’ พูดปากเปียกปากแฉะ แต่ก็มักแพ้ ‘ผู้มีอำนาจ’ กระทั่งฮีโร่ที่เกิดจากการ ‘รับฟังอย่างแท้จริง’ ปรากฏตัวขึ้น ใช่, คนคนนั้นคือ ไบรอัน ฮาร์เปอร์ อดีตนักบินอวกาศที่พูดถึงความผิดปกติของอวกาศเมื่อ 10 ปีก่อน แต่ก็ไม่มีใครสนใจฟัง ทั้งยังถูกนาซาปลดออกให้เผชิญความล้มเหลวในชีวิตที่เขาไม่สมควรได้รับ “ทำไมคุณถึงฟังผมในขณะที่คนอื่นไม่สนใจฟัง”  “เพราะฉันรู้ดีว่าการไม่มีใครฟังมันเป็นยังไง” นั่นคือบทสนทนาในช่วงใกล้จบเรื่องระหว่างเคซีและไบรอัน Moonfall: เมื่อ ‘2012’ โลกไม่แตก ‘โรแลนด์ เอ็มเมอริช’ จึงกลับมาพร้อมดวงจันทร์ถล่มโลก นอกจากนี้ เกือบทุกครั้งที่นักวิทยาศาสตร์พยายามจะใช้ความรู้แก้ปัญหา เหล่ากองทัพก็จะปรากฏตัวขึ้นเพื่อประกาศกฎอัยการศึก หรือเตรียมระเบิดมาจุดเพื่อทำลายสิ่งที่มุ่งร้ายต่อโลก ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกัน กองทัพเข้ามาพร้อมระเบิดเพื่อ ‘ปกป้องความสงบสุขของโลก’ แต่โชคดีที่นายทหารยศใหญ่คนหนึ่ง (อดีตสามีของโจซินดา ฟาวล์) ได้ทำตามเสียงหัวใจเรียกร้องไม่อนุมัติการทำงานของมัน สุดท้าย Moonfall เล่าถึงต้นกำเนิดของดวงจันทร์และสาเหตุที่มันพุ่งชนโลก (ซึ่งเราจะยังไม่เฉลยให้ผู้อ่านฟัง) แต่มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับมนุษย์โลกในช่วงเวลานานแสนนานก่อนหน้านี้ ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว ต้นกำเนิดของปัญหาต่าง ๆ ก็มาจากน้ำมือและการกระทำของมนุษย์โลกอยู่ดี  หนังหายนะหลายเรื่องของโรแลนด์ เอ็มเมอริช ไม่ได้สะท้อนเพียงความน่ากลัวของหายนะที่มีโอกาสเกิดขึ้นจริง แต่เขายังทำให้เราได้ตระหนักและย้อนมองพฤติกรรมของมนุษย์เองว่า มนุษย์ได้ทำสิ่งที่ดีพอต่อโลกใบนี้แล้วหรือยัง? ธรรมชาติผุพังและสิ่งแวดล้อมทั้งบนบก ในทะเล และบนอากาศกำลังร้องไห้เพราะใคร?  หากเราไม่อยากเผชิญหน้ากับความน่ากลัวของธรรมชาติ และไม่อยากคิดเพียงว่า ‘ถ้าไม่มีมนุษย์ โลกใบนี้จะน่าอยู่ขนาดไหน’ มันก็คงถึงเวลาแล้วที่เราจะเริ่มลงมือดูแลโลกใบนี้ให้ดีกว่าเดิม Moonfall: เมื่อ ‘2012’ โลกไม่แตก ‘โรแลนด์ เอ็มเมอริช’ จึงกลับมาพร้อมดวงจันทร์ถล่มโลก Moonfall: เมื่อ ‘2012’ โลกไม่แตก ‘โรแลนด์ เอ็มเมอริช’ จึงกลับมาพร้อมดวงจันทร์ถล่มโลก เรื่อง: วโรดม เตชศรีสุธี ภาพ: Moonfall (2022) อ้างอิง: ภาพยนตร์เรื่อง https://www.vanityfair.com/hollywood/2021/10/moonfall-look-roland-emmerich-hollow-moon-conspiracy  https://www.imdb.com/title/tt0116629/ https://www.imdb.com/title/tt0319262/ https://www.imdb.com/title/tt1190080/ https://www.imdb.com/title/tt5834426/ https://www.hollywoodreporter.com/movies/movie-features/roland-emmerich-interview-moonfall-1235080389/