Red Notice: หมายแดงจาก ‘อินเตอร์โพล’ ถึงเหล่า ‘นักโจรกรรมงานศิลป์’ ผู้มีปมเรื่องพ่อ

Red Notice: หมายแดงจาก ‘อินเตอร์โพล’ ถึงเหล่า ‘นักโจรกรรมงานศิลป์’ ผู้มีปมเรื่องพ่อ
/ ***บทความชิ้นนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาภายในเรื่อง Red Notice (2021)*** / ภาพ ‘พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย - MOCA Bangkok’ ถูกรายล้อมไปด้วยเส้นกั้นเขตสีแดงได้กลายเป็นที่พูดถึงบนโลกออนไลน์ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2021 จนผู้พบเห็นหลายคนคิดว่าอาจเกิดการโจรกรรมงานศิลป์ขึ้นภายในพิพิธภัณฑ์ แต่แท้จริงแล้วนั่นเป็นส่วนหนึ่งของความเล่นใหญ่ในการโปรโมตภาพยนตร์เรื่อง ‘Red Notice’ ของ Netflix เพียงเท่านั้น คำถามต่อมาหลังจากที่ผู้คนได้พบเห็นเส้นกั้นเขตสีแดงดังกล่าวคือ ‘Red Notice’ หรือ ‘หมายแดง’ คืออะไร? Red Notice หรือ หมายแดง คือหมายจับระดับสูงสุด ออกโดยองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘อินเตอร์โพล’ (International Criminal Police Organization - INTERPOL) ซึ่งอินเตอร์โพลมีหน้าที่ในการออกหมายสีต่าง ๆ ตามคำร้องขอของประเทศสมาชิก เพื่อให้ประเทศสมาชิกเฝ้าระวังบุคคลที่ทางการจับตาดู เช่น ผู้ร้ายข้ามแดน โดยปัจจุบันคาดว่ามีผู้ที่ถูกออกหมายแดงกว่า 66,370 ราย แต่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะเพียง 7,669 ราย ทั้งนี้หมายแดงไม่ใช่หมายจับระหว่างประเทศ “A Red Notice is an international wanted persons notice, but it is not an arrest warrant.” (INTERPOL) สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Red Notice หมายแดงนี้มาในช่วงเวลาท้ายสุดของหนัง หลังจากที่ 2 นักโจรกรรมที่เป็นคู่แข่งกันอย่าง ‘โนแลน บูธ’  (รับบทโดย ไรอัน เรย์โนลด์ส - Ryan Reynolds) และ ‘บิชอป’ (รับบทโดย กัล กาด็อต - Gal Gadot) และ 1 เจ้าหน้าที่พิเศษ ‘จอห์น ฮาร์ทลีย์’ (รับบทโดย ดเวย์น จอห์นสัน - Dwayne Johnson) ได้ทำการโจรกรรม ‘ไข่ 3 ใบของคลีโอพัตรา’ ไปจากพิพิธภัณฑ์ พ่อค้าอาวุธ และหลุมหลบภัยของนาซีได้สำเร็จ Red Notice: หมายแดงจาก ‘อินเตอร์โพล’ ถึงเหล่า ‘นักโจรกรรมงานศิลป์’ ผู้มีปมเรื่องพ่อ ไข่ 3 ใบของคลีโอพัตรา Red Notice เต็มไปด้วยการหักเหลี่ยมหักมุมของเหล่านักโจรกรรมที่อยากจะนำไข่ 3 ใบของคลีโอพัตราไปมอบให้กับมหาเศรษฐีชาวอียิปต์ในงานวันเกิดของลูกสาว ซึ่งผู้ที่นำไข่ครบชุดมามอบให้ได้สำเร็จจะได้เงิน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปครอง นั่นทำให้เจ้าหน้าที่พิเศษ จอห์น ฮาร์ทลีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมงานศิลป์ จากหน่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของเอฟบีไอ ต้องเดินทางมาถึงกรุงโรม ประเทศอิตาลี พร้อมนักสืบ ‘ดาส’ (รับบทโดย ริทู อาร์ยา - Ritu Arya) เพื่อเตรียมจับจอมโจรที่ฉลาดเป็นกรดอย่าง โนแลน บูธ ไม่ให้เขาขโมยไข่ใบที่ 1 ไปได้ แน่นอนว่าภารกิจแรกของฮาร์ทลีย์สำเร็จไปด้วยดี แต่เขากลับถูกบิชอปหักหลัง และโดนดาสส่งไปเข้าคุกที่รัสเซียพร้อมบูธ เรื่องราวดำเนินต่อไปด้วยการที่ทั้งสองแหกคุกออกมาเพื่อชิงไข่ใบที่ 2 จากพ่อค้าอาวุธ แต่ก็ไม่วายถูกบิชอปมาชิงไปอีก ส่วนไข่ใบที่ 3 มีเพียงบูธเท่านั้นที่รู้ที่อยู่ ทำให้ 2 โจร และ 1 เจ้าหน้าที่ที่กลายเป็นโจรจำเป็นต้องช่วยเหลือและตลบหลังกันและกันเพื่อให้ตนเองไปถึงเป้าหมาย พล็อตของ Red Notice ไม่ได้หวือหวาหรือซับซ้อนมากมาย แต่ก็ทำให้ผู้ชมว้าวได้ด้วยฉากแอ็กชัน มุกตลก และการหักมุมแล้วหักมุมอีก (แต่ไม่เกินความคาดหมาย) แถมเสน่ห์ของนักแสดงนำทั้ง 3 ยังทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าติดตามไปตลอด ทั้งความฮาของไรอัน เรย์โนลด์ส ความบู๊ของดเวย์น จอห์นสัน และความสวยแซ่บของกัล กาด็อต รวมไปถึงความกัดไม่ปล่อยจากฝีมือการแสดงของ ริทู อาร์ยา ที่เคยปรากฏตัวใน The Umbrella Academy Season 2 แต่น่าเสียดายว่าดันถูก 3 นักแสดงหลักกลืนบทไปบ้าง นอกจากบทโจรกรรมที่แย่งชิงของมีค่ากันไปมา การตามล่าหาไข่ของคลีโอพัตรายังทำให้นึกถึงภาพยนตร์แนวผจญภัยอย่าง ‘ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า’ (Indiana Jones) โดยเฉพาะในภาค Raiders of the Lost Ark (1981) ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับนาซีเยอรมันและประเทศอียิปต์ รวมถึงภาค Indiana Jones and the Temple of Doom (1984) ที่มีฉากใต้ดินและเหมืองร้างสุดอลังการ แถมคลังสมบัติในภาคอื่น ๆ อย่าง Indiana Jones and the Last Crusade (1989) และ Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull (2008) ก็ยังแอบมีกลิ่นอายปะปนเข้ามาใน Red Notice ด้วย หรือหากพูดถึงความสัมพันธ์พ่อ-ลูกของ อินเดียน่า โจนส์ กับพ่อของเขาอย่าง ดร.เฮนรี่ โจนส์ แม้ Red Notice จะไม่ได้พูดถึงความผูกพันในเชิงบวกโดยตรง แต่ตัวละครหลักทั้ง 3 กลับเริ่มอาชีพนักโจรกรรมจากการมีปมเรื่องพ่อ Red Notice: หมายแดงจาก ‘อินเตอร์โพล’ ถึงเหล่า ‘นักโจรกรรมงานศิลป์’ ผู้มีปมเรื่องพ่อ รวมแก๊งนักโจรกรรมผู้มีปมเรื่องพ่อ เจ้าหน้าที่จอห์น ฮาร์ทลีย์ มาจากหน่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของเอฟบีไอ เขาได้พูดคุยกับบูธในห้องขังที่รัสเซีย ซึ่งฮาร์ทลีย์ได้ตรวจสอบประวัติของจอมโจรสมองเพชรคนนี้มาสักพักใหญ่แล้ว “ลูกชายร้อยตำรวจเอกชาวสวิสกลายเป็นอาชญากรตัวเอ้ได้ยังไงนะ” ฮาร์ทลีย์ถาม “ตอนอายุ 8 ขวบ พ่อคิดว่าฉันขโมยนาฬิกาของเขา เขารักเศษโลหะนั่นมากกว่าอะไร” บูธในวัยเด็กต้องเผชิญกับการเข้าใจผิดของผู้เป็นพ่ออยู่เกือบ 1 ปี แม้ว่าเขาจะบอกพ่อว่าไม่ได้ขโมยนาฬิกาไป แต่พ่อของเขากลับตอบว่า ‘แกขโมยไป แกโกหก’ หลังจากนั้นเด็กชายตัวน้อยก็ต้องอยู่กับความโดดเดี่ยวตลอดทั้งในวันเกิดและวันคริสต์มาส กระทั่งวันหนึ่งพ่อของเขาก็ได้รู้ว่าลูกชายพูดความจริงมาโดยตลอด และนาฬิกาก็แค่จมอยู่ใต้กองเอกสารบนโต๊ะทำงาน แต่ถึงอย่างนั้นพ่อก็ไม่ยอมขอโทษ “พ่อฉันเป็นโจร เป็นพวกต้มตุ๋นที่เก่งที่สุด” เจ้าหน้าที่ฮาร์ทลีย์บอกกับบูธขณะที่พวกเขากำลังจะมุ่งหน้าไปหาไข่ใบที่ 3 ราวกับเป็นเรื่องตลกที่ลูกชายโจรโตขึ้นมาเป็นตำรวจ และลูกชายของตำรวจก็เติบโตขึ้นมาเป็นโจร “พ่อทำให้ฉันเป็นฉันในวันนี้ ฉันหมกมุ่นอยู่กับการเอาชนะตลอดเวลา ต้องเป็นที่หนึ่งในสิ่งที่ฉันทำ จนฉันไม่ยอมผ่อนคลายหรือวางเฉย” ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือโกหก แต่บิชอปเองก็มีปมเกี่ยวกับพ่อของเธอเช่นกัน เธอและบูธขับเคี่ยวกันครองตำแหน่งนักโจรกรรมงานศิลป์อันดับหนึ่งของโลก พวกเขาชื่นชอบประวัติศาสตร์งานศิลป์และเงิน แต่เหนือไปกว่านั้น พวกเขาชื่นชอบการแข่งขันที่สนุกสนานและตื่นเต้นราวกับเด็กที่ได้วิ่งเล่นในโลกของตนเองอย่างอิสระ ไร้การควบคุมจากผู้เป็นพ่อ “พ่อผมเป็นคนที่มีความมั่นใจสูง… ผมเก็บปืนไว้แนบใจตั้งแต่วันที่ผมใช้ฆ่าเขา ตอนเด็กผมไม่เคยได้รับอนุญาตให้แตะต้อง” จากลูกชายของพ่อผู้ไม่ยอมให้ลูกแตะต้องปืน สู่พ่อค้าอาวุธที่ครอบครองไข่ใบที่ 2 ของคลีโอพัตรา ‘ซอตโต วอเช่’ (รับบทโดย คริส ดิอาแมนโทพูโลส - Chris Diamantopoulos) ปลิดชีพพ่อของตัวเอง และเติบโตเป็นผู้ร่ำรวยในโลกมืด แถมในครั้งนี้เขายังจะได้ปะทะกับเหล่าโจรผู้มีปมเรื่องพ่ออีก 3 คนพร้อมกัน ‘พ่อ’ มักจะถูกยกให้เป็น ‘ผู้นำ’ ตามแนวคิดครอบครัวในอุดมคติสมัยก่อน ซึ่งรวมถึงการเป็นสัญลักษณ์ของ ‘ผู้มีอิทธิพลและผู้มีอำนาจ’ ตามหลักจิตวิทยา เด็กสามารถเรียนรู้และเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ที่อยู่รายล้อมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อและแม่ของพวกเขา ส่วนพฤติกรรมที่พ่อแม่ต้องพึงระวังย่อมหนีไม่พ้นเรื่องความรุนแรง การโกหก และการลักเล็กขโมยน้อย Red Notice ทำให้เราเห็นปัญหาของผู้มีอิทธิพลในบ้านที่ใช้อำนาจของตนในทางที่ผิด หรืออาจผิดที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ถูกที่ควรคืออะไร สุดท้ายฮาร์ทลีย์ไม่ได้บอกว่าเขามาเป็นตำรวจ เพราะพ่อของเขาเป็นโจร แต่เขาต้องการเป็นโจรที่เก่งกว่าพ่อต่างหาก โดยรวมแล้ว เราอาจไม่รู้ว่าปมเรื่องพ่อ (เชิงลึก) ของตัวละครที่เหลือคืออะไร แต่อย่างน้อยเราก็สัมผัสถึงสิ่งที่ภาพยนตร์ต้องการแสดงให้เห็นได้ว่า สมาชิกในครอบครัวถือเป็นผู้ที่มีอิทธิพลต่อการเติบโตของเด็กเป็นอย่างมาก และพวกเขาสมควรที่จะมอบความรักความอบอุ่นให้กับเด็ก ๆ อย่างเหมาะสมก่อนที่อดีตอันขมขื่นจะกลับกลายเป็นปมในใจของเด็ก และเป็นแรงขับเคลื่อนให้พวกเขาหันหลังให้สังคมตลอดกาล Red Notice: หมายแดงจาก ‘อินเตอร์โพล’ ถึงเหล่า ‘นักโจรกรรมงานศิลป์’ ผู้มีปมเรื่องพ่อ Red Notice: หมายแดงจาก ‘อินเตอร์โพล’ ถึงเหล่า ‘นักโจรกรรมงานศิลป์’ ผู้มีปมเรื่องพ่อ Red Notice: หมายแดงจาก ‘อินเตอร์โพล’ ถึงเหล่า ‘นักโจรกรรมงานศิลป์’ ผู้มีปมเรื่องพ่อ เกมโจรกรรมของเหล่าบิชอป ในตอนจบของภาพยนตร์ บิชอปที่นำแสดงโดย กัล กาด็อต ไม่ใช่บิชอปเพียงคนเดียวของเรื่อง และการโจรกรรมแย่งชิงสมบัติกันไปมาก็ไม่ต่างจากการแข่งขัน ซึ่งพอมีชื่อบิชอปขึ้นมา เชื่อว่าใครหลายคนคงจะนึกถึง ‘หมากรุกสากล’ เป็นอย่างแรก หรืออย่างน้อยก็เป็นรองแค่บิชอป ซึ่งเป็นตำแหน่งในคริสตจักร ฮาร์ทลีย์และบิชอปได้เฉลยว่า แท้จริงแล้วพวกเขาคือบิชอปกันทั้งคู่ เพราะบนกระดานหมากรุกมีบิชอป 2 ตัว สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามว่าแล้วเหตุใดจึงต้องเป็นบิชอป ทำไมจึงไม่เป็นคิงกับควีน ม้าหรือเรือ ในเมื่อคนที่เหลือบนโลกเป็นเพียงแค่เบี้ยของทั้ง 2 คนเท่านั้น ความสำคัญและความสามารถของหมากแต่ละตัวบนเกมไม่เท่ากัน ควีนคือหมากที่มีความสามารถที่เรียกว่าดีที่สุดบนกระดาน ขณะที่คิงคือตัวสำคัญที่ถูกทำให้จนตรอกเมื่อไหร่ก็หมายถึงความพ่ายแพ้ ดังนั้นฮาร์ทลีย์และบิชอปจึงไม่ใช่คิงและควีน พวกเขาร่วมมือกัน และมีความสามารถที่เติมเต็มกันจนไปถึงเป้าหมาย ไม่มีใครที่เหนือกว่าใครด้วยเพศสภาพหรือความสามารถ เพราะหากจะปล้นแล้ว ต้องเป็นพวกเขาทั้งคู่ นอกจากนี้ ฮาร์ทลีย์และบิชอปก็ไม่ใช่อัศวินที่คุ้มครองพระราชาหรือพระราชินี พวกเขาไม่ใช่เรือที่ต้องคุ้มกันใครที่อยู่เหนือกว่า แต่บิชอปมีอิสระในพื้นที่ของตัวเองไม่ต่างจากบิชอปตัวจริงในศาสนจักร ยิ่งในยุคที่คริสต์ศาสนารุ่งเรือง ผู้คนเชื่อและศรัทธาโดยไม่ต้องมีการผลักดันหรือช่วยเหลือจากราชสำนัก แถมในยุคกลางยังถือว่าบิชอปมีอำนาจเทียบเท่าขุนนาง ซึ่งเป็นรองเพียงคิงและควีนด้วย จากพื้นที่ในศาสนจักร สู่พื้นที่จัดแสดงงานศิลป์ บิชอปทั้งสองเล็งเป้าไปที่แหล่งโจรกรรมชั้นยอด ‘หากไม่ใช่เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ ใครจะเชี่ยวชาญพื้นที่และงานศิลป์ได้มากกว่าคนนี้(ที่)กำลังจะขโมยมัน?’ นี่แหละความน่าดูที่ ‘รอว์สัน มาร์แชล เธอร์เบอร์’ (Rawson Marshall Thurber) ผู้กำกับและผู้เขียนบทได้มอบให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ เช่นเดียวกับความสนุกสนานและความตื่นเต้นที่สะกดคนดูให้คิดตามตลอดเวลาว่าจะมีการหักหลังกันเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ แต่ภายใต้ความเร้าอารมณ์เหล่านั้น เธอร์เบอร์ยังได้ชวนผู้ชมย้อนมองชีวิตและเบื้องหลังการกระทำของเหล่านักโจรกรรมได้อย่างมีชั้นเชิง เพื่อไม่ให้สังคมลืมไปว่า ครอบครัวยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญและมีอิทธิพลฝังใจเสมอ แม้เด็กจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม เรื่อง: วโรดม เตชศรีสุธี ภาพ: https://www.netflix.com/title/81161626  อ้างอิง: Red Notice (2021) ออกฉายทาง Netflix https://www.interpol.int/en/How-we-work/Notices/View-Red-Notices  https://www.interpol.int/How-we-work/Notices/Red-Notices https://www.tnnthailand.com/news/socialtalk/2416/ https://www.mrscheckmate.com/what-chess-pieces-represent/#the-bishop- https://thecinemaholic.com/where-was-red-notice-filmed/ https://www.johnstown.k12.oh.us/cms/lib/OH02000847/Centricity/Domain/149/The%20Middle%20Ages%20_%20clergy.html