ริชาร์ด หลิว ผู้สร้างอาณาจักรแสนล้าน JD.com จากความล้มเหลว

ริชาร์ด หลิว ผู้สร้างอาณาจักรแสนล้าน JD.com จากความล้มเหลว
การลงจากตำแหน่งซีอีโอของ ‘ริชาร์ด หลิว’ ผู้ก่อตั้งบริษัท JingDong Mall เจ้าของ JD.com หนึ่งในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของจีนที่มีมูลค่ากว่าแสนล้านบาทที่เพิ่งประกาศเมื่อไม่นานนี้ แม้ยังไม่มีคำตอบชัดเจนว่า เกิดขึ้นเพราะอะไร แต่สิ่งที่เราอยากจะให้หลายคนรู้ ก็คือ กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ เขาเรียนรู้สร้างความสำเร็จจากความล้มเหลว ชีวิตช่วงต้นของ ริชาร์ด หลิว หรือ หลิว เฉียงตง ถือว่า มีฐานะลำบาก โดยเขาเกิดในปี ค.ศ. 1974 ณ เมืองซู่เชียน มณฑลเจียงซู ในครอบครัวที่ประกอบอาชีพขนส่งถ่านหิน ขณะที่ตัวเขาเป็นคนหัวดี จึงสอบเข้าเรียนระดับปริญญาตรีด้านสังคมวิทยา ที่มหาวิทยาลัย Renmin ได้สำเร็จ และระหว่างเรียนเขาได้ฝึกเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่มาก ๆ ในยุคนั้น ต่อมาหลิวเริ่มรับงานเขียนโปรแกรม ซึ่งงานนี้สร้างรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำ สามารถสร้างบ้านใหม่ให้กับพ่อแม่ รวมถึงนำเงินไปลงทุนเปิดร้านอาหารได้ แต่ด้วยขาดประสบการณ์ในการบริหารจัดการ บวกกับไว้วางใจพนักงานมากเกินไป จึงถูกพนักงานโกง จนกิจการร้านอาหารต้องปิดตัวไปในเวลาไม่ถึงปี อย่างไรก็ตาม ด้วยความมุ่งมั่นในการมีธุรกิจของตัวเอง หลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Renmin ในปี 1996 หลิวได้เรียนหลักสูตร EMBA จาก China Europe International Business School และเพื่อจะได้เรียนรู้ ตลอดจนสร้างประสบการณ์ด้านบริหารจัดการธุรกิจ เขาได้เริ่มทำงานที่ Japan Life ยักษ์ใหญ่ด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพร ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายคอมพิวเตอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ และผู้ดูแลด้านโลจิสติกส์ การทำงานที่นี้ทำให้เขาตระหนักถึงความล้มเหลวของร้านอาหารว่า เป็นความผิดของตัวเองที่ไม่ได้สร้างระบบการบริหารจัดการให้ดี พร้อมกับเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และให้ความสำคัญกับการบริหารธุรกิจอย่างเป็นระบบ ปี 1998 หลิว ได้ตัดสินใจลาออกจาก Japan Life มาทำธุรกิจของตัวเองอีกครั้ง นั่นคือ Jingdong Century ร้านขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ตั้งอยู่ที่ Zhongguancun ในกรุงปักกิ่ง ด้วยทุนเริ่มต้นเพียง 12,000 หยวน Jingdong Century เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2003 มีสาขา 12 สาขาทั่วปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเสิ่นหยาง สามารถทำรายได้ต่อปีประมาณ 9 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ต้องสะดุดจากการระบาดของโรคซาร์ส ในประเทศจีน เพราะผู้คนหวาดกลัวไม่กล้าออกจากบ้าน พนักงานเองก็ไม่กล้ามาทำงานที่ร้าน ทำให้จำเป็นต้องปิดร้านค้าทั้ง 12 สาขา และยอดขายลดลงเหลือ 0 ทันที แทนที่จะมองเป็นอุปสรรค หลิวกลับใช้เป็นโอกาสในการขยายธุรกิจในรูปแบบใหม่ นั่นคือ อีคอมเมิร์ซ ด้วยการเริ่มโพสต์ผลิตภัณฑ์ขายบนเว็บไซต์หรือเว็บบอร์ด และแม้ต่อมาจะสามารถเปิดหน้าร้านได้ แต่ด้วยความสำเร็จจากอีคอมเมิร์ซ ทำให้เขามาลุยธุรกิจนี้อย่างเป็นทางการในปี 2004 ด้วยการเปิดตัว Jingdong Mall หรือ JD.com ซึ่งเป็นธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในปี 2014 เมื่อ Tencent คู่แข่งรายสำคัญของ ‘อาลีบาบา’ อย่าง Tencent เข้าร่วมลงทุนกับ JD.com ด้วยเงินลงทุน 214.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และเข้าถือหุ้น 15%ใน JD.com หลังจากการ Tencent เข้ามาถือหุ้น หลิวได้พา JD.com เข้าตลาดหุ้น Nasdaq มีการขายหุ้น IPO ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2014 ซึ่ง ณ วันที่เข้าตลาดหุ้นนั้น JD ยังคงไม่มีกำไร และหลิวได้กล่าววลีสะท้านใจนักลงทุนทันทีว่า Growth First, Profits Second การทำงานอย่างมีระบบ และให้ความสำคัญกับความเร็วในการส่งสินค้าไปถึงมือผู้บริโภค บวกกับการให้การสนับสนุนของ Tencent ทำให้ JD.com เติบโตอย่างรวดเร็ว ติดอันดับ Fortune Global 500 โดยปี 2021 ทำรายได้ไป 149.325 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีธุรกิจครบคลุมทั้งอีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ รีเทล และอื่น ๆ ขณะที่หลิว ติดอันดับเศรษฐีอันดับ 188 ของโลกประจำปี 2022 จากการจัดอันดับของนิตยสารชื่อดัง Forbe ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 12.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันหลิวได้ประกาศก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอของ JD.com (หลิวพยายามลดบทบาทของตัวเองในบริษัทลงมาตั้งแต่ปี 2018 หลังถูกตั้งข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเขาปฏิเสธข้อหา) และ ซู เลย ประธานของ JD.com จะเข้ารับตำแหน่งนี้แทน ส่วนหลิวจะยังคงดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการของบริษัทต่อไป ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจ และอำนาจในการโหวตถึง 77% โดยยืนยันเดินหน้าดูแลยุทธศาสตร์ระยะยาว การฝึกสอนทีมบริหารรุ่นใหม่ และการฟื้นฟูพื้นที่ชนบทห่างไกล เรื่อง : ณัฐสุดา เพ็งผล ภาพ : jdcorporateblog อ้างอิง https://www.forbes.com/billionaires/ https://jdcorporateblog.com/about-richard-liu-jd-com.../ https://en.wikipedia.org/wiki/JD.com https://www.forbes.com/.../jdcoms-richard-liu-becomes.../...