โรเจอร์ เอลส์ โดนแฉว่าล่วงละเมิดทางเพศ จนต้องลาออกจากการบริหาร Fox News

ฤดูร้อน ค.ศ. 2016 เกร็ทเชน คาร์ลสัน (Gretchen Carlson) อดีต Miss America ปี 1989 และพิธีกรรายการ Fox & Friends ถูกไล่ออกกะทันหัน คำสั่งนั้นกลับกลายเป็นเชื้อไฟชั้นดีให้เธอลุกขึ้นมาฟ้องผู้บริหารช่อง Fox News โรเจอร์ เอลส์ (Roger Ailes) ในคดีล่วงละเมิดทางเพศ ก่อนพนักงานสาวหลายคนในบริษัทจะเข้าร่วมสมทบแฉพฤติกรรมเจ้าพ่อวงการสื่อคนนี้ ในระยะเวลาเพียง 16 วัน โรเจอร์ เอลส์ ก็ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง และหนีจากวงการสื่อไปตลอดกาล ผลพวงการกระทำของสาว ๆ Fox News เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงในวงการฮอลลีวูดลุกขึ้นมาแฉพฤติกรรมโปรดิวเซอร์ดัง ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน (Harvey Weinstein) ที่ล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิงหลายคนในวงการ ท้ายที่สุดมันก็ลุกลามกลายเป็นกระแส #MeToo สำหรับผู้หญิงทั่วโลกในเวลาต่อมา  [caption id="attachment_19338" align="alignnone" width="1280"] โรเจอร์ เอลส์ รับบทโดย จอห์น ลิธโกว์[/caption]   เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นในอาณาจักรส่วนตัวในช่อง Fox News โดย The Hollywood Reporter ระบุรายละเอียดห้องทำงานนี้ว่า ตกแต่งด้วยก้อนอิฐคล้ายรังลับของบิน ลาเดน “เรารู้ด้วยว่าโรเจอร์ติดตั้งประตูนิรภัยพิเศษเอาไว้อีกชั้น ทำให้ออฟฟิศของเขามีความเป็นส่วนตัวมากกว่าใครในตึกนั้น” ณ ห้องนั้น สาว ๆ อ้างว่า โรเจอร์ เอลส์ มักเรียกพิธีกรหญิงในสังกัดเข้าไปพูดคุยส่วนตัว และเขามักคุกคามทางเพศพวกเธอด้วยวาจา สายตา หรือแม้แต่การกระทำ หนักที่สุดคือการเจรจาขอมีความสัมพันธ์ทางกายเพื่อแลกกับหน้าที่การงาน เหมืองดั่ง เชลลีย์ รอสส์ (Shelly Ross) อดีตโปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์ที่เอลส์เคยพูดกับเธอว่า “หนึ่งในการแสดงออกว่าภักดีจะต้องมาจากความใกล้ชิดทางเพศ” ทว่าหลักฐานชั้นดีคือเสียงจากเทปที่คาร์ลสันแอบบันทึกระหว่างการพูดคุยกับเอลส์แบบส่วนตัว ถึงกระนั้นเอลส์เองก็ยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แถมมองว่าคาร์ลสัน (และสาว ๆ คนอื่น) แก้แค้นเขาเป็นการส่วนตัว เพราะสถานีประสบปัญหาเรตติงจนต้องยกเลิกสัญญาจ้างพวกเธอ อย่างไรก็ดี 18 พฤษภาคม 2017 โรเจอร์ เอลส์ ก็เสียชีวิตภายในบ้านพักส่วนตัวในย่าน ปาล์ม บีช รัฐฟลอริด้า หลังจากล้มหัวกระแทกพื้นในห้องน้ำเพียงสัปดาห์เดียว โรเจอร์ เอลส์ นับเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลในวงการสื่อมวลชนสหรัฐฯ เคยทำงานเป็นที่ปรึกษาให้อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลายคน เช่น ริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon), โรนัลด์ เรแกน (Ronald Reagan), จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ทั้งรุ่นพ่อและลูก (George H. W. Bush และ George W. Bush) ก่อนเจ้าพ่อวงการสื่อ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก (Rupert Murdoch) จะจ้างเขาเป็นผู้บริหารของ Fox News ตั้งแต่ปี 1996 การทำงานกว่า 20 ปี ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลในวงการสื่อมวลชนสหรัฐฯ เรื่องราวอื้อฉาวดังกล่าวถูกนำสร้างเป็นภาพยนตร์เป็นที่เรียบร้อยในชื่อ Bombshell (2019) สะท้อนความกล้าหาญของสามสาวแห่งช่องที่กล้าลุกขึ้นมาต่อกรกับชายคนนี้ “สิ่งสำคัญคือการพาเราย้อนไปให้เห็นเรื่องราวของสาว ๆ ที่จุดระเบิดประเด็น #MeToo จนกลายเป็นกระแสหลักซึ่งยังเติบโตขึ้นทุกวัน” ชาร์ลิซ เธอรอน (Charlize Theron) นักแสดงมากฝีมือควบตำแหน่งโปรดิวเซอร์ กล่าวถึงเหตุผลที่สร้างหนังเรื่องนี้ “นี่คือคดีล่วงละเมิดในที่ทำงานคดีแรก หนึ่งปีก่อนที่เรื่องของ ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน จะแดงขึ้นมา” ไม่เพียงควบคุมการผลิต เธอยังร่วมแสดงนำเป็น เมจิน เคลลี (Megyn Kelly) หนึ่งในกลุ่มสามสาวนี้ด้วย “เธอคือตัวแม่ของ Fox News และอยู่ในช่วงเจรจาต่อสัญญาด้วย ทุกอย่างเป็นใจกับเธอไปหมด แน่นอนมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอเลย ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่คนไม่ค่อยรู้กัน การตัดสินใจของผู้หญิงในสถานการณ์แบบนั้น มันทั้งซับซ้อนและลึกซึ้งมาก”  สำหรับ เกร็ทเชน คาร์ลสัน หัวเรือใหญ่ในการแฉ รับบทโดย นิโคล คิดแมน (Nicole Kidman) “ฉันภูมิใจที่ได้มีส่วมร่วมในพลังหญิง และได้ตีแผ่เรื่องราวของเหยื่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือเหยื่อการใช้อำนาจในทางที่ผิด ฉันหวังว่ามันจะจุดประกายให้ใครสักคนลุกขึ้นพูดว่า ‘ฉันไม่ต้องทนกับเรื่องแบบนี้ ฉันมีเสียงของตัวเอง ต้องมีคนรับรู้เรื่องที่ฉันเจอมา’” และพิธีกรดาวรุ่งที่กำลังได้รับการผลักดัน เคย์ลา พอสพิซิล (Kayla Pospisil) รับบทโดย มาร์โก ร็อบบี (Margot Robbie) ที่บอกว่า “เราไม่มีโอกาสสำรวจพื้นที่สีเทา ที่ก่อให้เกิดกระแส #MeToo จริง ๆ นั่นคือเหตุผลที่ฉันสนใจแสดง หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องราวของเหยื่อ แต่มันซับซ้อนกว่านั้น” [caption id="attachment_19333" align="alignnone" width="1000"] เมจิน เคลลี รับบทโดย ชาร์ลิซ เธอรอน, เกร็ทเชน คาร์ลสัน รับบทโดย นิโคล คิดแมน และ เคย์ลา พอสพิซิล รับบทโดย มาร์โก ร็อบบี[/caption]   แน่นอนว่าตัวละครสำคัญของเรื่อง โรเจอร์ เอลส์ ชายผู้เป็นใหญ่ในอาณาจักร Fox News ก็ต้องรับบทโดยนักแสดงรุ่นใหญ่เช่นกัน ซึ่งก็คือ จอห์น ลิธโกว์ (John Lithgow) นักแสดงมากความสามารถผู้เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วสองครั้งจาก The World According to Garp (1982) กับ Terms of Endearment (1983) และเคยคว้ารางวัลใหญ่สายโทรทัศน์อย่างเอมมี อวอร์ดส์ ในบท วินสตัน เชอร์ชิล (Winston Churchil) จากซีรีส์ The Crown  เอลส์เป็นบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าดุดัน แต่มีเสน่ห์เฉพาะตัว มีความอหังการ แต่ก็มีความเมตตา ทำให้เขาเป็นคนที่ซับซ้อนและขัดแย้งในตัวเอง ซึ่งนั่นเป็นบทบาทที่ลิธโกว์โปรดปรานยิ่งนัก น่าเสียดายที่เอลส์ตัวจริงไม่ค่อยออกสื่อเท่าไหร่ ทำให้ลิธโกว์ต้องทำการบ้านหนักพอสมควร “ผมหาวิดีโอเกี่ยวกับเขาเท่าที่หาได้ แต่มันมีไม่เยอะหรอก เอลส์ไม่ใช่คนเบื้องหน้า เขาชอบที่จะชักใยอยู่เบื้องหลังมากกว่า” ข้อมูลที่ลิธโกว์พอจะทราบคือเรื่องราวที่คนเล่าสืบต่อกันมา เช่น เอลส์มักมอบโอกาสให้ดาวรุ่งได้แจ้งเกิด โดยจะสั่งให้ผู้ประกาศสาวใส่กระโปรงสั้นเข้าไว้ หรือการมีรสนิยมชอบผู้ประกาศสาวผิวแทน ผมบลอนด์ และให้ใส่เดรสสีเข้มรัดรูปโชว์เรียวขา รวมไปถึงข้อมูลจากเพื่อนเก่าที่เคยทำงานกับเอลส์ “ผมว่าเอลส์ต้องเป็นคนที่คุยด้วยสนุกมาก เขามีอารมณ์ขันที่เข้าขั้นเกรียนเลยก็ว่าได้ นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมเขาถึงได้ใจพนักงานส่วนใหญ่” ส่วนประเด็นเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศของเอลส์นั้น ลิธโกว์ผู้รับบทนี้กล่าวว่า “ผมว่าโรเจอร์รู้สึกภูมิใจในสิ่งที่เขาทำกับผู้หญิง เขาเชื่อว่าตัวเองอยู่ข้างเดียวกับพวกเธอ เขาพูดสิ่งเหล่านั้นออกมาด้วยความเชื่ออย่างสนิทว่า ‘ฉันมอบโอกาสให้พวกเธอ จะมาบอกว่าฉันทำร้ายพวกเธอได้ยังไง?’ ผมเชื่อว่าเขาคิดแบบนั้นจริง ๆ” กรณีของเอลส์กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวระดับโลกที่ส่งผลกระทบไปทุกวงการ พร้อมกระแส #MeToo ที่หญิงสาวลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิ์จากการถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยชายที่มีอำนาจเหนือกว่า เหตุการณ์ใน Bombshell นับเป็นการแฉที่สร้างการสั่นสะเทือนไปทั่วโลก ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะผู้หญิงที่ไม่ยอมก้มหัวต่ออำนาจชายเป็นใหญ่นั่นเอง "ฉันแค่อยากจะลุกขึ้นยืนเพื่อตัวเอง และฉันต้องการที่ยืนสำหรับผู้หญิงอื่น ๆ ที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้เหมือนกัน" เกร็ทเชน คาร์ลสัน กล่าว