รอน ฟินลีย์ นักเลงชาวสวน ผู้ปลูกผักแบบกองโจรบนทางเท้า ช่วยชุมชนที่หิวโหยในลอสแอนเจลิส

รอน ฟินลีย์ นักเลงชาวสวน ผู้ปลูกผักแบบกองโจรบนทางเท้า ช่วยชุมชนที่หิวโหยในลอสแอนเจลิส
“ผมอยากลองแนะนำเด็ก ๆ ว่า ‘จงเติบโตมาเป็นนักเลงถือพลั่ว ไม่ใช่ถือปืน’ โอเคไหม?” ลองจินตนาการว่าถ้าคุณเติบโตมาในย่านที่หาซื้อเหล้าได้ง่ายกว่าแครอทปลอดสารพิษ ซื้อปืนได้ง่ายกว่าผักผลไม้สด คุณจะแวดล้อมด้วยเรื่องราวอะไร หากชุมชนที่คุณอาศัยอยู่มีแต่คนยากจน เจ็บป่วย และเต็มไปด้วยหนี้สิน คุณจะวาดฝันถึงอนาคตที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการมีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ ได้อย่างไร หากที่ผ่านมาคุณไม่เคยมีตัวอย่างดี ๆ ให้เห็นมาก่อน “ผมอาศัยอยู่ในเซาธ์ เซ็นทรัล (South-Central) ย่านที่เวลาคุณขับรถผ่านแล้วจะสังเกตเห็นร้านขายเหล้า ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด และที่ดินรกร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์มากที่สุดในอเมริกา” รอน ฟินลีย์ (Ron Finley) อดีตแฟชันดีไซเนอร์ ผู้ผันตัวมาเป็นเกษตรกรเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วกล่าว “คุณอาจสงสัยกันนะว่า แล้วมันเป็นปัญหายังไง โอเค ถ้าคุณเป็นนักท่องเที่ยวหรือแค่ขับรถผ่านมาก็อาจไม่มองว่ามันเป็นปัญหาหรอก เพราะคนรอบข้างคุณไม่ได้ทยอยเจ็บป่วยด้วยโรคอ้วนและตายไปเพราะมัน มากกว่าจะตายเพราะคดียิงกันเสียอีก” ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เดินออกจากบ้านแล้วฟินลีย์มองเห็นแต่ความป่วยไข้ อยู่ ๆ แถวบ้านเขาก็มีศูนย์ฟอกล้างไตผุดขึ้นมาถี่พอ ๆ กับร้านสตาร์บัคส์ คนรู้จักที่ค่อย ๆ แก่ตัวลง เริ่มเดินเหินไม่ไหวจนต้องใช้รถเข็นช่วย ใช่แล้ว นั่นก็ด้วย ธุรกิจรถเข็นคนพิการกลายเป็นที่นิยมมากช่วงหลายปีให้หลัง “พวกเรากลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงวะ” ฟินลีย์คิด “ตอนแรกผมก็ไม่ได้สังเกตหรอกว่ามันเป็นเพราะอาหาร ถึงจะไม่ได้สูบบุหรี่หรือดื่มเหล้าอะไรมากมาย แต่ผมนี่โตมากับเฟรนช์ฟรายและแฮมเบอร์เกอร์เลยล่ะ” ฟินลีย์บอกว่าถ้าคุณอาศัยอยู่ที่นี่ คุณจะมีร้านแบบ drive-thru ให้เลือกเต็มไปหมด แค่ขับรถเข้าไป เลือกเมนูแล้วก็จ่าย คุณได้อาหารกลับมากินง่าย ๆ ในราคาไม่แพง ฟังดูดีอยู่หรอก ถ้าคุณไม่ได้กินแบบนั้นแทบทุกวัน ทุกมื้อ จนสิ่งที่กินเข้าไปเริ่มไม่ใช่อาหาร แต่เป็นยาพิษ รอน ฟินลีย์ นักเลงชาวสวน ผู้ปลูกผักแบบกองโจรบนทางเท้า ช่วยชุมชนที่หิวโหยในลอสแอนเจลิส “คุณว่าแปลกไหม ถ้าเราต้องขับรถออกจากบ้านไป 45 นาที เพื่อซื้อแอปเปิลที่ไม่อาบยาฆ่าแมลง” ฟินลีย์เพิ่งมาสังเกตว่า ทั้งผัก ผลไม้ และอาหารดี ๆ ล้วนมีราคาแพงจนคนยากจนอย่างพวกเขาแทบเอื้อมไม่ถึง ไม่แปลกใจเลยที่อัตราคนเป็นโรคอ้วนในชุมชนที่เขาอยู่ จะพุ่งสูงกว่าย่านคนรวยอย่างเบเวอร์ลีฮิลส์ถึง 5 เท่า ทั้งที่อยู่ห่างกันแค่ 8-10 ไมล์ “ตอนนั้นล่ะที่ไอเดียการปลูกผักกินเองของผมผุดขึ้นมา ผมเริ่มปลูกป่าอาหารตรงหน้าบ้าน บนพื้นที่เล็ก ๆ ยาว 150 ฟุต กว้าง 10 ฟุต ซึ่งเคยเป็นทางเท้ามาก่อน” อันที่จริงพื้นที่บริเวณนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเมือง แต่เพราะไม่เคยมีใครมาสนใจอะไร คนที่ต้องดูแลมันจึงเป็นเจ้าของบ้าน ฟินลีย์เริ่มปลูกฟักทอง ผักคะน้า ทานตะวัน และผลไม้อื่น ๆ ที่หาซื้อไม่ได้บริเวณหน้าบ้าน และบอกว่านี่คือวิธีดูแลฟุตบาทของเขา “ตอนแรกหลายคนก็มองผมแปลก ๆ แต่พอผักผลไม้ตรงนั้นโตพอจะเก็บได้ พวกเขาก็เริ่มมองผมเปลี่ยนไป” เพราะมีหลายคนสนใจอยากจะร่วมด้วย ในปี 2010 ฟินลีย์จึงตั้งกลุ่มที่ชื่อ แอล. เอ. กรีน กราวด์ ขึ้นมาเพื่อให้คำปรึกษาและช่วยเหลือคนที่สนใจอยากจะปลูกผักและผลไม้กินเองบริเวณบ้าน ป่าอาหารในเซาธ์ เซ็นทรัล ที่ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นเซาธ์ ลอสแอนเจลิส (South Los Angeles) จึงค่อย ๆ ขยายตัวจากฟุตบาท ไปสู่เกาะกลางถนน สู่พื้นที่รกร้างอย่างสระน้ำที่ไม่มีใครใช้งาน จนระยะหลังแค่มองผ่าน ๆ ก็เริ่มเห็นพื้นที่สีเขียวแซมขึ้นมาในย่านนั้น จนดูแล้วสบายตา “มีคนถามผมว่า ‘รอน นายไม่กลัวมีคนมาขโมยอาหารของนายเหรอ’ ผมตอบว่า ‘เฮ้ย ไม่เลย ของพวกนี้ใครจะมาเอาก็เอาไป ฉันถึงได้ปลูกมันไว้บนถนนไงพวก’ คือผมก็ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว คนที่กำลังหิวก็มาเก็บไปกิน ผมว่าดีกว่าเขาจะเอาเงินไปซื้อเบอร์เกอร์ มันแปลว่าเขาเก็บสุขภาพที่ดีของเขาไว้ได้ด้วย” รอน ฟินลีย์ นักเลงชาวสวน ผู้ปลูกผักแบบกองโจรบนทางเท้า ช่วยชุมชนที่หิวโหยในลอสแอนเจลิส แต่ก็ใช่ว่าการเคลื่อนไหวแบบนี้จะไม่มีอุปสรรคเสมอไป ฟินลีย์บอกว่า เขาเคยโดนใบสั่งให้รื้อสวนทิ้ง เพราะมีคนไปร้องเรียนว่าเขาทำลายทัศนียภาพ “ตอนนั้นผมก็งงเลย แบบว่า จริงเหรอพวก? คุณออกหมายจับข้อหาปลูกพืชที่เป็นอาหาร บนพื้นที่ที่คุณไม่เคยเห็นค่าเลยเนี่ยนะ ผมก็บอกไปว่า ‘เอาเลย มาจับสิ ถ้านายคิดว่าทำอะไรได้’ ตอนนั้นทั้งสื่อและสมาชิกกลุ่มของเราก็พยายามช่วยผมเต็มที่ พวกเขาตั้งแคมเปญล่ารายชื่อผู้สนับสนุนมาได้เกือบพันรายชื่อ เพื่อต่อรองกับสมาชิกสภาของเมือง สุดท้ายเราก็ชนะ” ฟินลีย์เล่าว่า ตอนนั้นสมาชิกสภาถึงกับโทรมาพูดคุยกับเขา แถมยังบอกว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำนั้นดีมาก แอลเอเป็นเมืองที่มีพื้นที่รกร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์มากที่สุดในอเมริกา เพราะราคาที่ค่อนข้างสูง ทำให้พื้นที่ราว 26 ตารางไมล์ ซึ่งเปรียบได้กับ 20 เท่าของเซ็นทรัล พาร์ค ไม่มีใครใช้ประโยชน์ การที่ฟินลีย์เอามันมาทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ความเป็นอยู่ของคนอื่นดีขึ้นจึงได้รับการสนับสนุน “ถึงผมจะไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การทำเป็นอาชีพ แต่การปลูกผักกินเองก็ประหยัดไปได้เยอะ คุณได้สุขภาพที่ดีขึ้นก็เหมือนได้ชีวิตที่ดีขึ้น ไอเดียนี้แทบจะไม่มีผลเสียเลย” แต่มากกว่าทั้งเรื่องสุขภาพ และสภาพคล่องทางการเงิน ฟินลีย์พบว่าการปลูกผักให้อะไรกับชุมชนของเขามากกว่าที่เคยคิด เพราะหลังจากเขาเริ่มมีชื่อเสียงในฐานะ ‘นักเลงชาวสวน’ (Gangster Gardener) ก็เริ่มมีคนสนใจไอเดียของเขาและเชิญเขาไปสอนวิธีการทำสวนในพื้นที่อื่น ๆ ของอเมริกาด้วย ฟินลีย์พบว่าสวนของเขาได้กลายเป็นสื่อการเรียนการสอน ที่สามารถปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงชุมชนต่าง ๆ ไปในทางที่ดีขึ้น “แล้วคุณจะแปลกใจว่าสวนพวกนี้มีผลกับเด็ก ๆ แค่ไหน หลายคนที่ไม่เคยทำสวนไม่เข้าใจว่าพืชพวกนี้โตมาอย่างไร มันจึงกลายเป็นของประหลาด แต่พอพวกเขาได้ปลูก พวกเขาจะไม่เกลียดหรือกลัวมัน เด็กที่ปลูกมะเขือเทศจะกินมะเขือเทศ เด็กที่ปลูกคะน้าจะกินคะน้า อาหารส่งผลต่อจิตใจ ถ้าเขาไม่เคยรู้ว่าอาหารพวกนี้มีความเป็นมาอย่างไร พวกเขาก็จะกินแต่อะไรก็ตามที่คุณเอามาวางตรงหน้า” รอน ฟินลีย์ นักเลงชาวสวน ผู้ปลูกผักแบบกองโจรบนทางเท้า ช่วยชุมชนที่หิวโหยในลอสแอนเจลิส ก่อนหน้านี้อาชีพของฟินลีย์คือศิลปิน เขาบอกว่าตัวเองแทบไม่ได้กลับไปรังสรรค์ผลงานเหล่านั้นอีกเลยหลังจากเริ่มปลูกผัก น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตของตัวเองมีอะไรขาดหาย เพราะการทำสวนตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการทำงานกราฟฟิตี เขาแค่เปลี่ยนจากการ ‘วาด’ มาเป็นการ ‘ปลูก’ งานศิลปะก็เท่านั้น “ผมใช้สวนและดินเป็นผืนผ้า ใช้พืชและต้นไม้เป็นเครื่องประดับ คุณอาจจินตนาการไม่ออกเลยว่าดอกทานตะวันน่าทึ่งแค่ไหน และส่งผลยังไงต่อผู้คนที่ผ่านมาพบเห็นบ้าง” ฟินลีย์เล่าว่า เขาอยากสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้เด็ก ๆ ในชุมชน ที่ผ่านมาเขาเห็นคนมากมายยังติดอยู่ในกรอบ และเดินบนเส้นทางเดิม ๆ เพราะพวกเขามองไม่เห็นเส้นทางอื่น เส้นทางพวกนั้นนำไปสู่ชีวิตที่ไม่ดีเท่าไหร่ และเขาไม่อยากให้คนหนุ่มสาวหรือแม้แต่ลูก ๆ ของเขาเป็นแบบนั้น “เด็กเหล่านี้ต้องไม่สิ้นหวัง พวกเขาต้องมีความฝัน เพราะมันฟรี เหมือนกับสตรอว์เบอร์รี่ในสวนของผมนั่นล่ะ” เขาอยากให้เด็ก ๆ มีชีวิตที่ยั่งยืน มีทางเลือกของตัวเอง และใครจะไปรู้ ในอนาคตพวกเขาอาจจะสร้างจอร์จ วอชิงตัน คาร์เวอร์ (นักวิทยาศาสตร์ผู้ผลักดันการปลูกพืชทางเลือก) คนต่อไปขึ้นมาก็ได้ “มันเหมือนการปลูกพืชตรงที่เราต้องทำให้ดินดีเสียก่อน ถึงจะมีผลผลิตที่ดีได้ เราต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในชุมชนนี้ให้เหมือนกับการปรับปรุงดิน เปลี่ยนมุมมองของเด็ก ๆ ที่มีต่อการทำสวน สอนให้พวกเขารู้จักความสุข และความภาคภูมิใจจากการปลูกอาหารกินเอง ทำให้แนวคิดพวกนี้ยั่งยืน และเด็ก ๆ รุ่นต่อไปจะกลายเป็นผลผลิตที่ดีจากชุมชนนี้เอง” ความฝันของฟินลีย์ในตอนนี้คือการทำสวนให้เต็มตลอดช่วงตึก ให้คนในละแวกเดียวกันมาแลกเปลี่ยนอาหารกัน เขาอยากเอาตู้ขนส่งสินค้ามาดัดแปลงเป็นร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ในอนาคตอยากให้มีตลาดนัดเกษตรกรในย่านนี้เกิดขึ้นมาด้วย แม้ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลา แต่เขาก็ยังมองว่าเป็นไปได้ ขอแค่ทุกคนร่วมมือกัน รอน ฟินลีย์ นักเลงชาวสวน ผู้ปลูกผักแบบกองโจรบนทางเท้า ช่วยชุมชนที่หิวโหยในลอสแอนเจลิส “เราต้องเปลี่ยนความคิดและทัศนคติของทุกคนเสียใหม่ ผมอยากลองแนะนำเด็ก ๆ ว่า ‘จงเติบโตมาเป็นนักเลงถือพลั่ว ไม่ใช่ถือปืน’ โอเคไหม? นักเลงที่แท้จริงต้องเลือกพลั่วเป็นอาวุธคู่กาย พวกเขาเท่เพราะมีชีวิตที่ดี ดูแลครอบครัวและคนที่ตัวเองรักได้ นั่นล่ะ ถึงจะเรียกว่านักเลงตัวจริง”     ที่มา http://ronfinley.com/meet-ron-finley/ https://www.latimes.com/food/dailydish/la-fo-ron-finley-project-20170503-story.html https://www.nytimes.com/2013/05/05/fashion/urban-gardening-an-appleseed-with-attitude.html https://www.ft.com/content/ffeaf616-d36e-11e7-a303-9060cb1e5f44 https://www.denverpost.com/2017/10/06/ron-finley-gangsta-gardener-denver/ https://www.ted.com/talks/ron_finley_a_guerrilla_gardener_in_south_central_la https://www.vogue.com/article/guerrilla-garden-ron-finley-los-angeles-south-central