ใครผ่านไปผ่านมาบนถนนหนทางของกรุงเทพฯ น่าจะเคยผ่านตาป้ายโฆษณา 'ศักดาทุบตึก' อยู่บ้าง แม้อาจไม่เคยใช้บริการเลยก็ตามที เพราะป้ายของเขากระจัดกระจายไปทั่ว และพาดหัวด้วยประโยคเรียกความสนใจ (ทั้งที่เนื้อหาอาจไม่เกี่ยวกันเลยสักนิด) อย่าง “ใกล้เลือก ส.ส. เข้าสภา อย่าลืมเลือกศักดาไปทุบตึก”
'ศักดาทุบตึก' คือใคร แล้วทำไมต้องมาทุบตึก
เบื้องหลังธุรกิจศักดาทุบตึกคือ ศักดา พันธุ์น้อย เจ้าของกิจการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศักดา (ผู้เชี่ยวชาญในการรื้อถอน) ย้อนไปเมื่อราว 30 ปีก่อน ศักดา-หนุ่มอีสานจาก จ.อุบลราชธานี ในวัย 24-25 ปี เดินทางเข้าเมืองหลวงของไทยเพื่อหวังหางานทำ จุดหมายปลายทางของผู้ใช้แรงงานทุกคนในสมัยนั้นคือหัวลำโพง ที่ที่นายจ้างจะมาเดินเรียกหาแรงงานหน่วยก้านดีไปทำงานกรรมกร แต่ตัวเขาเองนั้นลักษณะท่าทางออก ‘จิ๊กโก๋’ จึงได้ติดค้างอยู่หัวลำโพงเป็นสัปดาห์ ๆ กระทั่งถูกขโมยเงินไปหมด จึงต้องขอความช่วยเหลือจากญาติให้ฝากงานให้ในที่สุด
ศักดาในวัยหนุ่มแน่นได้งานทำเป็นคนขับรถให้บริษัทขายบ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง หน้าที่ของเขาคือการขับรถพาเซลส์และลูกค้าไปดูบ้านที่จะขาย อาชีพนี้นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาได้ความรู้เรื่องการขายและการตลาด ซึ่งจะมีประโยชน์กับบริษัทตัวเองในอนาคต เพราะระหว่างขับรถไปเขาก็ได้ฟังและซึมซับวิธีขายของเซลส์แมนไป จนได้เป็นผู้ช่วยเซลส์อย่างไม่เป็นทางการ เพราะต้องช่วยรับโทรศัพท์ลูกค้าให้เวลาเซลส์ไม่ว่าง
“เจ้าของเห็นท่าทางเราได้ ก็เลยจับใส่สูทผูกไทดู” ศักดากล่าว แต่เริ่มแรกเขาต้องไปเป็นเด็กแจกใบปลิวก่อน แล้วถึงได้เลื่อนขั้นมาเป็นเซลส์ขายบ้านเต็มตัว
ชีวิตเซลส์แมนทำให้ลืมตาอ้าปากได้ในเมืองกรุง และมาถึงจุดเปลี่ยนโดยบังเอิญอีกครั้งเมื่อศักดาพาเพื่อนฝูงไปเที่ยวซอยบุปผาสวรรค์ ได้พบเพื่อนใหม่ที่ทำงานรับจ้างทุบตึกอยู่ เขาจึงทดลองนำคำโฆษณารับทุบตึกไปลงพ่วงกับโฆษณาขายบ้านกรอบเล็ก ๆ ให้ในหนังสือพิมพ์ โดยไม่ได้รับค่านายหน้าแต่อย่างใด
ปรากฏว่าผ่านไป 2-3 เดือน พบกันอีกครั้งเพื่อนคนนั้นร่ำรวยจนถอยรถเบนซ์มาขับได้แล้ว “ผมก็ อ้าว แล้วเราจะมานั่งขายบ้านจัดสรรได้ค่าคอมมิชชั่นหลังละ 4-5 พันได้ไง ก็เลยลงโฆษณาของตัวเอง ทุบตึกเลย” โดยศักดาใช้วิธีดึงตัวคนงานจากบริษัทของเพื่อนมารับงานของเขาบ้าง
ศักดาเล่าว่ายุคนั้นยังไม่มีคู่แข่งมากนัก แต่จะทำให้ลูกค้าเข้ามาก็ต้องใช้การโฆษณา สิ่งนี้ถือเป็นจุดขายหลักจนชื่อของ 'ศักดาทุบตึก' ติดตลาด ซึ่งศักดาใช้วิชาที่ได้จากการเป็นเซลส์ขายบ้านมาปรับใช้ในจุดนี้เอง คำโฆษณาต่าง ๆ ที่ขึ้นป้ายนั้นเขาเป็นผู้คิดสร้างสรรค์เองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น “ใกล้เลือก ส.ส. เข้าสภา อย่าลืมเลือกศักดาไปทุบตึก”, “ศักดาทุบตึก ลดราคาแบบสุด ๆ เก็บเงินไว้แต่งเมีย”, “เลือกศักดาไปทุบตึก ขอให้ถูกรางวัลที่ 1” ซึ่งอารมณ์ขันปนความตรงไปตรงมาของป้ายเหล่านี้ กลายเป็นสะกิดสายตาของทุกคนให้ต้องอ่าน
ทุกวันนี้ศักดายังคงทำป้ายโฆษณาสัปดาห์ละ 20 แผ่น จะออกติดป้ายทุกวันอาทิตย์ช่วงกลางดึกเพื่อเลี่ยงเวลารถติด ศักดาเสียค่าโฆษณาน้อยมาก มีจุดติดป้ายโฆษณาที่เสียค่าเช่าเป็นทางการไม่ถึง 10 ป้าย ส่วนที่เหลือน่ะหรือ...ก็ใช้วิธี ‘ลักไก่’ ไปแอบติดตามบ้านร้าง ที่ดินร้าง มีตำรวจโทรมาเรียกไปถอดป้ายบ้าง แต่เขาก็มองว่า อย่างน้อยป้ายนั้นได้ปรากฏต่อสายตาคนไปแล้วเป็นเดือน คุ้มแสนคุ้ม!
ธุรกิจของศักดาทุบตึกเป็นงานกำไรดี แต่ก็มีความเสี่ยงและการจัดการที่ไม่ง่าย เขารับจ้างทุบตึก บ้าน โรงงาน ทุกชนิด แต่ต้องมีความสูงไม่เกิน 8 ชั้น และรับจ้างทั่วประเทศไทย เขาอธิบายคร่าว ๆ ว่า รับจ้างงานทุบบ้านสักหลังหนึ่งได้ค่าจ้างราว 40,000 บาท แต่จะได้เศษหิน ปูน ไม้ เหล็ก ฯลฯ ไปขายต่อตีมูลค่าได้ 100,000 บาท เมื่อหักต้นทุนค่าแรงคนงานแล้ว กำไรก็เหลือตั้งแต่ 50,000-70,000 บาททีเดียว
ส่วนความเสี่ยงและการจัดการ งานทุบตึกเป็นงานเสี่ยงภัยและต้องอาศัยฝีมือแรงงานสูง ต้องมีคนงานที่ขับรถแบ็คโฮได้คล่อง และคนงานก็ต้องกล้าพอจะขึ้นไปยืนใช้ค้อนปอนด์ทุบบนชั้นสูง ๆ ด้วย คนงานเหล่านี้ล้วนต้องฝึกฝนทักษะ โดยคนที่ทำงานกับศักดานานที่สุดทำอาชีพนี้มา 20 ปีแล้ว
“ไม่เคยเรียนโยธาเลย ผมจบอาชีวะช่างยนต์ แต่ทำถูกต้อง ทำมา 30 กว่าปี หจก.ศักดา ไม่เคยทำตึกถล่ม เพราะว่าเราต้องป้องกันอย่างดี แข็งแรง อย่างเช่นทุบตึก 8 ชั้นนี่ผมก็ต้องไปจ้างรถดับเพลิงจากเทศบาลมาฉีดน้ำเพื่อกันฝุ่นละออง” ศักดาพูดถึงคุณภาพงานรับทุบตึกของเขา
เพราะเป็นงานใช้แรงงาน การคุมพนักงานจึงเป็นเรื่องสำคัญ ศักดาผู้เคยเป็นจิ๊กโก๋ก็บริหารลูกน้องแบบจิ๊กโก๋เหมือนกัน รอบสำนักงานและแคมป์คนงานของเขาจะมีป้ายอบรมบ่มนิสัยแบบไม่เหมือนใคร เพราะเป็นคำตรง แรง ไปจนถึงสาปแช่ง เช่น “ติดคุกเพราะเสพยาไม่ประกันตัวเด็ดขาด”, “ใครขโมยของขอให้ฉิบหาย” เป็นต้น เขาอธิบายเรื่องนี้ว่าคุมลูกน้องต้องมีดุด่า แต่ขณะเดียวกัน ลูกน้องยังอยู่กับเขาเพราะพื้นฐานแล้วเขาใจดี และมีนิสัยแบ่งปันนั่นเอง
ปัจจุบัน ศักดาทุบตึก ขยายธุรกิจมาตามลำดับโดยไม่เคยกู้ธนาคารสักครั้ง ศักดาใช้วิธีเก็บหอมรอมริบมาเรื่อย ๆ จนมีรถเทรลเลอร์ไว้ขนเศษเหล็กเศษหิน และยังไปลงทุนทำร้านอาหารและรีสอร์ทไว้เผื่อเกษียณแล้วด้วย ซึ่งตามข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หจก.ศักดา (ผู้เชี่ยวชาญในการรื้อถอน) รายงานรายได้ปี 2561 ไว้ที่ 3.16 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 9.7 แสนบาท
ศักดาเล่าว่า ชีวิตที่มีกินมีใช้มากขึ้นของเขานั้น มีหลักสำคัญคือต้องไม่ท้อถอย แม้แต่มาทำธุรกิจรับทุบตึกก็ยังต้องผจญกับมิจฉาชีพหรือถูกโกง แต่ต้องสู้อย่าหยุด
“ผมไม่เคยเลือกว่าชีวิตจะเป็นอะไรหรือทำอะไร มีอะไรให้ทำผมก็ทำจนสุดฝีมือ ผมเป็นคนที่ทำอะไรทำจริง รับงานแล้วต้องทำให้เสร็จ” ศักดาสรุปปิดท้าย
ที่มา
รายการ Perspective ออกอากาศ 16 พฤษภาคม 256
พอดคาสต์ Foundercast EP.22 คุยกับศักดาทุบตึก
เรื่อง: Synthia Wong