แซม วอลตัน จากเด็กเสิร์ฟสู่ผู้ก่อตั้ง Walmart ที่เติบโตด้วยแนวคิด “ยิ่งช่วยลูกค้าประหยัด บริษัทยิ่งได้กำไร”

แซม วอลตัน จากเด็กเสิร์ฟสู่ผู้ก่อตั้ง Walmart ที่เติบโตด้วยแนวคิด “ยิ่งช่วยลูกค้าประหยัด บริษัทยิ่งได้กำไร”
คุณคิดว่าธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเกิดจากอะไร? สำหรับ แซม วอลตัน (Sam Walton) มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ผู้ก่อตั้ง Walmart คำตอบของเขามีสั้น ๆ นั่นคือ ช่วยลูกค้าประหยัดให้มากที่สุด แล้วกำไรจะวิ่งมาหาเอง วอลตัน เจ้าตำนานธุรกิจค้าปลีกของสหรัฐอเมริกาและโลกใบนี้ เกิดเมื่อปี 1918 ที่โอกลาโฮมา ในครอบครัวที่พ่อเป็นเกษตรกร แต่ฟาร์มก็ไม่ได้ทำรายได้ให้สักเท่าไหร่ ท้ายสุดพ่อของวอลตันต้องเอาฟาร์มไปจำนอง ประกอบกับช่วงเวลาถัดมาไม่กี่ปีก็เกิดวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำ “The Great Depression” ช่วงปลายปี 1929 และส่งผลกระทบต่อเนื่องยาวอีกหลายปี ทำให้ช่วงที่วอลตันเรียนที่ University of Missouri เขาต้องทำงานหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวด้วยการเป็นเด็กเสิร์ฟ รวมทั้งงานอื่น ๆ เท่าที่พอจะทำได้ หลังจบมหาวิทยาลัยในปี 1940 วอลตันทำงานที่ห้าง J. C. Penney อยู่ราวปีครึ่ง ก่อนจะไปเป็นทหารในสงครามโลกครั้งที่ 2 และออกมาในราวปี 1945 ตอนนั้นวอลตันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ จึงไปยืมเงินจากพ่อบุญธรรมมา 20,000 ดอลลาร์ บวกกับเงินที่เขาเก็บหอมรอมริบจากช่วงที่เป็นทหารอีก 5,000 ดอลลาร์ ซื้อร้านแฟรนไชส์ Ben Franklin ที่เน้นขายสินค้าสารพัดสารพันในราคาถูก ในเมืองนิวพอร์ต รัฐอาร์คันซอ มาทำ เขาสั่งสมประสบการณ์ในธุรกิจค้าปลีกอยู่เกือบ 20 ปี ก่อนจะเปิดร้าน Walmart สาขาแรกในปี 1962 ตั้งอยู่ในเมืองโรเจอร์ส รัฐอาร์คันซอ นับเป็นจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของธุรกิจค้าปลีกของวอลตัน ที่ปัจจุบันมีกว่าหมื่นสาขา กระจายตัวอยู่ทั่วสหรัฐฯ และกว่า 20 ประเทศทั่วโลก และในปีงบประมาณ 2020 Walmart ก็มีรายได้ร่วม 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ถึงจะขายสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ต่างจากใคร ๆ แต่สิ่งที่ทำให้ Walmart โดดเด่นกว่าก็คือแนวคิด “ราคาถูกทุกวัน” (Every Day Low Price-EDLP) วอลตันให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า จึงมีสินค้าหลากหลายครอบคลุมการใช้ชีวิตประจำวัน พร้อมกับขายในราคาถูก ช่วยลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายได้ทางหนึ่ง “ทุกครั้งที่เราช่วยลูกค้าประหยัดได้ 1 ดอลลาร์ จะทำให้เรานำหน้าคู่แข่งในตลาด 1 ก้าว” วอลตันบอก ตอนนั้นคู่แข่งต่างไม่มีใครเชื่อกลยุทธ์ของวอลตัน ส่วนใหญ่มักมองว่า ยิ่งดึงเงินจากกระเป๋าลูกค้าได้เท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างรายได้ให้บริษัทได้เท่านั้น แต่เจ้าพ่อค้าปลีกกลับคิดสวนทาง “หากทุกคนทำแบบเดียวกัน นั่นคือโอกาสดีที่คุณจะมองหาตลาดเฉพาะ ด้วยการเดินสวนทางพวกเขา” แม้ธุรกิจจะไปได้สวย แต่วอลตันไม่เคยประมาท เขามักมองหาไอเดียใหม่ ๆ อยู่เสมอ รวมทั้งชอบเดินทางไปเยี่ยมเยียน Walmart ทั่วสหรัฐฯ แบบไม่บอกล่วงหน้า เพื่อจะได้เห็นการทำงานจริง ๆ ของทุกคน และไม่รีรอที่จะแบ่งปันไอเดียหรือแนวทางการทำงานที่เจอในช่วงลงพื้นที่ ให้ผู้บริหารระดับสูงของ Walmart ได้นำไปปรับใช้ “ช่วยลูกค้าประหยัดเงิน ก็เท่ากับช่วยให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น” คือกลยุทธ์ที่ แซม วอลตัน ย้ำมาตลอดชีวิต