สามเหมียวยอดนินจา: การ์ตูนที่ทำให้ “ด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า” กลายเป็นประโยคยอดฮิต

สามเหมียวยอดนินจา: การ์ตูนที่ทำให้ “ด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า” กลายเป็นประโยคยอดฮิต

การ์ตูนที่ทำให้ “ด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า” กลายเป็นประโยคยอดฮิต

"ด่วนจี๋ ไปรษณีย์จ๋า" ประโยคนี้ครั้งหนึ่งเคยฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง ลูกเล็กเด็กแดงต้องพูดตามเพราะความดังของการ์ตูน “สามเหมียวยอดนินจา” ที่จะต้องมีประโยคนี้ดังขึ้นมาก่อนที่เหล่าเหมียวนินจาจะออกปฏิบัติการ เด็ก ๆ ยุค 90s น่าจะคุ้นเคยกับการรีบกลับมาจองทีวีเพื่อรอดูการ์ตูนเรื่องสามเหมียวยอดนินจา การ์ตูนจากประเทศญี่ปุ่นที่ฉายทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ในช่วงเย็น ๆ กันมาบ้าง ถึงแม้ชื่อการ์ตูนในภาษาไทยจะบอกว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนินจา แต่ชุดที่ตัวละครสวมใส่ดันเหมือนซามูไรเสียอย่างนั้น แถมเมื่อไปฉายในสหรัฐอเมริกาก็ยังใช้ชื่อว่า Samurai Pizza Cat อีก จึงเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันมานานว่า ตกลงการ์ตูนเรื่องนี้ต้องการพูดถึงนินจาหรือซามูไรกันแน่  เพื่อป้องกันความสับสน ในบทความนี้ ผู้เขียนจะขอเรียกตัวละครว่าเป็นเหล่าซามูไรก็แล้วกัน เรื่องราวของสามเหมียวยอดนินจา เป็นการพูดถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสมัยเอโดะ เมื่อผู้ปกครองบ้านเมืองอ่อนแอ ไดเมียวจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ จึงพยายามยึดครองและใช้อำนาจในทางมิชอบ เขามักจะก่อความวุ่นวายในเมืองด้วยการสร้างสถานการณ์ร้าย ๆ ต่าง ๆ นานา เพื่อก่อกวนความสงบในเมืองเอโดะ โชคยังดีที่บ้านเมืองยังคงมีขุนนางฝ่ายดีที่คอยสอดส่องและร่วมมือกับเหล่าซามูไร เพื่อต่อสู้กับอำนาจชั่วร้ายอยู่ ซึ่งทีมซามูไรก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นกลุ่มแมวเหมียวจากร้านพิซซ่าได้แก่ ยัททาโร่ สึคาชิ และ พูรูลุน นั่นเอง เรื่องราวในทุก ๆ ตอนจึงเป็นการที่ฝ่ายซามูไรต้องออกไปจัดการแก้ปัญหาความวุ่นวายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และนำความสงบสุขของเมืองเอโดะกลับคืนมา สามเหมียวยอดนินจา: การ์ตูนที่ทำให้ “ด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า” กลายเป็นประโยคยอดฮิต เมื่อนึกถึงคำว่า ‘ซามูไร’ ในสมัยเอโดะ ภาพลักษณ์ที่ชัดเจนในความคิดของหลายคน อาจเป็นภาพของผู้ชายที่ใส่ชุดเกราะสีเข้ม ถือดาบประจำตัว โกนผมที่อยู่ด้านหน้า แล้วรวบผมที่เหลือไว้ข้างหลัง เหมือนที่เราเห็นกันบ่อย ๆ ในหนังย้อนยุค แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาเริ่มเข้ามามีอิทธิพลทางวัฒนธรรมตั้งแต่ปี 1952 ส่งผลให้ไลฟ์สไตล์ แนวคิด การดำรงชีวิต และแน่นอนว่าการสรรค์สร้างการ์ตูนของชาวญี่ปุ่นถูกเปลี่ยน ซามูไรญี่ปุ่นจึงถูกดัดแปลงออกมาในรูปแบบใหม่ ๆ ให้เข้ากับยุคสมัย อย่างส่วนที่เห็นได้ชัดเจนในเรื่องสามเหมียวยอดนินจา เป็นชุดของซามูไรที่มีสีต่าง ๆ เช่น ขาว ฟ้า ชมพู แถมยังเป็นชุดเกราะสุดล้ำที่อาศัยพลังงานอิเล็กทรอนิกส์ และสามารถปล่อยพลังต่อสู้ได้ ในการ์ตูนสามเหมียวยอดนินจายังเพิ่มบทบาทความแข็งแกร่งของ ผู้หญิง ขึ้นมา เพื่อให้เข้ากับค่านิยมในยุคสมัยใหม่ อย่างตัวละคร ‘พูรูลุน’ ก็เป็นหนึ่งในซามูไรหญิง ที่มากไปด้วยความเก่งกาจ ‘โอตะมะจัง’ ผู้บริหารร้านพิซซ่า ก็เป็นผู้หญิงที่ทำหน้าที่สำคัญอย่างการควบคุมระบบการขนส่งซามูไร ผ่านปืนใหญ่ที่อยู่บนหลังคาร้าน เพื่อส่งเหล่าแมวเหมียวไปปราบเหล่าร้าย เมื่อลองพิจารณาจากยุคสมัยที่การ์ตูนเรื่องนี้ออกฉาย จึงนับเป็นความแปลกใหม่ของการ์ตูนของญี่ปุ่นในยุคนั้นไปเลย สามเหมียวยอดนินจา: การ์ตูนที่ทำให้ “ด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า” กลายเป็นประโยคยอดฮิต อีกหนึ่งความพิเศษของสามเหมียวยอดนินจาคือ การนำสัตว์ต่าง ๆ มาสร้างเป็นตัวละครที่เดินได้ 2 ขา ถ้าสังเกตดูจะเห็นว่าเหล่าสัตว์ที่ถูกนำมาสร้างเป็นตัวละครในเรื่อง ล้วนเป็นสัตว์ที่มีความหมายตามความเชื่อของคนญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น  แมว ตัวละครฝ่ายธรรมะ ที่เป็นตัวแทนของสิ่งนำโชค ชาวญี่ปุ่นจึงมักใช้พวกมันเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี โชคลาภ แถมยังสามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย หากใครเคยไปเที่ยวญี่ปุ่นน่าจะเจอตุ๊กตาแมวกวักสีขาวที่ประดับไว้เพื่อเสริมสิริมงคลกันแทบทุกที่ ‘ยัททาโร่’ พระเอกของเรื่องนี้ ก็เป็นแมวที่ใส่ชุดเกราะซามูไรสีขาวเช่นเดียวกัน  สุนัขจิ้งจอก ตัวแทนความมีไหวพริบ ความเชื่อของคนญี่ปุ่นมักมองสุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์เจ้าเล่ห์ อีกนัยหนึ่งก็เป็นตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ด้วย ในการ์ตูนสามเหมียวยอดนินจามีการวางตัวละครสุนัขจิ้งจอกให้เป็นไดเมียวผู้มีไหวพริบและอำนาจ แต่ดันอยู่ฝ่ายอธรรม จึงมักวางแผนร้ายมารังแกคนบริสุทธิ์ และก่อความไม่สงบในเมืองเอโดะเรื่อยมา สุดท้าย อีกา เป็นตัวแทนความชั่วร้าย ในหลากหลายวัฒนธรรมมักมองอีกาว่าเป็นสัตว์อัปมงคล ความเชื่อของชาวญี่ปุ่นเองก็ด้วย พวกเขาถึงขั้นมี ‘การาสุเท็งงุ’ ปีศาจอีกา เป็นตัวแทนแห่งความชั่วร้ายในตำนานของตัวเอง บทบาทของอีกาในเรื่องนี้จึงเป็นสมุนของไดเมียว ที่ทำหน้าที่ทั้งเป็นที่ปรึกษา และเป็นหน่วยรบที่ต้องต่อสู้กับกลุ่มยัททาโร่อยู่ในทุก ๆ ตอน สามเหมียวยอดนินจา: การ์ตูนที่ทำให้ “ด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า” กลายเป็นประโยคยอดฮิต ความโด่งดังของสามเหมียวยอดนินจา ทำให้มีการสร้างสินค้าต่าง ๆ เกี่ยวกับสามเหมียวออกขายในช่วงที่การ์ตูนออกฉายด้วย หลายคนที่เกิดทันยุคเครื่องเกม Famicom อาจเคยเล่นเกม Samurai Pizza Cat ที่ผู้เล่นต้องตะลุยด่านแต่ละด่านไปเพื่อปราบบอส นอกจากนี้ยังมีโมเดลของตัวละครที่เราสามารถซื้อมาประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ เป็นชุดเกราะเพื่อเก็บเป็นของสะสม ที่คงกลายเป็นของหายากไปแล้วในสมัยนี้  โดยสรุป จะเห็นได้ว่าสามเหมียวยอดนินจาเป็นการ์ตูนที่พูดถึงวัฒนธรรมที่สะท้อนความเป็นญี่ปุ่นอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบของยุคเอโดะ ไดเมียว ซามูไร รวมถึงการนำความเชื่อเกี่ยวกับสัตว์เข้ามาสร้างเป็นตัวละคร ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีการนำวัฒนธรรมตะวันตกที่ได้จากอเมริกาเข้ามาผสมผสาน โดยมีการพัฒนาและต่อยอดมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่หลังสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2  งานนี้ไม่ว่าจะเป็นเด็กญี่ปุ่น หรือเด็กไทย พอเจอการ์ตูนที่มีการผสมผสานทางวัฒนธรรมรูปแบบนี้เข้าไป มันก็ได้กลายเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับหลายคนที่ได้ดูการ์ตูนในยุคนั้น เมื่อญี่ปุ่นสามารถนำวัฒนธรรมของตัวเองมาผสมกับวัฒนธรรมของชาติตะวันตกได้อย่างลงตัว สิ่งที่ตามมาก็คือการส่งออกสินค้าทางวัฒนธรรมในรูปแบบที่ไม่เหมือนใครไปยังต่างประเทศ พร้อม ๆ กับสร้างรายได้อย่างมหาศาลให้กับประเทศญี่ปุ่น     เรื่อง: กวิน สุวรรณตระกูล