นาโอมิ แคมป์เบลล์ : ตัวแม่บนพื้นที่ ‘Black Lives Matter’

นาโอมิ แคมป์เบลล์ : ตัวแม่บนพื้นที่ ‘Black Lives Matter’

นาโอมิ แคมป์เบลล์ (Naomi Campbell) คือ ตัวมารดาเฉิดฉายอยู่บนรันเวย์แฟชั่นมานานกว่า 4 ทศวรรษ นางแบบเชื้อสายแอฟริกัน ผู้เข้ามาทำลายอคติทางเชื้อชาติ แสดงให้โลกเห็นว่าความงามไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่สีผิวใดสีผิวหนึ่ง

KEY

POINTS

  • นาโอมิ แคมป์เบลล์ (Naomi Campbell) คือ ตัวมารดาเฉิดฉายอยู่บนรันเวย์แฟชั่นมานานกว่า 4 ทศวรรษ
  • นางแบบเชื้อสายแอฟริกัน ผู้เข้ามาทำลายอคติทางเชื้อชาติ แสดงให้โลกเห็นว่าความงามไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่สีผิวใดสีผิวหนึ่ง
  • นอกจากจุดกระแสทำให้คนมองคนเท่ากันแล้ว เธอยังส่งพลังความเป็นแม่ให้โลกเห็น โดยการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวในวัย 50 ปี

นาโอมิ แคมป์เบลล์ (Naomi Campbell) คือตัวแม่ ตัวมัม ตัวมารดา ที่ครองรันเวย์มาเกือบ 4 ทศวรรษ วงการแฟชั่นรู้จักเธอก่อนความหลากหลายจะกลายเป็นกระแสหลายสิบปี เธอเป็นหนึ่งใน ‘Big Five’ ห้าซูเปอร์โมเดลแห่งยุค 90s ร่วมกับ ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด, คริสตี้ เทอร์ลิงตัน, ลินดา อีวานเจลิสต้า และคลอเดีย ชิฟเฟอร์ แต่ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือเธอมีเชื้อสายแอฟริกัน

ในวัยใกล้ 54 ปี ชื่อของเธอยังคงไม่เสื่อมมนตร์ขลัง แม้โลกแฟชั่นจะมีนางแบบรุ่นใหม่เกิดขึ้นมากมาย นาโอมิยังคงเป็นนางแบบคิวทองที่มีงานต่อเนื่อง และเธอได้เลือกใช้ความโด่งดังบนรันเวย์เป็นใบเบิกทางเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง

รันเวย์ของสาวผิวสี

นาโอมิ แคมป์เบลล์ เป็นชาวอังกฤษเชื้อสายจาเมกาจากทางตอนใต้ของลอนดอน เธอไม่เคยรู้ว่าใครคือพ่อ โตมากับแม่ที่เป็นนักเต้น ใช้ชีวิตวัยเด็กในโรงเรียนสอนเต้นรำ และตั้งใจมาตลอดว่าจะเป็นนักเต้น แต่วันหนึ่งในขณะที่เธอกำลังเดินชอปปิงอยู่ รูปร่างหน้าตาของเด็กสาววัย 15 ปี ก็ไปสะดุดตาแมวมอง ทำให้เธอได้เริ่มเส้นทางสายนางแบบนับแต่นั้น

“ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกันอาจเป็นคนผิวดำ แต่ในฐานะผู้หญิงผิวดำ ฉันยังคงเป็นข้อยกเว้นในธุรกิจนี้ ฉันต้องทำงานหนักขึ้นเสมอเพื่อให้ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม”

แก้มโหนกนูน ริมฝีปากอวบอิ่ม รูปร่างสมบูรณ์แบบ ควบคู่ไปกับท่าเดินฉับไว บิดตัวไปมาเป็นจังหวะ นำเสนอเสื้อผ้าบนรันเวย์ได้อย่างสะกดตา ทำให้นาโอมิโดดเด่นแตกต่าง จน Beyonce เอาท่อน ‘Naomi Campbell Walk’ ไปใส่ไว้ในเพลง ‘Get Me Bodied’ เพื่อสรรเสริญนางแบบตัวแม่ แต่แม้ว่าเธอจะเป็นนางแบบผิวดำชื่อดังแห่งยุคสมัยที่ร่วมงานกับห้องเสื้อชื่อดังมาแล้วแทบทุกแห่ง และขึ้นปกนิตยสารมาแล้วมากกว่า 500 ฉบับ นาโอมิก็เคยเผชิญกับการเลือกปฏิบัติเฉกเช่นเดียวกับเพื่อนร่วมเชื้อชาติของเธอ ช่วงแรกในวงการ เธอไม่ได้รับงานโฆษณามากเท่านางแบบผิวขาวซึ่งตรงตามมาตรฐานความงามในสมัยนั้น งานเดินแบบบางรายการก็ไม่เลือกใช้เธอเพราะสีผิว เธอใช้เวลา 13 ปี ในวงการนางแบบ กว่าจะได้เซ็นสัญญากับแบรนด์เครื่องสำอางแบรนด์แรก ซึ่งนับว่าช้ามาก

อย่างไรก็ตาม ภายใต้อคติทางเชื้อชาติที่เธอได้รับจากคนบางกลุ่ม ส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเธอกลับมาจากการสนับสนุนของเพื่อนผิวขาวในวงการ คริสตี้ เทอร์ลิงตัน และลินดา อีวานเจลิสตา นางแบบชื่อดังช่วงปลายปี 80 บอกกับ Dolce & Gabbana ว่าหากเขาไม่เลือกใช้นาโอมิ ก็จะไม่ได้ใช้พวกเธอเช่นกัน อัซเซดีน อาลาเอีย ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวตูนิเซีย-ฝรั่งเศส ก็เอ็นดูเธอราวลูกสาว และดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง อีฟ แซงต์ โลร็องต์ ก็ขู่ว่าจะถอนสปอนเซอร์ออกทั้งหมดจากนิตยสาร Vogue ฝรั่งเศส หากนาโอมิไม่ได้ขึ้นปก ทำให้เธอได้เป็นนางแบบเชื้อสายแอฟริกันคนแรกบนปก Vogue ฝรั่งเศส และต่อมาก็นิตยสาร Time และ Vogue รัสเซีย

“ฉันโชคดีกับผู้คนที่ฉันมีในชีวิต”

ความสำเร็จของนาโอมิ นับว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงสู่ความหลากหลายในโลกแฟชั่นที่เคยปรากฏเพียงสาวผิวขาว ผมทอง ตาสีฟ้า โลดแล่นอยู่บนรันเวย์และปกนิตยสาร แต่นางแบบเชื้อสายแอฟริกันหน้าใหม่อาจไม่ได้โชคดีกับผู้คนรอบตัวมากเท่าเธอ นาโอมิจึงทำตัวเป็นโชคให้กับนางแบบรุ่นน้องเหล่านั้นเอง เธอใช้ชื่อเสียงเพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมแฟชั่นมีความหลากหลายครอบคลุม และต่อต้านอคติในการจ้างงาน อันรวมไปถึงอาชีพที่เกี่ยวข้องอย่างช่างภาพและสไตลิสต์

ความเป็นตัวแม่ของเธอ ยังหมายถึงการเป็นแม่อุปถัมภ์ให้กับนางแบบผิวดำรุ่นใหม่ ที่เธอทั้งเบิกทาง กรุยทาง ทั้งผลัก ทั้งดัน เพื่อเปลี่ยนวัฒนธรรมของวงการแฟชั่น นางแบบภายใต้การดูแลของเธอมีมากมาย รวมถึงนางแบบอดีตผู้ลี้ภัยอย่าง Ugbad Abdi จากโซมาเลีย ซึ่งเป็นคนแรกที่สวมฮิญาบเดินแฟชั่นให้กับ Lanvin และ Fendi และ Adut Akech นางแบบหน้าตุ๊กตาจากซูดานใต้ ผู้กำลังเป็นที่ต้องการอย่างสูงในวงการ ซึ่งเธอเรียกนาโอมิว่า ‘คุณแม่’

และแม้ว่าครอบครัวของนาโอมิจะไม่ได้มาจากทวีปแอฟริกา แต่ความผูกพันที่เธอรู้สึกต่อทวีปนี้ก็ทำให้เธอทุ่มเทผลักดันให้แฟชั่นจากทวีปที่มักถูกตราหน้าว่าเป็นดินแดนโลกที่สามนี้เติบโต เธอมีส่วนในการจัด Fashion Week ในกรุงลากอส ประเทศไนจีเรีย เพื่อเปิดพื้นที่ให้ดีไซเนอร์ท้องถิ่นได้แสดงผลงาน แม้ในวันที่ Black Lives Matter กลายเป็นกระแสร้อนแรงแย่งชิงพื้นที่สื่อ วงการแฟชั่นก็เริ่มโหนกระแสโดยดึงทวีปแอฟริกันเข้ามาเกี่ยวข้อง

“มันจะไม่เป็นเพียงกระแส เพราะฉันจะไม่อนุญาต”

ท่ามกลางสปอตไลต์และเงินสะพัดในอุตสาหกรรมแฟชั่น นาโอมิ แคมป์เบลล์ ใช้สายสัมพันธ์และความเป็นตัวแม่ ทำให้มั่นใจว่าห้องเสื้อยักษ์ใหญ่จะไม่ใช้ทวีปที่เธอรักนี้เป็นเพียงเครื่องมือโหนกระแส แต่ทั้งแสงสว่างและเม็ดเงินจะต้องไปถึงชุมชนท้องถิ่น ตามที่แบรนด์เหล่านั้นได้ให้คำมั่นกับเธอไว้

จากผลงานและผลลัพธ์ที่เธอสร้างไว้ในวงการแฟชั่น ทำให้ University for the Creative Arts (UCA) ตัดสินใจมอบปริญญาเอกดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แก่เธอในปี 2022 และเธอได้ใช้คำนำหน้าว่า Dr. อย่างเต็มภาคภูมินับแต่นั้น

แด่โลกที่ไม่เท่าเทียม

เมื่อไถไอจีไปดูหน้าโปรไฟล์ของนาโอมิ แคมป์เบลล์ จะพบคำว่า Activist หรือนักเคลื่อนไหว เป็นคำที่เธอใช้นิยามตัวเอง ซึ่งไม่เพียงแต่การเป็นปากเสียงเพื่อความเท่าเทียมในวงการแฟชั่น นาโอมิยังเป็นผู้สนับสนุนงานการกุศลตัวยง เธอพบกับเนลสัน แมนเดลา ในปี 1993 ตลอดหลายปี เธอให้การสนับสนุนการรณรงค์ทางการเมือง ประเด็นด้านมนุษยธรรม รวมไปถึงกองทุนเพื่อเด็กของแมนเดลา จนกลายเป็น ‘หลานสาวกิตติมศักดิ์’ ของอดีตประธานาธิบดีแห่งประเทศแอฟริกาใต้ ผู้เป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว และเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ

นอกเหนือจากการสนับสนุนงานการกุศลของแมนเดลาแล้ว ในปี 2005 นาโอมิยังก่อตั้ง Fashion for Relief องค์กรการกุศลที่มุ่งใช้สิ่งที่เธอถนัดคือแฟชั่นโชว์ เพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุเฉพาะกิจ อาทิ พายุเฮอร์ริเคนแคทรีนา เหตุการณ์ก่อการร้ายที่มุมไบ แผ่นดินไหวในเฮติ แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น วิกฤตผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย และความอดอยากของเด็กกลุ่มเปราะบางในอังกฤษระหว่างช่วงล็อกดาวน์

นาโอมิรู้ตัวว่าสปอตไลต์ไม่เพียงส่องสว่างสู่ตัวเธออยู่บนรันเวย์ แต่ยังเผื่อแผ่แสงไปยังพื้นที่ที่คนส่วนมากมองไม่เห็นด้วย เธอจึงมักไปปรากฏตัวในพื้นที่เหล่านั้นเพื่อจุดประเด็นให้คนสนใจและความช่วยเหลือไปถึง เธอยังให้การสนับสนุนโครงการการกุศลอีกหลายโครงการ

NAOMI HIT ME...AND I LOVED IT

ด้วยเส้นสายและชื่อเสียงของนาโอมิ Fashion for Relief ประสบความสำเร็จในการระดมทุน แต่กระนั้นองค์กรการกุศลก็ยังมีปัญหาจากการยื่นบัญชีที่ล่าช้าไปถึง 4 ปี และขาดหลักฐานเพื่อยืนยันถึงการจัดการผลประโยชน์ที่ทับซ้อน ตั้งแต่ปี 2021 คณะกรรมการดูแลกิจการการกุศลแห่งอังกฤษและเวลส์จึงเข้ามาสอบสวนตามกฎหมาย และมีความตั้งใจจะถอดถอนมูลนิธิของนาโอมิออกจากบัญชีองค์กรการกุศล โดยการไต่สวนยังอยู่ระหว่างดำเนินการ

ถึงแม้ว่านาโอมิจะเป็นตัวแม่ที่อุทิศตัวเพื่องานการกุศล แต่ก็ไม่วายมีข่าวฉาวของเธอออกมาเรื่อย ๆ ระหว่างปี 1998 - 2019 นาโอมิถูกตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายถึง 4 ครั้ง แถมเธอยังเอาข้อกล่าวหาเรื่องการทำร้ายร่างกายผู้ช่วยส่วนตัวมาล้อเลียน โดยสกรีนข้อความบนเสื้อยืด ‘NAOMI HIT ME...AND I LOVED IT’ กลายเป็นไวรัล และเสื้อยืดลายนี้ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดจนถึงปัจจุบัน เมื่อเธอถูกตัดสินให้รับโทษทำงานบริการสังคมจากคดีทำร้ายแม่บ้าน เธอก็สวมชุดเดรสยาวปักเลื่อมมูลค่า 300,000 ดอลลาร์ ของ Dolce & Gabbana ไปทำความสะอาดโรงจอดรถสุขาภิบาลในกรุงนิวยอร์ก และต่อมาเธอก็เล่นบทบาทล้อเลียนตัวเองในโฆษณา Dunkin’ Donuts

แม่เลี้ยงเดี่ยวในวัย 50 up

การมีลูกคนแรกในวัย 50 ปี อาจไม่ใช่ชีวิตในอุดมคติของใครหลายคน แต่สำหรับนาโอมิ แคมป์เบลล์ เธอวางแผนเรื่องนี้มาเนิ่นนาน และด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เธอสามารถรอจนถึงเวลาที่เธอรู้สึกว่าพร้อมจริง ๆ

“ฉันรู้เสมอว่าวันหนึ่งฉันจะได้เป็นแม่คน และมันเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ฉันจะจินตนาการได้ ฉันโชคดีที่มีเธอ”

ตลอดหลายปีที่นาโอมิเลิกเหล้าและเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นแม่คน แล้วในที่สุดเธอก็ได้ลูกสาวสมใจในปี 2021 โดยช่วงเวลาก่อนที่ลูกสาวของเธอจะถือกำเนิด มีเพียงคนใกล้ตัวไม่กี่คนที่ทราบข่าว เธอไม่เปิดเผยที่มาของลูกสาว แต่ที่แน่ๆ คือไม่ได้มาจากการรับอุปการะเด็ก และแม้ว่านาโอมิจะเป็นคนดังระดับโลก แต่เธอกลับพยายามรักษาความเป็นส่วนตัวของลูกสาวให้มากที่สุด ไม่มีการเอ่ยถึงชื่อ วันเกิด หรือแม้แต่การลงรูปที่โชว์ใบหน้าของเด็กหญิง การถ่ายแฟชั่นครั้งแรกคู่กับลูกสาววัย 9 เดือน ขึ้นปก Vogue ฉบับสหราชอาณาจักร ก็เป็นรูปที่เผยใบหน้าลูกสาวของเธอเพียงบางส่วน

เดือนมิถุนายนในอีก 2 ปีต่อมา นาโอมิได้ต้อนรับลูกชายคนแรก ซึ่งคราวนี้มีการเปิดเผยว่าเด็กชายมาจากคุณแม่อุ้มบุญในลอสแอนเจลิส ที่นาโอมิลงทุนเลื่อนงานเพื่อไปอยู่เคียงข้างเธอระหว่างการทำคลอด

ถึงแม้ว่านาโอมิ แคมป์เบลล์ จะเคยออกเดตกับเหล่าคนดังจากหลากแวดวงสังคม ทั้งนักแสดงอย่าง ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ, โรเบิร์ต เดอ นิโร, นักดนตรีอย่าง อดัม เคลย์ตัน มือเบสวง U2, ฌอน ‘ดิดดี้’ คอมบ์ส, อัชเชอร์, Skepta, นักธุรกิจอย่าง วลาดิสลาฟ โดโรนิน, ฮัสซัน จามีล และนักแข่งฟอร์มูล่าวันอย่าง ฟลาวิโอ บริอาตอเร่ แต่เธอก็ไม่เปิดเผยว่าใครเป็นพ่อของเด็กทั้งสอง และเลี้ยงลูกตามแนวทางของเธอ

“มันไม่มีทางสายเกินไปที่จะเป็นแม่คน”

นาโอมิยังสนับสนุนให้เพื่อนฝูงในวงการไม่ต้องลังเลที่จะมีลูกหากพวกเธอต้องการ

จากวันที่เด็กสาวเชื้อสายแอฟริกันคนหนึ่งก้าวเท้าเข้ามาในวงการแฟชั่นแบบไม่ตั้งใจ ในสมัยคนเช่นเธอยังไม่เป็นที่ยอมรับ ผ่านมา 4 ทศวรรษ โลกเปลี่ยนแปลงใกล้เคียงกับสังคมเท่าเทียมที่เธอใฝ่ฝัน เธอยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการนี้อย่างมั่นคง และมีความสุขกับชีวิตหลากสีสันที่เธอสร้างขึ้นเอง

“อย่าให้ใครมาเปลี่ยนสิ่งที่คุณรู้สึก เปลี่ยนแนวทางของวิสัยทัศน์ของคุณ หรือเปลี่ยนสิ่งที่คุณต้องการมอบให้กับตัวคุณเอง”

 

เรื่อง : นิธิตา เฉิน

ภาพ : Getty Images

 

อ้างอิง