14 ก.พ. 2566 | 16:01 น.
- White Helmets ได้รับความสนใจจากประชาคมโลกจากภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวที่ตุรกี
- White Helmets ถูกมองจากกลุ่มขั้วตรงข้ามทางการเมืองว่าเป็นผู้ก่อการร้าย และถูกโจมตีว่าปล่อยภาพความรุนแรงที่เป็นการจัดฉากขึ้น
หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ตุรกี (ตุรเคีย – Turkia) และซีเรียเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2023 มีรายงานข่าวที่ยืนยันผู้เสียชีวิตออกมาแล้วว่ามีตัวเลขรวมแล้วมากถึง 21,000 คน และอีกราว ๆ ล้านชีวิตที่กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง
ระหว่างภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทีมงานกู้ชีพพบอุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสั่นสะเทือน (อาฟเตอร์ช็อก) ที่เกิดขึ้นตามมาอีกกว่า 100 ครั้ง ซ้ำร้ายด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นมากขึ้นยิ่งทำให้การช่วยเหลือผู้รอดชีวิตยากขึ้นไปอีก
กล่าวกันว่า ในเหตุการณ์ครั้งนี้ ‘ความช่วยเหลือ’ เป็นสิ่งที่หากยากมากกว่า ‘ผู้ประสบภัย’ เสียอีก
การส่งความช่วยเหลือเข้าไปยังประเทศตุรกีเป็นเรื่องที่ท้าทายไม่น้อย แต่หากเป็นทางฝั่งซีเรียต้องบอกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เหตุผลหลักเป็นเพราะว่า พื้นที่ประสบภัยมีพื้นที่ของฝ่ายผู้ก่อกบฏรวมอยู่ด้วย ทำให้การเข้าถึงทางการทูตนั้นค่อนข้างยากลำบาก
อีกประเด็นที่สำคัญคือ มีผู้คนราว 4 ล้านคนที่จำต้องย้ายที่อยู่จากอีกฟากของประเทศมาอาศัยอยู่ในที่ประสบภัยดังกล่าวเพราะภัยสงคราม คนในท้องที่จึงจำเป็นจะต้องให้ความช่วยเหลือกันเอง
แต่ความหวังก็ยังไม่หมดสิ้นไปเสียทีเดียวเมื่อทีมช่วยเหลือ-กู้ภัยเจนสนามอย่าง ‘White Helmets’ เข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในครั้งนี้ด้วย
White Helmets หรืออีกชื่อที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเช่นกันคือ ‘Syria Civil Defence’ เกิดจากการรวมตัวกันของเหล่าอาสาสมัครที่มีจุดมุ่งหมายในการช่วยเหลือประชาชนจากสงครามกลางเมือง และถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2014
กลุ่มนี้มีชื่อเสียงมาจากการปล่อยวิดีโอที่ถ่ายทอดภาพความโหดร้ายที่เกิดจากระบอบการปกครองของประธานาธิบดีของซีเรีย ‘บาชาร์ อัล-อัสซาด’ (Bashar Al-Assad) นั่นทำให้เรื่องราวการช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจากสงครามก็โด่งดังไปไกลโดยเฉพาะในฝั่งตะวันตก
ในทางกลับกัน ชื่อเสียงของพวกเขาทำให้ฝั่งกองกำลังที่สนับสนุนอัสซาดซึ่งควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในซีเรียไม่พอใจเป็นอย่างมาก กลุ่ม White Helmets จำนวนมากจึงจำต้องอพยพออกไปจากประเทศ จนเมื่อปี 2018 สมาชิกเกือบ 100 คนก็อพยพไปยังประเทศจอร์แดนด้วยความช่วยเหลือจากอิสราเอล
กลุ่มนี้ยังมีประสบการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เป็นผลมาจากการทิ้งระเบิดของกองกำลังรัฐบาลซีเรียมานับครั้งไม่ถ้วน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เชื่อกันว่ามีกว่า 10,000 ชีวิตที่พวกเขาช่วยเอาไว้ได้ และมีอีกราว 204 ชีวิตที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ พวกเขายืนยันหนักแน่นว่า White Helmets เป็นกลาง ไม่เลือกฝ่ายใดในความขัดแย้งทั้งหมดที่เกิดขึ้น
กลุ่มกองกำลังนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงว่าที่จริงแล้วพวกเขาเป็นฮีโร่หรือว่าที่จริงแล้วพวกเขาคือองค์กรก่อการร้ายดังที่รัฐบาลซีเรียเคยพูดเอาไว้ อีกทั้งทางฝั่งกลุ่มที่สนับสนุนรัสเซียและกลุ่มที่สนับสนุนอัสซาดเองก็เพ่งเล็งกลุ่ม White Helmets เอาไว้อีกด้วย กลุ่มที่สนับสนุนทั้งสองฝั่งข้างต้นนั้นมีความเห็นร่วมกันในเชิงทฤษฎีสมคบคิดว่า คลิปวิดีโอภาพความรุนแรงที่ White Helmets บันทึกไว้ได้ช่วงสงครามกลางเมืองของซีเรียนั้น เป็นการจัดฉากขึ้นมาโดย White Helmets เอง
สำหรับมุมมองจากรัฐบาลซีเรีย พวกเขานิยามกลุ่ม White Helmets จัดเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายและยังมองกลุ่ม White Helmets เชื่อมโยงกับทฤษฎีสมคบคิดดังกล่าว
สำหรับการให้ความช่วยเหลือในเหตุแผ่นดินไหวในตุรกีที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มอาสา White Helmets คาดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากยังมีอีกหลายครอบครัวที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือออกมาจากซากตึกถล่ม
ในบรรดาผู้ประสบภัย เรื่องราวที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกคือครอบครัวของ ‘มุสตาฟา ซูฮีร์ อัล-ซาเยด’ (Mustafa Zuhir Al-Sayed) กับภรรยาและลูกอีก 3 คน ที่กำลังนอนอยู่ภายในบ้านของพวกเขาใน Beanaya-Bseineh ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ใน Haram เขตควบคุมกลุ่มกบฏ ทางตอนเหนือของประเทศซีเรีย ก่อนที่จะเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดในทวีป
ลูกของเขาสองคน ‘มาเรียม’ (Mariam) และน้องของเธอ ‘อิลาฟ’(Ilaaf) ติดอยู่ใต้ซากบ้านของตัวเองนานถึง 36 ชั่วโมง เธอคอยลูบหัวและเอามือกันเศษหินเศษปูนให้น้องของเธออย่างอ่อนโยนทั้งที่ยังนอนเบียดกันอยู่บนซากเตียงนอน
มาเรียมอ้อนวอนขอความช่วยเหลือต่อเจ้าหน้าที่ด้วยเสียงกระซิบที่อ่อนแรง
“ช่วยหนูออกไปที หนูยอมทุกอย่างเลย” เธอกระซิบ “หนูจะยอมเป็นทาสคุณ” หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น ทางทีมช่วยเหลือก็ตอบกลับไปว่า “ไม่ ไม่ต้อง”
พ่อแม่ของทั้งสองนั้นก็คอยสวดภาวนาออกมาจนสุดเสียง พร้อมกับความหวังแรงกล้าว่าจะมีใครสักคนจะพบพวกเด็ก ๆ จนท้ายที่สุดมีคนพบพวกเขา และทั้งครอบครัวก็รอดชีวิตมาได้ในท้ายที่สุด
“เราเริ่มรู้สึกได้เลยว่าพื้นเริ่มสั่น และเศษหินเศษปูนก็เริ่มที่จะตกลงมาใส่หัวของพวกเรา และเราก็ต้องนอนอยู่ใต้เศษปูนเหล่านั้นเป็นเวลา 2 วัน” พ่อของเด็ก ๆ เล่า “พวกเราได้เจอกับความรู้สึกที่เราไม่คิดว่าจะมีใครเคยได้สัมผัส”
เรื่อง: ปิยวรรณ พลพุทธ (The People Junior)
อ้างอิง: