01 ก.พ. 2567 | 17:07 น.
- เบ็น แมวส้มที่มีหน้าตาเศร้า แต่เรื่องราวของมันเศร้ายิ่งกว่า
- ชาวโซเชียลยกให้บ็อบเป็นแมวที่มีหน้าตาเศร้าที่สุดในโลก
- เรื่องราวของบ๊อบ เคยถูกทำเป็นสารคดีบน Netflix
หลายปีก่อนหน้านี้ ทุกคนอาจเคยเห็นรูปภาพของแมวส้มตัวหนึ่งที่กลายเป็นไวรัลบนอินเทอร์เน็ตมากมาย ด้วยสีหน้าปลงตก และหางตาที่ต่ำผิดปกติ ทำให้ใบหน้าของมันดูเศร้าสร้อยอยู่ตลอดเวลา นั่นจึงทำให้ชาวโซเชียลฯ ทั้งหลายต่างเรียกกันว่า ‘แมวที่มีใบหน้าเศร้าที่สุดในโลก’
ซึ่งแมวส้มที่เป็นเจ้าของใบหน้าแสนเศร้าสร้อยนั้นมีชื่อว่า ‘เบ็น’ ที่มีผู้ติดตามบนอินสตาแกรมถึง 6 แสนคน โดยใช้ชื่อ ‘benbencat’ ซึ่งเต็มไปด้วยความน่ารักและชีวิตประจำวันอันแสนสุข ผิดกับใบหน้าของมัน
แต่ก่อนที่จะกลายเป็นไวรัลบนอินเทอร์เน็ต เรื่องราวในอดีตกลับเศร้ายิ่งกว่าใบหน้าของมันเสียด้วยซ้ำ และเรื่องราวของแมวน้อยเบ็นต่อจากนี้ อาจเรียกน้ำตาจากเหล่าทาสแมวได้เลย
ย้อนกลับไปในปี 2016 เบ็น เป็นแมวจรจัดที่ลืมตาดูโลกเพียงได้แค่ไม่กี่วัน ซึ่งอาศัยอยู่ในป่ากับแม่ของมัน ณ ย่าน Downtown Eastside เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา เบ็นที่มีอายุไม่มากนัก ทำให้มันไม่เคยเรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียว
วันหนึ่ง เบ็นที่กำลังรอแม่ของมันออกไปหาอาหารอย่างใจจดใจจ่อ เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากหลักนาทีกลายเป็นหลักชั่วโมงก็ยังไร้วี่แวว เบ็นรออยู่อย่างนั้นตั้งแต่เช้าจรดเย็น โดยที่ไม่รู้ว่าแม่ของมันถูกรถชนและจะไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว
กระทั่งผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เบ็นที่ไม่สามารถทนกับความหิวโหยได้ จึงออกตามหาแม่ของมันโดยลำพัง ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไร พอเดินไปเรื่อย ๆ จนใกล้ถึงถนนที่มีรถสัญจรไปมา จู่ ๆ มีสัตว์ตัวใหญ่กระโจนเข้าทำร้าย จนบาดแผลฉีกขาดไปทั่วร่างกาย มันได้แต่นอนทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด และร้องโอดครวญแทบไม่มีแรง
เสียงของมันเริ่มแผ่วลงทุกที ๆ จนแทบจะไม่ได้ยิน แต่โชคดีที่กลุ่มเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากศูนย์พักพิงสัตว์ได้ยินเสียงร้องอันแผ่วเบา กระทั่งพบเจ้าเบ็นที่กำลังนอนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ ไม่รอช้า เจ้าหน้าที่จึงรีบช่วยเหลือและพาไปยังศูนย์พักพิงโดยเร็วที่สุด
หลังจากที่เข้ารับการรักษา พบว่าเบ็นมีอาการบาดเจ็บสาหัสอย่างหนัก มีบาดแผลฉีกขาดหลายจุดและติดเชื้อ กระดูกสันหลังหัก รวมถึงใบหูฉีกขาดจนเป็นทรงกะหล่ำดอก สัตวแพทย์จึงต้องรีบรักษาก่อนที่มันจะไม่สามารถทนกับอาการสาหัสนั้นได้
วันรุ่งขึ้น เจ้าเบ็นถูกส่งตัวไปพักรักษาตัวที่ศูนย์พักพิง BC SPCA เป็นเวลา 10 วัน จนกระทั่งอาการเริ่มดีขึ้น แต่สิ่งที่ประหลาดใจคือใบหน้าของมันกลับดูเศร้าสลดไม่ต่างไปจากวันแรก จนสัตวแพทย์ต้องจับไปตรวจร่างกายอีกครั้ง เผื่อพบว่าอาจมีบาดแผลบางจุดที่ยังไม่ได้รับการรักษา
แต่เมื่อตรวจอย่างละเอียดก็ไม่พบร่องรอยหรือบาดแผลใดเพิ่มเติม จนแพทย์ตรวจสอบใบหน้าของมัน พบว่าเจ้าเบ็นมีผิวหนังส่วนเกินบนใบหน้ามากกว่าแมวตัวอื่น ๆ จึงทำให้เบ็นมีหน้าตาที่ดูเศร้าสร้อยอยู่ตลอดเวลา
หลังจากเบ็นอยู่ที่ศูนย์พักพิงไม่กี่สัปดาห์ สภาพจิตใจของมันแย่ลงเรื่อย ๆ ทุกที เนื่องจากต้องอยู่แต่ที่เดิม ๆ เพราะไม่สามารถเดินได้เหมือนแมวตัวอื่น กระทั่งครอบครัวหนึ่งขออาสารับเลี้ยงแมวส้มผู้น่าสงสาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้อธิบายถึงอาการป่วยของมัน แต่ครอบครัวนั้นบอกว่านั่นไม่ใช่ปัญหาและรับปากว่าจะดูแลอย่างดี
แต่แล้วเวลาผ่านไปเพียงแค่ 3 วัน เจ้าเบ็นก็ต้องถูกส่งกลับมาที่ศูนย์พักพิงอีกครั้ง เพราะพวกเขาไม่สามารถดูแลได้อย่างเต็มที่ นั่นจึงทำให้สภาพจิตใจของมันกลับแย่ลงยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับร่างกายที่ค่อย ๆ ทรุดตามไปด้วย
ผ่านไปหลายสัปดาห์ อาการของเบ็นไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นแม้แต่น้อย มันไม่กินอาหาร ไม่ขยับเนื้อขยับตัว และน้ำหนักที่ลดลงเรื่อย ๆ จนสุดท้ายศูนย์พักพิงที่ไม่อยากให้เจ้าแมวน้อยต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป จึงตัดสินใจที่จะการุณยฆาตในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
เจ้าแมวน้อยได้แต่นอนหมดอาลัยตายอยากเพื่อรอวันการุณยฆาต แต่แล้วก็เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น สัตวแพทย์หญิงรายหนึ่ง ‘แซนดี้ วินโดเวอร์’ (Sandy Windover) ซึ่งเคยรักษาเบ็นมาก่อนหน้านี้ เธอทราบข่าวว่าเจ้าแมวส้มผู้น่าสงสารจะต้องถูกการุณยฆาตในวันรุ่งขึ้น แต่เธอที่ไม่สามารถสลัดภาพใบหน้าอันเศร้าหมองของมันออกไปจากหัวได้ จึงตัดสินใจขอรับเลี้ยงเจ้าเบ็นเอาไว้
แม้เจ้าหน้าที่จะบอกให้เธอตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง เพราะมันอาจเป็นงานสุดหิน หากต้องดูแลแมวตัวหนึ่งที่แทบจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ถ้าตัดสินใจคืนเจ้าเบ็นในตอนนี้ก็ยังไม่สาย แต่แซนดี้เธอยืนกรานพร้อมกับบอกว่า “มันจะไม่เป็นเช่นนั้น” และนั่นจึงทำให้เบ็นได้รับชีวิตใหม่อีกครั้ง
“ตลอดเวลาที่ทำงานในสายอาชีพนี้ ฉันผ่านความบอบช้ำมามากมาย แต่เมื่อฉันเห็นเบ็น ฉันไม่สามารถทำใจปล่อยเจ้าตัวน้อยผู้นี้ไปได้เลย”
หลังจากที่แซนดี้กลับบ้านมาพร้อมกับแมวน้อยน่าสงสาร เธออาบน้ำทำความสะอาดให้กับมัน จากแมวส้มมอมแมม กลายเป็นแมวที่ดูสดใสขึ้นมาในทันที แซนดี้และสามีของเธอพยายามโอบกอดและอยู่ใกล้ชิดมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
จนเมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เบ็นจากที่แทบจะไม่ส่งเสียงร้อง กลับครางออกมาด้วยเสียงนุ่มนวลราวกับมีความสุข พร้อมกับออดอ้อนแซนดี้และสามีของเธอ จากแววตาของมันที่ดูเศร้าสร้อย กลับดูเป็นประกายขึ้นอย่างผิดหูผิดตา
เวลาผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ เบ็นเริ่มเดินจนสามารถวิ่งเล่นกับแมวตัวอื่น ๆ ได้ และเริ่มปรับตัวเข้ากับครอบครัวของแซนดี้ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงบาดแผลของมันก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าจะไม่สามารถกระโดดได้สูงและต้องกินยาเป็นประจำทุกวันก็ตาม แต่นั่นก็เป็นสัญญาณอันดีที่เจ้าเบ็นเริ่มหายเป็นปกติ รวมถึงแผลใจของมันที่ได้รับการรักษาด้วยความอบอุ่นจากครอบครัวด้วยเช่นกัน
ปัจจุบัน เจ้าเบ็นมีผู้ติดตามบนอินสตาแกรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ผู้คนรับรู้เรื่องราวและความน่ารักของมัน เบ็นยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ท่ามกลางแมวตัวอื่น ๆ ในครอบครัว รวมถึงในปี 2020 เรื่องราวของเบ็นเคยปรากฏอยู่ในสารคดีบนแพลตฟอร์ม Netflix ที่ชื่อว่า ‘Cats the Mewvie’ อีกด้วย
แม้ว่าใบหน้าของเจ้าเบ็นจะดูเศร้าสลดก็ตาม แต่หากดูจากพฤติกรรมของมันที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งมั่นใจได้ว่าชีวิตของเจ้าแมวส้ม ณ ตอนนี้จะต้องเป็น ‘แมวที่มีความสุขที่สุดในโลก’ อย่างแน่นอน
ภาพ : benbencatcat/Instagram
อ้างอิง :
The Story of the ‘Saddest Cat’ Who Got a Second Chance at Life When It Was Ready to Give up.
Couple Adopts ‘Saddest Cat’ In The World Nobody Wanted, Here’s How Kitty Transformed In One Hour
BenBen, the ‘saddest cat on the Internet’ , now raising money to help animals in need
Meet ‘BenBen the Internet’s Saddest Cat on the Internet’ at Pop Cats
Couple Asks Shelter for Saddest Cat. An Hour Later the Unbelievable Happens