สมควร อ่อนสิงห์: ผู้ใหญ่บ้านผู้สร้างความสุขจากต้นทุนของหมู่บ้าน

สมควร อ่อนสิงห์: ผู้ใหญ่บ้านผู้สร้างความสุขจากต้นทุนของหมู่บ้าน
ช่วงต้นปีที่ผ่านมา หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวของผู้ใหญ่บ้านฮีโรที่บุกเข้ากองเพลิงซึ่งกำลังลุกไหม้เพื่อช่วยคุณยายวัย 83 ที่ติดอยู่ในบ้าน นั่นทำให้ สมควร อ่อนสิงห์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 บ้านหนองแค ตำบลหนองน้อย อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ได้ชื่อว่าเป็น ‘ผู้ใหญ่บ้านฮีโร’ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา “ช่วงวันที่ 29 เมษายน ประมาณ 6 โมงเช้า มีคนมาบอกผมว่าไฟไหม้ พอไปถึงก็เข้าไปช่วยยายที่ติดอยู่ในบ้าน เรากลัว แต่ด้วยความเป็นมนุษย์ และเป็นผู้นำชุมชน ยังไงก็ต้องกล้าเข้าไปช่วย ตอนนั้นนักข่าวลงข่าวว่าผู้ใหญ่ฮีโร คำว่าฮีโรมันจะต้องเก่ง แต่ความเป็นจริงเราไม่ได้เก่งคนเดียว การช่วยเหลือในวันนั้นนอกจากผม ยังมีทีมงาน หน่วยงานดับเพลิง มีจิตอาสาที่เข้ามาช่วย มีกำนัน คนของอำเภอ ที่มีส่วนช่วยกันดับไฟ เข้าเคลียร์พื้นที่ ทุกคนเลยถือเป็นฮีโรด้วยกันทั้งหมด” ผู้ใหญ่บ้านสมควร เริ่มต้นบทสนทนาด้วยการเล่าให้เราฟังถึงที่มาของฉายาผู้ใหญ่บ้านฮีโร ซึ่งเขาบอกว่าการได้ช่วยชีวิตลูกบ้านหนึ่งคนอาจทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจ แต่การได้ช่วยชาวบ้านในหมู่บ้านให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นั่นเป็นเรื่องที่ทำให้เขามีความสุขมากที่สุด ผู้ใหญ่บ้านสมควรเลยได้ร่วมมือกับคนในชุมชน ตั้งแต่เจ้าอาวาสวัดทรงเสวย ชาวบ้านทุกครัวเรือน ไปจนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างตลาดชุมชน บ้านหนองแค ขึ้นมาบริเวณวัดทรงเสวย  สมควร อ่อนสิงห์: ผู้ใหญ่บ้านผู้สร้างความสุขจากต้นทุนของหมู่บ้าน โดยผู้ใหญ่บ้านสมควรรับหน้าที่ดูแลในการปรับปรุงพื้นที่ จัดหาชาวบ้านมาขายของ แล้วใช้ต้นทุนสำคัญของชุมชนคือเรื่องราวที่มาของวัดทรงเสวย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จพระราชดำเนินมาประทับแรมที่บริเวณนี้ แล้วได้เสวยอาหารที่ชาวบ้านนำมาถวายอย่างเจริญพระกระยาหาร จึงได้ตรัสว่า ต่อไปนี้ให้เรียกวัดนี้ว่า ‘วัดเสวย’ แต่ชาวบ้านได้ขอพระราชทาน ขอเติมคำว่า ‘ทรง’ ไปด้วย พระองค์ทรงอนุญาต จึงเรียกวัดนี้ว่า ‘วัดทรงเสวย’ จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านคนเก่งยังได้นำเอาเมนูเด็ดในวันนั้นอย่าง ‘น้ำพริกมัจฉะ’ ที่ได้รับพระราชทานชื่อจากรัชกาลที่ 5 ที่ตอนนี้กลายเป็นสินค้า OTOP ขึ้นชื่อของที่นี่มาเป็นอีกหนึ่งจุดขายของตลาดชุมชนบ้านหนองแคอีกด้วย “ชาวบ้านในชุมชนนี้อยากจะขายอะไรก็มาเลย เพราะเราไม่เก็บค่าที่ ค่าน้ำค่าไฟก็ไม่เก็บ เราคุยกับเจ้าอาวาสว่าไม่อยากเก็บ เพราะไม่อยากให้ชาวบ้านมาแบกรับภาระ ตอนนี้เรามีประมาณ 160 ครัวเรือน ประมาณ 80 ครัวเรือนมีรายได้หมด บ้านไหนมีผักเยอะก็ให้เขามานั่งขาย บ้านที่มีผักน้อยก็ส่งมาขายได้ อาหารการกินที่เอามาขายก็จะไม่ให้ซ้ำเพื่อไม่ให้แย่งลูกค้ากัน” ตอนนี้พ่อค้าแม่ขายในตลาดชุมชนบ้านหนองแค มีรายได้แทบทุกวัน ไม่แค่เฉพาะช่วงสุดสัปดาห์วันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น เพราะมีผู้มาเยือนวัดทรงเสวยอย่างเนืองแน่นอยู่ตลอดทั้งสัปดาห์ เพื่อขอโชคลาภกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีมากมายภายในวัด โดยเฉพาะไอ้ส้มฉุน เด็กวัดทรงเสวย ที่มาจากอภินิหารตำนานความเชื่อของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเล่าสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ช่วยให้ชาวบ้านที่เอาสินค้ามาขายในตลาดไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแม่บ้านแปรรูปเป็นกล้วยตาก กล้วยอบเนย กลุ่มเย็บกระเป๋าด้วยมือ ถักหมวกจากเชือกร่ม อาหารแปรรูปอื่น ๆ อย่างทอดมันที่สับปลาจากแม่น้ำมาทำเอง ต่างขายดีไปตามกัน  แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ในช่วงโควิด-19 ตลาดชุมชนแห่งนี้ต้องเสี่ยงเปิดทำการในขณะที่ตลาดนัดในชุมชนอื่น ๆ ทั้งจังหวัดปิดหมด ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่สมควร และทีมงานที่ร่วมแรงร่วมใจ ตั้งจุดคัดกรองอย่างเข้มงวด ตั้งแต่ตี 4 เพื่อให้ชาวบ้านสามารถมาขายกันได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งมาซื้อขายสิ่งของที่จำเป็น ไม่ต้องไปซื้อของที่อื่นอีกด้วย สมควร อ่อนสิงห์: ผู้ใหญ่บ้านผู้สร้างความสุขจากต้นทุนของหมู่บ้าน โดยวิกฤตในครั้งนั้นเป็นการสร้างโอกาสให้กับชุมชนของผู้ใหญ่บ้านสมควร เพราะตลาดอื่น ๆ ปิดทำการหมด ชาวบ้านในชุมชนใกล้เคียงต่างก็ต้องเข้ามาจับจ่ายซื้อของที่จำเป็นในตลาดแห่งนี้กัน  “ผมช่วยทำให้โอกาสเกิดกับชุมชน จนทุกวันนี้ชุมชนผมสบายแล้ว มีชาวบ้านที่เคยไปขายหมูปิ้งไม้ละ 5 บาท ตามตลาดนัด ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ตอนนี้มาขายเสาร์-อาทิตย์ที่นี่ บางวันได้ 5,000-6,000 บาท เพราะคนมาเที่ยวตั้งแต่เช้า ไม่ใช่แค่คนในจังหวัด แต่มาจากทั่วสารทิศ จนที่จอดรถแน่นไปหมด ซึ่งถ้าชาวบ้านอยู่ได้ เราเป็นผู้นำก็ไม่ต้องไปขวนขวายเพิ่ม หน่วยงานก็จะได้เอาเงินไปช่วยชุมชนอื่นที่เขายังไม่เข้มแข็งแล้วยังต้องการความช่วยเหลืออยู่ มันก็ได้ผลประโยชน์ทั้งทางตรงทางอ้อม” ผู้คนจากทั่วสารทิศที่เดินทางมายังวัดทรงเสวย และเสียงประทัดที่ดังอยู่ตลอดเวลาในระหว่างการสัมภาษณ์นี้ เป็นเครื่องยืนยันความภูมิใจให้กับผู้ใหญ่บ้านอายุ 41 ปีคนนี้ได้เป็นอย่างดี  ก่อนหน้านี้ผู้ใหญ่บ้านสมควร เคยทำงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ จนเมื่อปี 2554 ที่เกิดวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ ทำให้เขากลับมาทบทวนว่ามีโอกาสที่เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีก เลยตัดสินใจลาออกมาเพื่อกลับมาอยู่ที่บ้าน เพื่อทำตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยในปี 2555 เขาเริ่มลงสมัครการเมือง แล้วได้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลอยู่ 3 ปี ก่อนจะตัดสินใจลาออกมาลงสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้าน แล้วได้รับการรับเลือกมาจนถึงทุกวันนี้  “เราอยากจะเป็นผู้นำชุมชนตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะอยากมาพัฒนาบ้านเกิด เลยตัดสินใจเดินทางเส้นนี้ การกลับมาอยู่บ้านแม้เงินเดือนอาจไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อน แต่เราก็เหลือเก็บมากกว่าตอนที่มีรายได้เยอะกว่านี้อีก เรามาอยู่นี่ได้ ทำเศรษฐกิจพอเพียง ได้ช่วยเหลือกันในชุมชน วิกฤตที่ผ่านมาได้สร้างโอกาสให้กับชุมชนผม ทุกวันนี้ผมบริหารโดยไม่ได้มุ่งเน้นว่าจะต้องไปรับรางวัลที่ไหน เพราะเรามองว่าการทำให้ชาวบ้านเราอยู่มีความสุข หรือหมู่บ้านของเราเจริญ มันคือรางวัลในตัวเองอยู่แล้ว” สมควร อ่อนสิงห์: ผู้ใหญ่บ้านผู้สร้างความสุขจากต้นทุนของหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านสมควร พูดให้ฟังด้วยความตื้นตันใจ เพราะการที่เขาทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนดีขึ้นได้ด้วยการสร้างตลาดชุมชนขึ้นนั้น ทำให้ชาวบ้านที่ส่วนใหญ่มีอาชีพหลักเป็นเกษตรกร ซึ่งมีรายได้ไม่แน่นอน ได้มีอาชีพเสริมอีกทางหนึ่งจากการปลูกผักสวนครัว และการแปรรูปสินค้าเพื่อนำมาจำหน่าย โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง  โดยความฝันครั้งต่อไปของผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านหนองแค คือการทำซูเปอร์มาร์เก็ตชุมชน เพื่อจำหน่ายพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านโดยตรงให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนวัดทรงเสวย ไม่ว่าจะเป็นผักกาดดองรสเยี่ยม ไข่เป็ดใบใหญ่ ๆ หรือปลาแม่น้ำสด ๆ ของดีของจังหวัดชัยนาท ซึ่งเขาตั้งความหวังอยากให้คนคิดว่าเมื่อต้องการอะไร ต้องนึกถึงตลาดชุมชนวัดทรงเสวยก่อนที่อื่น  “ทุกวันนี้ผมคิดแค่ว่า 1 วันเราทำความดีแค่เรื่องเดียว ผมว่าพื้นที่นั้นเจริญหมด ผมคิดแค่นี้เอง คือ 1 วัน ขอทำความดีแค่อย่างหนึ่ง คือความดีนั้นให้เป็นเรื่องที่เกิดประโยชน์กับส่วนรวมให้มากที่สุดพอแล้ว วันข้างหน้าผมอยากให้ชาวบ้านมีความสุขขึ้นอีก อยากให้ชาวบ้านเราอยู่ดีมีสุข เป็นชุมชนยิ้มได้ครับ”