มูลนิธิรามาธิบดีฯ เผยทิศทางปี 68 พร้อมทำหน้าที่ “สะพานแห่งการให้”

มูลนิธิรามาธิบดีฯ เผยทิศทางปี 68 พร้อมทำหน้าที่ “สะพานแห่งการให้”

มูลนิธิรามาธิบดีเดินหน้าสานบทบาท “สะพานแห่งการให้” ชูโครงการเด่นปีนี้: ก่อสร้างอาคารรพ.รามาฯ-ย่านนวัตกรรมโยธี (เปิดปี 2573), ศูนย์การแพทย์รามาฯ ศรีอยุธยา (เปิดปลายปีนี้) พร้อมช่วยผู้ป่วยยากไร้ สร้างบุญและความสุขร่วมกัน

มูลนิธิรามาธิบดียังคงสานต่อบทบาท “สะพานแห่งการให้” เผยทิศทางในปีนี้ ได้แก่ “โครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี” คาดเปิดบริการปี 2573 “โครงการศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยา” คาดเปิดบริการปลายปีนี้ พร้อมสานต่อ “โครงการผู้ป่วยยากไร้” ตั้งเป้าว่าผู้บริจาคต้องได้รับทั้งบุญและความสุข

วันที่ 23 ม.ค. 68 พรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ ได้เผยทิศทางการดำเนินงานในปี 2568 กับการสานต่อพันธกิจแห่ง ‘การให้’ สู่ “การให้ที่สร้างความยั่งยืน” ด้วยความตั้งใจของมูลนิธิรามาธิบดีฯ ที่อยากให้เกิดสังคมแห่งการให้ที่ไม่สิ้นสุด จึงมองหาโอกาสและช่องว่างในการสื่อสารเพื่อเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันและเส้นทางที่กลุ่มเป้าหมายสามารถพบเจอได้ โดยสำรวจเทรนด์หรือกระแสสังคมที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ นำไปสู่การพัฒนาแคมเปญสร้างสรรค์ที่เข้าถึงกลุ่มคนทุกเจเนอเรชั่น พร้อมพัฒนาระบบการบริจาคที่สะดวกและเข้าถึงง่าย  

มูลนิธิรามาธิบดีฯ เผยทิศทางปี 68 พร้อมทำหน้าที่ “สะพานแห่งการให้”

โดยโครงการที่มูลนิธิฯ ให้ความสำคัญประจำปี 2568 ได้แก่

โครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี เป็นโครงการที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรักษาพยาบาลผ่านเทคโนโลยีและทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญ พร้อมส่งเสริมการบูรณาการทางการแพทย์สำหรับการวิจัยโรคซับซ้อน สู่การเป็นต้นแบบการรักษาในอนาคต เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในการดูแลสุขภาพประชาชน โครงการนี้คาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการประชาชนในปี 2573 

มูลนิธิรามาธิบดีฯ สนับสนุนพันธกิจในด้านการผลิตบุคลากรการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกสาขาของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ผ่านการสนับสนุนงบประมาณด้านอุปกรณ์การแพทย์ การบริหารจัดการ ซ่อมแซมและบำรุงระบบและอาคารสถานที่ของทั้งที่โรงพยาบาลรามาธิบดี และสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์  โดยอาคารกายวิภาคทางคลินิก (Clinical Anatomy Building) ที่ตั้งอยู่ที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์นั้นก็เป็นอีกหนึ่งภาพผลลัพธ์จากการให้ที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน เนื่องจากอาคารแห่งนี้มีห้องเรียนที่ประกอบด้วยเครื่องมือการเรียนการสอนที่ทันสมัยและมีราคาสูง ทำให้นักศึกษาแพทย์ได้เรียนเรื่องกายวิภาคผ่านเทคโนโลยี 3 มิติที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้และทบทวนควบคู่ไปกับการศึกษาจากร่างอาจารย์ใหญ่ ส่งบุคลากรทางการแพทย์ที่เต็มเปี่ยมด้วยความสามารถและความเชี่ยวชาญเข้าสู่ระบบสาธารณสุขไทย

มูลนิธิรามาธิบดีฯ เผยทิศทางปี 68 พร้อมทำหน้าที่ “สะพานแห่งการให้”

อีกหนึ่งโครงการที่มูลนิธิฯ ให้ความสำคัญยิ่ง คือ โครงการศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยา ศูนย์การแพทย์ที่ก่อตั้งบนพื้นที่ย่านพญาไท โดยมีที่มาจากมูลนิธิรามาธิบดีฯ ที่เล็งเห็นถึงโอกาสในการสร้างเงินทุนหมุนเวียนกลับมาสนับสนุนการดำเนินงานของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อสร้างประโยชน์แก่สังคมอย่างยั่งยืน โดยเน้นการให้บริการทางการแพทย์ที่ดูแลร่างกายและจิตใจในเชิงป้องกันเพื่อให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพในทุกช่วงวัย ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในปลายปี 2568

มูลนิธิรามาธิบดีฯ เผยทิศทางปี 68 พร้อมทำหน้าที่ “สะพานแห่งการให้”

ด้านโครงการผู้ป่วยยากไร้ เป็นโครงการที่ผู้บริจาคให้การช่วยเหลือมากที่สุดอย่างต่อเนื่องทุกปี ในขณะที่มูลนิธิฯ ก็เร่งระดมทุนเพื่อโครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลแห่งใหม่โรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธีควบคู่ไปด้วย เนื่องจากเป็นโครงการที่ต้องการเงินสนับสนุนเป็นจำนวนมาก และด้วยประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากอาคารแห่งนี้ก็จะดูแลผู้ป่วยได้อีกจำนวนมากในอนาคต

นอกจากนั้น มูลนิธิรามาธิบดีฯ ยังตระหนักถึงความสำคัญของการปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเน้นการสร้างระบบที่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในยุคดิจิทัล ส่งเสริมแนวทางการปฏิบัติงานที่ยืดหยุ่น พร้อมสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยในปีนี้มูลนิธิฯ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างช่องทางในการเป็นผู้ให้ได้ง่ายยิ่งขึ้น ผสมผสานการทำบุญเข้ากับไลฟ์สไตล์ที่มีความสุขเป็นสะพานเชื่อม เช่น กิจกรรมสายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่ทุกคนสามารถมีความสุขกับการชมละครเวที คอนเสิร์ต หรือการแสดงต่าง ๆ พร้อมได้ร่วมทำบุญในเวลาเดียวกัน ซึ่งมูลนิธิรามาธิบดีฯ ได้กล่าวขอบคุณศิลปินจิตอาสา ผู้บริหารค่ายต่าง ๆ ที่มีจิตศรัทธาอาสาเข้ามาร่วมสร้างสรรค์กิจกรรมดังกล่าว

มูลนิธิรามาธิบดีฯ เผยทิศทางปี 68 พร้อมทำหน้าที่ “สะพานแห่งการให้”

มูลนิธิฯ กว่าวว่า มิติของการร่วมมือเพื่อสร้างสรรค์ของที่ระลึกก็ขยายวงกว้างกว่าเดิม จากกลุ่มไทยดีไซเนอร์ ไปยังกลุ่มนักออกแบบหน้าใหม่ เนื่องจากมูลนิธิฯ ต้องการให้สนับสนุนวงการงานอาร์ตไทย และอีกความท้าทายคือการติดต่อลิขสิทธิ์ต่างประเทศที่มีฐานแฟนคลับขนาดใหญ่หลากหลายช่วงอายุ  เช่น Hello Kitty, Sesame Street, Peanuts, Peter Rabbit และในปี 2567 มูลนิธิฯ ประสบความสำเร็จอย่างมากจากการทำ Collaboration กับ CryBaby ศิลปินไทยที่มีชื่อเสียงในตลาดสากล พร้อมกล่าวฝากให้รอติดตามคอลเล็กชั่นใหม่ ๆ อาทิ Little Princess

สุดท้าย มูลนิธิฯ ยังมุ่งพัฒนาช่องทางการสื่อสารที่เข้าถึงกลุ่มคนที่หลากหลาย และมีความต้องการเฉพาะในแต่ละสื่อ ยกตัวอย่าง TikTok ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นช่องทางสนับสนุนของที่ระลึก และการมอบความสุขที่เกิดจากการให้ เนื้อหาที่จัดทำก็จะเข้ากับยุคสมัยทำให้คนที่อาจจะยังไม่ถึงวัยมาโรงพยาบาลก็สามารถรู้จักมูลนิธิรามาธิบดีฯ ได้