ยูกิ คาวาอูชิ นักวิ่งมนุษย์เงินเดือน ตัวแทนความสำเร็จที่มาจาก “ความพยายาม”

ยูกิ คาวาอูชิ นักวิ่งมนุษย์เงินเดือน ตัวแทนความสำเร็จที่มาจาก “ความพยายาม”
       ย้อนกลับไปในปี 2018 ยูกิ คาวาอูชิ (Yuki Kawa-uchi) นักวิ่งชาวญี่ปุ่นเจ้าของฉายา ‘citizen runner’ คือชายวัย 31 ที่เพิ่งจะพิชิตการแข่งขันวิ่งมาราธอนที่เก่าแก่ที่สุดรายการหนึ่งของโลกอย่าง Boston Marathon 2018 ด้วยเวลา 2:15:58 ชั่วโมง ชัยชนะของคาวาอูชิครั้งนั้นทำให้เขากลายเป็นคนญี่ปุ่นคนแรกนับตั้งแต่ปี 1987 ที่ชนะการแข่งขันวิ่งรายการนี้ อีกทั้งมันยังเป็น Boston Marathon ครั้งแรกของเขาอีกด้วย “สำหรับผมนี่คือช่วงที่ดีที่สุด” คาวาอูชิให้สัมภาษณ์หลังพิชิต Boston Marathon 2018 ถ้าเราดูภูมิหลังของนักวิ่งปอดเหล็กระดับโลกหลายคน จะเห็นว่าส่วนใหญ่ล้วนเกิดมาเพื่อการเป็นนักวิ่ง ใช้เวลาแต่ละวันไปกับการฝึกซ้อมอย่างมีวินัยเคร่งครัด แต่คาวาอูชิไม่ใช่เช่นนั้น เขาเริ่มต้นในฐานะข้าราชการกินเงินเดือนคนหนึ่ง คาวาอูชิเกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ปี 1987 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ชีวิตของคาวาอูชิ ก่อนที่จะเป็นนักวิ่งมาราธอนเต็มตัวตัว เขารับราชการอยู่ที่เมืองไซตามะ เรียกได้ว่าเป็นมนุษย์เงินเดือนที่เข้างานตั้งแต่บ่ายโมงยันสามทุ่ม ต้องทำงานมากกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่งานที่คาวาอูชิคาดหวังจะมอบทั้งชีวิตให้ เพราะสิ่งเดียวที่เขารักมากเหนือสิ่งอื่นใด ก็คือ ‘การวิ่ง’ นั่นเอง

ทุกคนมีเวลาให้ตัวเองเสมอ

คาวาอูชิใช้เวลาว่างจากการทำงานไปกับการวิ่งซะส่วนใหญ่ ทุกวันหยุดเขามักจะวิ่งเป็นระยะทางกว่า 50 กิโลเมตรต่อวัน ซึ่งถือเป็นการวิ่งที่ยาวมากสำหรับบุคคลทั่วไป คาวาอูชิเริ่มต้นเส้นทาง ‘นักวิ่ง’ เมื่อสมัยอายุยังน้อย ๆ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากคุณแม่ของเขาที่เป็นอดีตนักวิ่ง ทั้งสองมักฝึกวิ่งเคียงข้างกันเสมอ คุณแม่ของคาวาอูชิถือเป็นคนสำคัญที่สอนให้เขารู้จักการวิ่งที่แท้จริง ย้อนกลับไปเมื่อตอนเขาอายุได้ 6 ขวบ คุณแม่ของคาวาอูชิให้ลูกชายฝึกวิ่งทุกวันด้วยระยะทางกว่า 1,500 เมตร ซึ่งคาวาอูชิใช้เวลาเพียง 7.30 นาทีในการวิ่งต่อรอบ ยูกิ คาวาอูชิ นักวิ่งมนุษย์เงินเดือน ตัวแทนความสำเร็จที่มาจาก “ความพยายาม”

วิ่งด้วยหยาดเหงื่อและน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง

คาวาอูชิสนใจการวิ่งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ช่วงวัยรุ่นเขาตัดสินใจเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยกากุชูอิน ซึ่งชื่อเสียงเรื่องพรสวรรค์และความมานะอุตสาหะของเขา ไปเข้าหูเข้าตาทีมวิ่งชั้นนำของประเทศที่อยากจะสนับสนุนคาวาอูชิให้กลายเป็นนักวิ่งชื่อดัง แต่สุดท้ายคาวาอูชิตัดสินใจไม่รับข้อเสนอใด ๆ และมุ่งหน้าวิ่งต่อไปด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเขาใช้เงินที่ได้จากการแข่งแต่ละครั้งเป็นทุนสำหรับลงแข่งในรายการต่อไปเสมอ การแข่งขัน Beppu-Oita Mainichi Marathon ปี 2009 ถือเป็นงานเปิดตัวของคาวาอูชิ อย่างแท้จริง หลังจบการแข่งขัน เขาเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 20 ทำเวลาไป 2:19:26 ชั่วโมง ซึ่งนั่นกลายเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเดินหน้าวิ่งต่อไป คาวาอูชิแสดงให้โลกเห็นถึงพลังของ ‘ความพยายาม’ เขาใช้เวลา 3 ปีในการเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 3 ในการแข่งขัน Tokyo Marathon 2011 ซึ่งย้อนไปตอนนั้นเขาเพิ่งจะมีอายุได้ 24 ปีบริบูรณ์เท่านั้น

เป้าหมายที่แท้จริงคืออะไร อยากทะลุขีดจำกัดของตัวเองหรือ ?

เป้าหมายของนักวิ่งทั่วโลกอาจมองไปถึงการเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่หนึ่ง หรือบางคนอาจมีเป้าหมายส่วนตัวที่แตกต่างกันออกไป แต่เป้าหมายของคาวาอูชิคือการเป็นตัวแทนประเทศญี่ปุ่นเข้าแข่งขันในโอลิมปิก 2020 ที่ญี่ปุ่นจะได้เป็นเจ้าภาพ หลังจากที่เขาผิดหวังมาจากการแข่งขัน Tokyo Marathon ปี 2012 ตอนนั้นเขาจบที่อันดับ 14 และไม่ผ่านคัดเลือกเข้าไปเป็นตัวแทนทีมชาติญี่ปุ่นในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่สหราชอาณาจักร หลังจากนั้นเขาตัดสินใจโกนผมตัวเอง เพื่อเป็นการแสดงความขอโทษต่อคนที่สนับสนุนเขา ปี 2013 การแข่งขัน Luxor Marathon ที่ประเทศอียิปต์ ทางผู้จัดตกลงดูแลค่าเดินทางสำหรับมาแข่งในรายการดังกล่าวให้คาวาอูชิ แต่ปรากฏว่านักวิ่งปอดเหล็กแดนปลาดิบมีปัญหาเกี่ยวกับพาสปอร์ต จนทำให้เขาตกเครื่องบินไฟลท์นั้น สุดท้ายคาวาอูชิตัดสินใจควักเงินเก็บตัวเองกว่า 800,000 เยน (ร่วมสามแสนบาท) ที่ว่ากันว่าเป็นรายได้หนึ่งในสี่ของเงินค่าราชการตลอดปีของเขา เพื่อเป็นค่าเดินทางไปแข่งขันรายการนี้ ซึ่งการลงทุนของคาวาอูชิในวันนั้นก็รีเทิร์นกลับให้เขาทันที เพราะสุดท้ายเจ้า “ยูกิ” สามารถเข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่งได้ด้วยเวลา 2:12:24 ชั่วโมง แถมยังเป็นสถิติที่เร็วที่สุดตลอดกาลของการแข่งขันอีกด้วย นับกว่าร้อยรายการที่เขาได้เข้าแข่งมาก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าในปี 2018 จะเป็นช่วงเวลาที่คาวาอูชิท็อปฟอร์มสุด ๆ ตลอดปีนั้นเขาสามารถเข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่งถึง 5 รายการจากการแข่งขันทั้งหมด 11 รายการ ซึ่งถ้ามองย้อนลงไปอีกก็จะเห็นว่าเขาไม่เคยเข้าเส้นชัยเกินอันดับที่ 10 มานับตั้งแต่การแข่งขัน Berlin Marathon ในปี 2016 ยูกิ คาวาอูชิ นักวิ่งมนุษย์เงินเดือน ตัวแทนความสำเร็จที่มาจาก “ความพยายาม”        ที่ผ่านมาการเป็นข้าราชการเต็มเวลา ทำให้คาวาอูชิไม่สามารถรับเงินจากสปอนเซอร์ได้ (แต่ยังได้รับเงินจากการแข่งขันต่าง ๆ) สุดท้ายคาวาอูชิเลยตัดสินใจวิ่งตามล่าฝันอย่างเต็มตัว โดยลาออกจากงานประจำและหันมาเป็นนักวิ่งอาชีพเต็มตัวในเดือนเมษายนปี 2019 ก่อนหน้านี้ ยูกิ คาวาอูชิ ไม่เคยออกตัวว่าตัวเองเป็นนักวิ่งอาชีพเลยสักครั้ง เขาแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขารักการวิ่งเพียงใด การวิ่งของเขาแสดงให้เห็นว่าแม้ชีวิตอาจมีหน้าที่การงานด้านอื่นให้รับผิดชอบมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยทิ้งความฝัน และสามารถทำมันได้เป็นอย่างดี
“ไม่ย่อท้อและก้มหน้าก้มตาวิ่งต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง” คาวาอูชิพูดถึงคติประจำใจของตัวเอง