‘ไรอัน ลอชต์’ นักว่ายน้ำที่ได้บทเรียนจาก ‘คำพูด’ เคยรวยเป็นล้าน แต่ต้องมาใช้เงินชนเดือน

‘ไรอัน ลอชต์’ นักว่ายน้ำที่ได้บทเรียนจาก ‘คำพูด’ เคยรวยเป็นล้าน แต่ต้องมาใช้เงินชนเดือน

เรื่องราวของ ‘ไรอัน ลอชต์’ นักกีฬาว่ายน้ำเจ้าของ 12 เหรียญโอลิมปิก ที่เคยรวยเป็นล้านแต่สูญรายได้เพราะ ‘คำพูด’

  • ระหว่างปี 2004 – 2016 ‘ไรอัน ลอชต์’ เป็นเจ้าของเหรียญโอลิมปิกทั้งหมด 12 เหรียญ (ครึ่งหนึ่งเป็นเหรียญทอง) กลายเป็นหนึ่งในนักว่ายน้ำที่คว้าเหรียญโอลิมปิกมากที่สุด และโกยเงินหลายล้านดอลลาร์จากบรรดาสปอนเซอร์
  • ฉลามหนุ่มผู้นี้ดูจะมีอนาคตอีกยาวไกล กระทั่งเกิดเรื่องฉาวระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2016 ที่นครริโอ เดอ จาเนโร ส่งผลให้เขาถูกสั่งพักการแข่งขันเป็นเวลา 10 เดือน และสูญเสียสปอนเซอร์หลักไปหลายราย

‘ไรอัน ลอชต์’ (Ryan Lochte) เป็นนักกีฬาว่ายน้ำชายที่กวาดเหรียญรางวัลได้มากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา เฉพาะการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เขาคว้าเหรียญไปได้มากถึง 12 เหรียญ ซึ่งทำให้เขาขึ้นแท่นนักว่ายน้ำที่ดีที่สุดอันดับ 2 ในยุคของ ‘ไมเคิล เฟลป์ส’ (Michael Phelps)

แต่เป็นเพราะ ‘คำพูด’ ที่สร้างความด่างพร้อยให้เจ้าภาพโอลิมปิกปี 2016 กับพฤติกรรมการใช้เงินที่ฟุ่มเฟือยไม่มองการณ์ไกล จึงทำให้เขาต้องตกที่นั่งลำบาก

ฉลามหนุ่มเจ้าของ 12 เหรียญโอลิมปิก

ไรอัน ลอชต์ เป็นลูกครึ่งดัตช์-คิวบา เกิดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 1984 ที่เมืองโรเชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก สหรัฐฯ เมื่อเขาอายุได้ 12 ปี ครอบครัวก็ย้ายไปอยู่ที่รัฐฟลอริดาตามหน้าที่การงานของพ่อ ซึ่งประกอบอาชีพเป็นครูสอนว่ายน้ำ 

ลอชต์หัดว่ายน้ำตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ค่อยจริงจังสักเท่าไร เขามักจะเป็นตัวป่วนในสระเสียมากกว่า อย่างไรก็ตาม ทัศนคติต่อการว่ายน้ำของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อตอนอายุ 14 ปี หลังจากที่เขารู้จักกับความพ่ายแพ้ในโอลิมปิกรุ่นเยาว์ 

ลอชต์เริ่มว่ายน้ำจริงจังในช่วงมัธยมปลาย และความพยายามของเขาก็เป็นผลในช่วงมหาวิทยาลัย เพราะเขาได้เป็นตัวแทนสหรัฐฯ ร่วมการแข่งขันในโอลิมปิกส์เอเธนส์ปี 2004 และสามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเหรียญแรกในชีวิตได้สำเร็จ ขณะอายุ 20 ปี

หลังจากนั้นเขาก็เพียรเก็บสะสมเหรียญโอลิมปิกเรื่อยมา ระหว่างปี 2004 – 2016 เขาเป็นเจ้าของเหรียญโอลิมปิกทั้งหมด 12 เหรียญ (ครึ่งหนึ่งเป็นเหรียญทอง) กลายเป็นหนึ่งในนักว่ายน้ำที่คว้าเหรียญโอลิมปิกมากที่สุด และโกยเงินหลายล้านดอลลาร์จากบรรดาสปอนเซอร์

ลอชต์ในยุครุ่งเรือง ใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยจากเงินที่ได้รับจากสปอนเซอร์ดัง ไม่ว่าจะเป็นสปีโด, ยิลเลตต์, เกเตอเรด, ราล์ฟ ลอเรน, นิสสัน, เอทีแอนด์ที และอื่น ๆ อีกมากมาย 

เรื่องฉาวในโอลิมปิก 2016

ฉลามหนุ่มผู้นี้ดูจะมีอนาคตอีกยาวไกล กระทั่งเกิดเรื่องฉาวระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2016 ที่นครริโอ เดอ จาเนโร ส่งผลให้เขาถูกสั่งพักการแข่งขันเป็นเวลา 10 เดือน และสูญเสียสปอนเซอร์หลักไปหลายราย 

เหตุการณ์โอละพ่อนี้เริ่มจากการที่ลอชต์ให้สัมภาษณ์ว่า เขากับเพื่อนนักกีฬาว่ายน้ำอีก 3 คน ถูกชายที่มีตราตำรวจบราซิลปล้น โดยมีการใช้ปืนจี้ศีรษะ บังคับให้ส่งมอบทรัพย์สินมีค่า จนทำให้ ‘ริโอ เกมส์ 2016’ เสื่อมเสียชื่อเสียง 

แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้น ภาพจากกล้องวงจรปิดได้เผยให้เห็นเหตุการณ์ที่ไม่ตรงกับคำพูดของลอชต์ โดยเขาและเพื่อนร่วมทีมได้แวะไปเข้าห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง และหนึ่งในกลุ่มนักกีฬาได้แสดงพฤติกรรมอันธพาล พังประตูห้องน้ำของปั๊มจนพัง จึงเกิดการเผชิญหน้ากับพนักงานรักษาความปลอดภัยที่พกพาอาวุธ

เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความอับอายให้กับทีมโอลิมปิกสหรัฐฯ และตัวลอชต์เอง ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดฟ้องว่าแท้จริงแล้วเขาเป็น ‘เด็กเลี้ยงแกะ’ แม้ว่าต่อมาเขาจะพยายามอธิบายว่าตัวเองแค่ ‘พูดเกินจริง’ เหตุการณ์นี้ทำให้เขาถูกวิจารณ์รุนแรงจนถึงขั้นคิดจะจบชีวิตตัวเอง

“หลังเกิดเรื่องที่ริโอ ผมคงเป็นคนที่ถูกเกลียดที่สุดในโลก” ลอตช์ให้สัมภาษณ์ พร้อมกับยอมรับว่า เหตุการณ์นี้ทำให้เขาร้องไห้ และคิดว่าอยากจะหลับไปโดยไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย เมื่อเขาถูกถามย้ำว่า นั่นหมายความว่าเขาคิดจะจบชีวิตตัวเองใช่หรือไม่ เขาพยักหน้าช้า ๆ 

มีรายงานว่า หลังจากเดินทางกลับสหรัฐฯ ลอชต์สูญเสียสปอนเซอร์ทั้งหมดไป ส่วนคู่หมั้นของเขาก็พลอยรับกรรมไปด้วย เธอถูกเขวี้ยงแก้วใส่หัวทั้งที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ขณะที่ลอชต์เองก็ถูกถล่มยับ โดยระหว่างที่กำลังขึ้นแสดงในรายการ ‘Dancing With the Stars’ ได้มีชายสองคนบุกขึ้นมาบนเวที ด่าว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดและโกหก ทำให้รายการต้องพักการแสดงชั่วคราว พิธีกรต้องตัดเข้าโฆษณาเพราะเป็นรายการสด 

ชายทั้งสองคนอ้างว่า การกระทำของพวกเขาเป็นเพียงการประท้วงโดยไม่ได้ใช้ความรุนแรง เพราะไม่เห็นด้วยที่รายการเลือกลอชต์มาเป็นตัวแทนชาวอเมริกัน เพราะถึงแม้เขาจะได้รับเหรียญทอง แต่สิ่งที่เขาทำในริโอก็ไม่ได้นับเป็นตัวแทนของชาวอเมริกัน 

ถูกพักการแข่งขันครั้งที่ 2

เรื่องอื้อฉาวของเขายังไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะคล้อยหลังเหตุการณ์ที่ริโอเพียง 2 ปี เขาก็ถูกสั่งพักการแข่งขันอีกครั้ง หลังจากที่โพสต์ภาพตัวเองฉีดวิตามินบี 12 เข้าหลอดเลือดดำ ครั้งนี้เขาถูกสั่งพักการแข่งขันถึง 14 เดือน เพราะกฎของหน่วยงานต่อต้านการใช้สารต้องห้ามของสหรัฐอเมริกา (USADA) ห้ามมิให้ฉีดยาทางหลอดเลือดดำในปริมาณที่มากกว่า 100 มล. ภายในระยะเวลา 12 ชั่วโมง เว้นแต่จะได้รับระหว่างการรักษาในโรงพยาบาล 

ปี 2019 เขาให้สัมภาษณ์ ‘อเล็กซ์ โรดริเกซ’ ในรายการ ‘Back in the Game’ ทางช่อง CNBC โดยเปิดใจว่า จากที่เคยมีรายได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ตอนนี้เขามีรายได้เพียง 75,000 ดอลลาร์ต่อปี จากสปอนเซอร์ที่เหลืออยู่เพียงรายเดียว เท่านั้นยังไม่พอ เขากับภรรยายังต้องขายบ้านขนาด 4,200 ตารางฟุต ไปอาศัยในอพาร์ตเมนต์ขนาด 1,800 ตารางฟุต 

ที่เลวร้ายสุดคือเขายังติดใช้เงินมือเติบจนมีหนี้ก้อนโต เหลือเงินในบัญชีเพียง 20,000 ดอลลาร์ จนแทบไม่อยากชายตาดูบัญชีอยู่ร่วม 2 ปี 

คิดได้เมื่อเป็นพ่อคน 

ประสบการณ์อันโหดร้ายนี้สอนให้เขารู้ว่า “เงินไม่ได้งอกออกมาจากต้นไม้” (money doesn’t grow on trees) และ “ค่าจ้างใดก็ตามที่คุณได้มา ไม่ว่าจะ 5 ดอลลาร์ หรือ 5,000 ดอลลาร์ คุณต้องเก็บบางส่วนไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม” 

นอกจากนี้ เขายังบอกด้วยว่า “ไม่ว่าคุณจะหาเงินเข้าบ้านได้เท่าไร สิ่งสำคัญคือคุณต้องควบคุมการใช้จ่ายของตัวเอง คุณต้องจัดงบประมาณค่าใช้จ่ายของตัวเอง นั่นคือสิ่งที่ผมไม่เคยทำเมื่อตอนเป็นเด็ก เงินทั้งหมดของผมจึงไหลออกไป เพราะตอนนั้นผมไม่มีครอบครัว และผมใช้ชีวิตอย่างสบายใจ ซื้อข้าวของตามอำเภอใจ มันเลยทำให้ผมเป็นแบบนี้” 

แต่ด้วยความช่วยเหลือของโรดริเกซ ลอชต์ก็มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเป็นวิทยากรและการสอนว่ายน้ำ เขาเริ่มกลับมาเก็บออมเงิน ควบคู่กับการตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก เช่น รอปอร์เช่ ที่มีค่าใช้จ่ายเดือนละ 835 ดอลลาร์

ลอชต์ซึ่งขณะนั้นเป็นคุณพ่อลูกสอง ได้ให้คำแนะนำเรื่องเงินกับคนที่อายุน้อยกว่าว่า “คุณไม่ได้อยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต คุณจะมีครอบครัว ซึ่งมันต้องใช้เงิน การมีลูกต้องใช้เงิน 

“คุณอยากให้ลูก ๆ เข้าโรงเรียนดี ๆ คุณอยากมีบ้านที่ดีให้พวกเขา คุณต้องเริ่มประหยัดเงินตั้งแต่ตอนนี้” 

อย่างไรก็ตาม ลอชต์ยังไม่คิดจะเกษียณตัวเองจากอาชีพนักว่ายน้ำ และยังหมายมั่นปั้นมือที่จะแก้ตัวในการแข่งขันโตเกียว 2020 เพราะต้องการพิสูจน์บางอย่างให้ลูก ๆ เห็น 

“ผมอยากแสดงให้ลูก ๆ เห็นว่า ไม่ว่าคุณจะล้มลงสักกี่ครั้ง คุณก็จะลุกขึ้นมาสู้ต่อได้” 

แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ตั๋วไปแข่งในโตเกียวเกมส์ 2021 ตามที่ตั้งใจ (เดิมโตเกียวเกมส์กำหนดจัดในปี 2020 แต่ล่าช้าออกไป 1 ปี เพราะการระบาดของโควิด-19) แต่เขายังคงให้สัมภาษณ์อย่างมีความหวังว่า 

“ผมทำให้ทุกคนผิดหวัง แต่นี่ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของถนน ยังมีอีกหลายสิ่งที่ผมอยากทำให้สำเร็จในกีฬาว่ายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นในสระหรือนอกสระ” 

 

ภาพ : Getty Images

อ้างอิง : 

cnbc

businessinsider

insider

britannica

usatoday

smh