โอกาสซอสไทยตีตลาด ยุคศรีราชา(เวียดนาม)ส่อหายาก

โอกาสซอสไทยตีตลาด ยุคศรีราชา(เวียดนาม)ส่อหายาก
หลังบริษัท Huy Fong Food ผู้ผลิตซอสพริกยอดนิยมของสหรัฐฯอย่าง ‘ซอสพริกศรีราชา’ หรือ ‘ศรีราชาตราไก่’ ออกมาประกาศว่า ซอสดังกล่าวกำลังจะหาซื้อไม่ได้ เพราะบริษัทฯต้องหยุดผลิตชั่วคราวในช่วงซัมเมอร์นี้ เนื่องจากพริกซึ่งวัตถุดิบสำคัญในการผลิตขาดแคลนอย่างหนัก จนชาวอเมริกันต่างออกมาโวยวายว่า เป็นข่าวร้ายแห่งปีเลยทีเดียว แต่หากมองอีกมุมก็ถือเป็น ‘โอกาสทอง’ สำหรับซอสพริกจากไทยที่จะเข้าไปเจาะตลาดใหญ่แห่งนี้ โดยเฉพาะ ‘ซอสพริกศรีราชาพานิช’ ซึ่งเคยถูกหยิบมาเป็นประเด็นดราม่ากับศรีราชาตราไก่ว่า ‘ใครเป็นของแท้กันแน่’ เริ่มต้นจากน้ำพริก ซอสพริกศรีราชาพานิช หรือเดิมเรียกว่า น้ำพริกศรีราชา มี ‘กิมซิว ทิมกระจ่าง’ เป็นผู้คิดค้นสูตรคนแรก และเป็นเจ้าตำนานซอสพริกศรีราชาในประเทศไทย โดยเขาเป็นบุตรชายของหลวงกระจ่างจีนพิสัย (ต้นตระกูลทิมกระจ่าง) คนไทยเชื้อสายจีนที่ตั้งรกราก ณ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ก่อนรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตัวของกิมซัวเองแม้จะมีอาชีพค้าขาย แต่ก็เป็นคนชอบทำอาหารอยู่แล้ว โดยเฉพาะประเภทน้ำพริก และเขาไม่ทำอาหารเพียงอย่างเดียว ยังคิดค้นวิธีการถนอมอาหารจากพริกสดด้วยวิธีการทางธรรมชาติ รสชาติจัดจ้าน จนเป็นที่มาของ ‘น้ำพริกศรีราชา’ โดยจุดเด่น คือ เป็นซอสพริกล้วน 100% หมักบ่มด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่ใส่สารกันบูด ไม่ใส่สี ไม่ใส่แป้ง ไม่ใส่ผงชูรสและสารใดๆ สามารถเก็บไว้ได้นาน ที่สำคัญมีรสชาติจัดจ้าน เผ็ด เปรี้ยว หวาน หอม ซึ่งเมื่อเขาได้แจกจ่ายให้เพื่อนบ้าน และญาติมิตรได้ลิ้มลอง ทุกคนล้วนติดใจ จากทานเองขยายสู่ธุรกิจ หลังจากได้รับกระแสตอบรับจากคนใกล้ตัวดีเกินคาด ในปี พ.ศ. 2456 เขาจึงตัดสินใจผลิตน้ำพริกศรีราชาออกจำหน่ายในอำเภอศรีราชาเป็นครั้งแรก และทางพระยาภักดีนรเศรษฐ (เลิศ เศรษฐบุตร) ผู้เป็นสหาย และเป็นเจ้าของกิจการรถเมล์ขาวก็นำน้ำพริกที่เขาคิดค้นไปจำหน่ายที่ห้างฯในกรุงเทพฯ โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และน้ำพริกศรีราชากลายเป็นของดีประจำจังหวัด ไม่ว่าใครแวะไปต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับมา เมื่อความนิยมเพิ่มสูงขึ้น ‘สกล ทิมกระจ่าง’ บุตรชายกิมซัว ทิมกระจ่าง จึงได้ตั้งโรงงานผลิตน้ำพริกศรีราชาออกจำหน่ายที่บ้านภรรยา (เสงี่ยม ทัศนาญชลี) ย่านวงเวียนใหญ่ในกรุงเทพฯ และจดเป็น ‘ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.จันทรา’ ต่อมาในปี พ.ศ. 2488 ได้จดเครื่องหมายการค้าชื่อ ‘ตราภูเขาทอง’ พร้อมมีภาษาอังกฤษกำกับว่า GRAND MOUNTAIN จนคนในสมัยนั้นเรียกกันติดปากว่า น้ำพริกศรีราชาตราภูเขาทอง ภูเขาทอง ที่เป็นเครื่องหมายการค้านั้น เป็นรูปภูเขาทองวัดสระเกศ ส่วนการที่สกลเลือกใช้ตราภูเขาทอง เป็นเครื่องหมายการค้า เพราะมาจากชื่อของบิดา นั่นคือ กิมซัว ที่แปลว่า ภูเขาทอง เพื่อความเป็นสิริมงคลและระลึกถึงในฐานะเจ้าของสูตรน้ำพริกศรีราชา ซึ่งสกลได้จารึกหลักฐานเป็นแผ่นสลักติดไว้ที่เสาโบสถ์ของวัดศรีมหาราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีว่า ‘นายกิมซัว ทิมกระจ่าง ผู้คิดค้นน้ำพริกศรีราชา พ.ศ. 2456’ ใต้ร่มเงาไทยเทพรส จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2527 เมื่อ ‘บริษัท ไทยเทพรส จำกัด(มหาชน)’ ผู้ผลิตซอสปรุงรสตราภูเขาทอง เข้ามาซื้อกิจการของน้ำพริกศรีราชา โดยยังคงรักษาคุณภาพและเอกลักษณ์ในเรื่องรสชาติไว้ไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น ‘ซอสพริกศรีราชาพานิช’ ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Sriraja Panich Chilli Sauce ขณะเดียวกันได้ขยายช่องทางจัดจำหน่ายไปในช่องทางหลากหลายทั้งร้านโชว์ห่วยและห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ รวมถึงส่งออกไปต่างประเทศ (ถือเป็นซอสพริกแบรนด์แรกของไทยที่มีการไปวางจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ) และด้วยรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ชาวต่างชาติที่ชื่นชอบและมีชื่อเสียงโด่งดังมาจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ซอสพริกศรีราชาพานิชวางจำหน่ายในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย และโอเชียเนีย จุดกำเนิดศรีราชาตราไก่ เมื่อพูดถึงซอสพริกศรีราชาพานิชไปแล้ว จะไม่พูดถึงคู่แข่งที่มีชื่อใกล้เคียงกัน แถมดังระดับโลกและครองใจชาวอเมริกันอย่าง ‘ซอสพริกศรีราชตราไก่’ ก็ดูจะกระไรอยู่ โดยซอสตัวนี้มีเดวิด ทราน (David Tran) ชาวเวียดนามเชื้อสายจีนที่อพยพหนีสงครามเวียดนามมายังสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าของ ด้วยการตั้งบริษัท Huy Fong Foods ขึ้นมาผลิตในปี ค.ศ.1980  โดยมีตราสัญลักษณ์บนขวดเป็น ‘ไก่’ สัตว์ประจำปีนักษัตรของเขา และใช้โทนสีแดงกับเขียว สื่อถึงสีของพริกสด ตัวเดวิดเองยอมรับว่า ซอสของเขามีแรงบันดาลใจมาจาก ‘ซอสพริกศรีราชา’ ที่นิยมทานกันในอำเภอศรีราชา ประเทศไทย แต่เขาก็ผลิตซอสรสชาติเผ็ดนี้ตามแบบฉบับของตัวเอง และบอกว่า “มันไม่ใช่ซอสศรีราชาของไทย แต่เป็นซอสศรีราชาของผม” ด้วยเอกลักษณ์ในเรื่องรสชาติ ทำให้ซอสพริกศรีราชาของเดวิด ทราน ได้รับความนิยมจนเกิดปากต่อปาก และกลายเป็นหนึ่งในผู้นำของตลาดซอสพริกในสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางยักษ์ใหญ่ทั้ง Heinz, Tabasco และ Frank’s red Hot ซึ่งในปี ค.ศ. 2018 ซอสศรีราชาตราไก่ ทำรายได้ไปมากกว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี ค.ศ. 2013 ที่ทำรายได้ 75 ล้านเหรียญสหรัฐ รสชาติซอสพริกศรีราชาพานิช&ซอสศรีราชาตราไก่ มาถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วรสชาติของทั้งสองแบรนด์เหมือนหรือแตกต่างกัน โดยซอสพริกศรีราชาพานิชสูตรต้นตำรับของกิมซัว จะเป็นซอสพริกล้วน 100% หมักบ่มด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่ใส่สารกันบูด ไม่ใส่สี ไม่ใส่แป้ง ไม่ใส่ผงชูรสและสารใดๆ สามารถเก็บไว้ได้นาน ที่สำคัญมีรสชาติจัดจ้าน เผ็ด เปรี้ยว หวาน หอม ส่วนซอสพริกศรีราชาตราไก่จะให้รสเปรี้ยว และเผ็ด เพราะทำมาจากพริกจาลาปิโน่ (พริกพื้นถิ่นของเม็กซิโก) กระเทียม น้ำตาล และวัตถุดิบที่หาได้ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อให้รับประทานได้กับอาหารทุกประเภท อย่างไรก็ตาม จากการประกาศหยุดผลิตซอสพริกศรีราชาตราไก่ของ Huy Fong Food จากปัญหาขาดแคลนพริกอย่างหนัก จนอาจทำให้ซอสตัวนี้ต้องขาดตลาด น่าจะเป็นจังหวะดีที่แบรนด์ไทยจะใช้เป็นโอกาสเพื่อเจาะเข้าไปตลาดสหรัฐอเมริกาได้มากขึ้นรึเปล่า ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว . อ้างอิง . -https://www.bangkoksauce.co.th - https://www.bloomberg.com/news/features/2019-04-06/thaitheparos-sriraja-panich-sriracha-comes-to-the-u-s-market?fbclid=IwAR1dP6U8ankakALsfhfuaQm4moeOCFCIuXdDlp2qo3g6qy9ZdhO0wPbyY4Q - https://th.wikipedia.org -https://becommon.co/world/thetasteof-sriracha-battle/