“สตีฟ จอบส์” ลาออกจากมหาวิทยาลัย แล้วเลือกเรียนคัดลายมือฟรี แทนการเขียนโค้ด ทำให้โลกได้รู้จัก iPhone

“สตีฟ จอบส์” ลาออกจากมหาวิทยาลัย แล้วเลือกเรียนคัดลายมือฟรี แทนการเขียนโค้ด ทำให้โลกได้รู้จัก iPhone

ลาออกจากมหาวิทยาลัย แล้วเลือกเรียนคัดลายมือฟรี แทนการเขียนโค้ด ทำให้โลกได้รู้จัก iPhone

ไม่ว่าจะใช้สมาร์ทโฟน iPhone หรือ Android ใช้ macOS หรือ Windows ก็น่าจะพอรู้จัก “สตีฟ จอบส์” (Steve Jobs) บุคคลที่มีส่วนสำคัญในการปฎิวัติโลกใบนี้ ให้ไม่เหมือนเดิมไปตลอดกาล ยิ่งถ้าได้อ่านประวัติของศาสดาแอปเปิ้ลมาบ้าง น่าจะเคยรู้เรื่องราวการลาออกจากมหาวิทยาลัยรีด (Reed College) ของเขา หลังเริ่มเรียนได้เพียงแค่ครึ่งปี แต่หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่าการลาออกครั้งนี้ มีส่วนทำให้เกิด iPhone ที่เราใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน วันที่ 12 มิถุนายน ปี 2005 สตีฟ จอบส์ ผู้ไม่จบปริญญาตรี กลับมีโอกาสขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในวันรับปริญญาของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ต่อหน้านักศึกษาที่กำลังจะได้ใบปริญญาหลายร้อยคน กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท แอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์ ได้เล่าว่าสาเหตุที่ลาออกจากมหาวิทยาลัย เพราะไม่อยากให้พ่อแม่ต้องเสียเงินเก็บจำนวนมากไปกับค่าเรียนหนังสือของเขา แต่การลาออกครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นจุดสิ้นสุดของการศึกษาสำหรับเขา กลับกันอิสระที่ไม่ต้องยึดติดกับวิชาเรียน ทำให้เขาสามารถไปนั่งลงเรียนในวิชาที่น่าสนใจได้ ที่สำคัญเป็นการนั่งเรียนฟรีไม่ต้องเสียตังค์เลยอีกต่างหาก !! หนึ่งในวิชาที่เขาเลือกเรียนคือ วิชาคัดลายมือ (Calligraphy) หรือ วิชาประดิษฐ์อักษรด้วยลายมือ ซึ่งตอนนั้นคอร์สสอนการคัดลายมือของมหาวิทยาลัยรีด ถือว่าน่าจะดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา สตีฟ จอบส์ ได้รู้ความแตกต่างของตัวอักษรแบบเซรีฟ (Serif) แบบ ซาน เซรีฟ (Sans Serif) เรียนวิธีเว้นช่องไฟระหว่างตัวอักษร ได้เรียนรู้เทคนิคการเรียงพิมพ์ ซึ่งทั้งหมดนี้แทบจะไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติเทคโนโลยีด้วยคอมพิวเตอร์ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนั้น ที่คนรุ่นใหม่จำนวนมากกำลังสนใจการเขียนโปรแกรม แต่อีก 10 ปีต่อมา วิชาที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีนี้ ได้กลายมาเป็นรากฐานสำคัญในการออกแบบคอมพิวเตอร์แมคอินทอชรุ่นแรก ทำให้แมคเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกในโลก ที่มีตัวพิมพ์ที่สวยงามโดดเด่นจากคอมพิวเตอร์อื่นๆ ในยุคนั้น ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในงานออกแบบเลยเลือกใช้แมค ทั้งที่พีซีเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า ท้ายสุดเป็นคอมพิวเตอร์พีซีที่ต้องหันมาพัฒนาเรื่องตัวอักษรในเครื่องเพื่อไล่ตามแมคให้ทัน แต่ไม่ใช่เรื่องตัวอักษรของแมคเพียงอย่างเดียว ที่ทำให้แอปเปิ้ลประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้ หลายสิ่งที่ สตีฟ จอบส์ เอาวิสัยทัศน์ที่เชื่อมั่นของตัวเองเป็นที่ตั้ง อย่างก่อนหน้า iPhone โทรศัพท์หลายแบรนด์แข่งกันทำปากกาสไตลัสที่ใช้งานง่ายเขียนลื่นเหมือนปากกาจริงๆ แต่จอบส์บอกว่าไม่จำเป็น เพราะนิ้วมือของเรานี่แหละคือปากกาที่ดีที่สุด ทำให้โลกได้รู้จักกับ iPhone สมาร์ทโฟนที่ไม่มีทั้งปากกาสไตลัส และปุ่มกดเบอร์โทรศัพท์ . แล้วในยุคก่อนหน้า MacBook Air คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ต่างพยายามเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถต่างๆ ลงไป จนทำให้เครื่องมีขนาดใหญ่โตเทอะทะ แต่เป็น จอบส์ ที่ลดทอนทุกอย่างลง เพื่อให้ได้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่มีขนาดเล็กและบางที่สุด เล็กจนเก็บไว้ในซองเอกสารได้ จุดเชื่อมโยงของ จอบส์ อาจมาจากการประยุกต์สิ่งต่างๆ ที่แทบไม่เกี่ยวข้องกันให้ต่างเสริมจุดเด่นแก่กัน รวมไปถึงการเชื่อมั่นในสัญชาตญาณ แล้วทำตามความเชื่อนั้นอย่างจริงจัง โดยไม่ยอมให้หมดแพชชันไปซะก่อน ถึงแม้ความเชื่อของเรานั้น จะเป็นสิ่งแตกต่างจากที่เคย ดูแปลกประหลาด ไม่น่าเป็นไปได้แค่ไหน แต่สุดท้ายถ้าสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องคนอื่นก็จะเดินตามเองในที่สุด เหมือนโลกไอทีที่หมุนตามความเชื่อของผู้ชายที่ชื่อ “สตีฟ จอบส์”