โจ๊กเกอร์ เสียงหัวเราะเมื่อโลกร่ำไห้ ความสุขใจสลายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้ม

โจ๊กเกอร์ เสียงหัวเราะเมื่อโลกร่ำไห้ ความสุขใจสลายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ผมสีเขียว ชุดสูทเก่า ๆ สีม่วง ฉาบใบหน้าด้วยสีขาว และริมฝีปากแดงเลือดกับรอยแผลเป็นน่าเกลียด สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นภาพลักษณ์ของ “โจ๊กเกอร์” (The Joker) ที่เราคุ้นตากันอยู่ไม่น้อย ยิ่งบวกกับเสียงหัวเราะหลอนประสาท และบทพูดที่ถ่ายทอดออกมาเพื่อปั่นหัวอัศวินรัตติกาล ควบตำแหน่งคู่ปรับตลอดกาลอย่าง “แบทแมน” (Batman) แล้ว ก็ทำให้เราแทบจะฟันธงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า ถึงความ “บ้า” ของตัวละครวายร้ายแห่งจักรวาลดีซีตัวนี้ สิ่งหนึ่งที่ผู้ชมรู้ซึ้งเกี่ยวกับโจ๊กเกอร์ คือความฉลาดในการเดินเกมทางจิตวิทยา ประโยคคำถาม “Do you wanna know how I got these scars?” ที่ได้ยินจากภาพยนตร์เรื่อง Batman The Dark Knight (2008) พร้อมกับเรื่องเล่าจิตป่วยที่ตามมาหลังจากนั้นอาจจะทำให้เราจิตตกไปชั่วขณะ ก่อนที่จะหันมาตั้งคำถามว่า แล้วอะไรกันแน่ ที่ทำให้แผลเป็นชวนขนลุกของโจ๊กเกอร์เกิดขึ้น เปล่าประโยชน์จะสืบหาอดีตของโจ๊กเกอร์เวอร์ชัน The Dark Knight เพราะตัวตลกลวงโลกที่รับบทโดย ฮีธ เลดเจอร์ (Heath Ledger) ผู้ล่วงลับ ไม่ได้สนใจนักว่าเรื่องเล่าของตนจะต้องเป็นความจริงหรือไม่ เพียงแค่ปั่นหัวคนให้สติแตกได้เป็นพอ สิ่งที่เราพอจะหาได้ เพื่อไขปริศนาถึงที่มาของอาการสติหลุดของตัวตลกผมเขียวนั้นอาจจะต้องย้อนไปในจักรวาลคอมิกส์ อย่าง Batman: The Killing Joke (1988) ที่ถูกนำมาทำเป็นแอนิเมชันภายใต้ชื่อเดียวกันในปี 2016 ซึ่งบอกให้เรารู้ว่า ก่อนที่โจ๊กเกอร์จะกลายมาเป็นวายร้าย เขาเคยมีชีวิตปกติธรรมดาเช่นเดียวกับคนทั่วไป เขาเป็นนักเล่นตลกตกอับไม่ทราบชื่อ ที่ไร้งานและเงินจะเลี้ยงดู “จีนนี” ภรรยาสาว กับลูกน้อยในท้องที่รอวันลืมตาดูโลก ความทรงจำเหล่านั้นก็คงไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่สำหรับโจ๊กเกอร์ เพราะครั้งหนึ่งเขาได้บอกกับแบทแมนว่า “ถ้าฉันเคยมีอดีต ฉันอยากให้มันมีทางเลือกหลากหลาย แต่ประเด็นคือฉันกลายเป็นบ้า”   โจ๊กเกอร์ เสียงหัวเราะเมื่อโลกร่ำไห้ ความสุขใจสลายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้ม   ร่ายรำ ระบำตัวตลก   “คุณคิดว่ามันง่ายนักหรือไง ผมต้องขึ้นไปบนเวที แต่ไม่มีใครหัวเราะ” เสียงตัดพ้อของชายหนุ่มดังขึ้นภายในห้องพักที่ทั้งเล็กและเหม็นอับ ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเขาไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่า หางานที่ดีและได้เงินมากพอที่จะพาภรรยาและลูกน้อยย้ายออกไปอยู่ในบ้านอุ่น ๆ สักหลัง แต่มุกแป้ก ๆ ที่เล่นไปก็ไม่สามารถหามาได้แม้แต่เงินค่าเช่าห้องพักรูหนู ชายหนุ่มผู้จนตรอกจึงตัดสินใจเข้าร่วมกับ “เรดฮูด” (Red Hood) กลุ่มจารชนโม่งแดงในการปล้นโรงงานสารเคมี เพื่อหาเงินมาเลี้ยงปากท้องของเมียและลูก แต่ความฝันของว่าที่คุณพ่อก็ต้องสลาย เมื่อจีนนีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุก่อนถึงเวลาปล้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง ชายหนุ่มไม่มีเหตุจูงใจให้ปล้นอีกต่อไป เขาอยากบอกลาจากแก็งโม่งแดงแต่ทำไม่ได้ จึงจำใจนำทางเหล่าโจรไปที่คลังเก็บเงินก้อนโต โดยไม่รู้เลยว่านั่นจะนำมาซึ่งการเผชิญหน้าครั้งแรกของเขากับแบทแมน ความกลัวจนลนลานทำให้ร่างของเขาดิ่งลงสู่บ่อสารเคมี เป็นโชคดีของชายหนุ่มที่เขารอดตาย แต่เป็นโชคร้ายของเมืองก็อตแธมเมื่อเขาไม่ใช่ชายขี้แพ้คนเดิมอีกต่อไป เสียงหัวเราะแรกของ โจ๊กเกอร์ ดังขึ้น หลังจากตะเกียกตะกายจนพ้นจากมวลน้ำสกปรกได้ ร่างกายของเขาถูกกัดจนซีดขาว มุมปากฉีกเป็นรอยยิ้มกว้าง สมองถูกทำลาย และเขาเปลี่ยนไป จากนักแสดงตลกที่อยากสร้างเสียงหัวเราะให้คนทั้งโลก เป็นตัวตลกที่เปล่งเสียงหัวเราะบ้าคลั่งใส่โลกทั้งใบ ความสุขของโจ๊กเกอร์คือความวุ่นวาย อาชญากรรม ความตายเปื้อนยิ้มที่เขามอบให้ด้วยการปล่อยก๊าซหัวเราะใส่ และการเห็นคนปกติกลายเป็นบ้าเหมือนที่เขาเป็น   โจ๊กเกอร์ เสียงหัวเราะเมื่อโลกร่ำไห้ ความสุขใจสลายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้ม   เพียงวันเลวร้ายแค่หนึ่งวัน   ในแอนิเมชันเรื่องนั้น โจ๊กเกอร์พูดเสมอว่าคนเราสามารถกลายเป็นบ้าได้ หากเจอกับวันเลวร้ายจนเกินรับไหวเพียงแค่หนึ่งวัน โจ๊กเกอร์เชื่อว่าแม้แต่มนุษย์ใต้ผ้าคลุมรัตติกาลอย่างแบทแมนก็ไม่อาจต้านทานต่อวันเลวร้าย “แกเคยมีวันเลวร้ายเหมือนกัน แกเคยมีวันเลวร้ายและแกเปลี่ยนไป แต่งตัวเหมือนหนูมีปีกก็ปิดซ่อนมันไม่ได้ แกเคยมีวันเลวร้ายและมันทำให้แกเป็นบ้าไม่ต่างจากคนอื่น ๆ เพียงแต่แกไม่ยอมรับ” เป็นเรื่องจริงที่ทั้งโจ๊กเกอร์และแบทแมนต่างเจอกับวันเลวร้าย เป็นเรื่องจริงที่มันเปลี่ยนเขาทั้งคู่ให้ต่างไปจากที่เคย แต่ไม่จริงเลยที่ฉากสุดท้ายของวันนั้นจะต้องจบลงด้วยความบ้าคลั่ง กฎ “No guns, no killing” ที่แบทแมนสร้างให้ตัวเองได้ตอกย้ำว่าไม่จำเป็นต้องมีการเข่นฆ่าตามมาหลังจากความเสียใจ แต่สายเกินไปสำหรับโจ๊กเกอร์ เพราะวันเลวร้ายได้เปลี่ยนเขาไปจนไม่อาจกลับเป็นคนเดิม   โจ๊กเกอร์ เสียงหัวเราะเมื่อโลกร่ำไห้ ความสุขใจสลายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้ม   อย่าปล่อยให้รอยยิ้มเลือนหาย   “แม่สอนผมเสมอว่าให้ยิ้มและแสดงสีหน้ามีความสุข” คือคำพูดของ “อาร์เธอร์ เฟล็ก” (Arthur Fleck) ที่รับบทโดย วาคีน ฟีนิกซ์ (Joaquin Phoenix) ในตัวอย่าง Joker ภาพยนตร์บินเดี่ยวของตัวร้ายใต้หน้ากากรอยยิ้มที่กำลังจะฉายให้เราได้ชมกันในเดือนตุลาคม ปี 2019 นี้เอง โดยในครั้งนี้หนังจะเข้าฉายภายใต้เรท R “มันต่างออกไป เป็นเส้นเรื่องที่แยกออกมา และเนื้อหาก็ค่อนไปทางน่ากลัว” คือคำพูดของฟีนิกซ์ ต่อการที่หนังภาคแยกเรื่องนี้จะไม่มีส่วนร่วมในจักรวาลหลักของดีซี ที่มีโจ๊กเกอร์อย่าง จาเร็ด เลโต (Jared Leto) รับบทอยู่แล้ว โดยฟีนิกซ์กล่าวสำทับอีกว่า เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้อาจกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เรากลัวมากที่สุดเอาได้ง่าย ๆ “Smile, though your heart is achin'. Smile, even though it's breakin'” เสียงเพลง Smile ของ จิมมี ดูแรนต์ (Jimmy Durante) ที่ดังขึ้นพร้อมกับการเต้นรำในบ้านสีทึมของอาร์เธอร์และผู้เป็นแม่ ได้ทำให้เราหวนคิดถึงความเป็นไปของชายตกอับจาก The Killing Joke อีกครั้ง คงจะไม่ผิดจากความจริงนักหากเราจะบอกว่า อาร์เธอร์ที่กำลังจะกลายเป็นโจ๊กเกอร์ ก็คงมีโชคชะตาแบบเคราะห์ซ้ำกรรมซัดไม่ต่างกัน เวลาสั้น ๆ เพียง 2 นาทีกว่าของตัวอย่างภาพยนตร์ชิ้นนั้น ทำให้เราเห็นทั้งการร่ายรำบนท้องถนน ความสุขใจสลาย และวันเลวร้ายที่เขาต้องข้ามผ่านไปให้ได้ด้วยรอยยิ้มบนหน้า พร้อมทั้งคาดเดาไปว่าจิตใจอันบิดเบี้ยวที่เกิดจากการถูกโยนใส่ความโหดร้ายของบ่อสังคมนั้น จะออกมาในรูปแบบไหน จะเลวร้ายกว่าบ่อสารเคมีที่ตัวตลกอำมหิตอีกคนเคยตกลงไปหรือไม่ หรือสุดท้ายแล้ว โจ๊กเกอร์ที่เราต่างถือกันว่าเป็นอาชญากรผู้สร้างอาชญากรรมให้เกิดขึ้นในโลกนั้น กลับเป็นเพียง “ผลลัพธ์” จากการที่โลกทั้งใบโหมความโหดร้ายเข้าใส่เขาเท่านั้นเอง   ที่มา Batman: The Killing Joke (1988) Batman The Dark Knight (2008) Batman: The Killing Joke (2016) JOKER Official Trailer (2019) digitaltrends theguardian   เรื่อง : จิรภิญญา สมเทพ (The People Junior)