t.A.T.u วงดังเพราะขายภาพเลสเบียน แต่หนึ่งในสมาชิกเกลียดเกย์

t.A.T.u วงดังเพราะขายภาพเลสเบียน แต่หนึ่งในสมาชิกเกลียดเกย์
หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต สังคมรัสเซียมีการเปิดรับไอเดียใหม่ ๆ และเปิดกว้างเรื่องเพศขึ้นมาก หนึ่งในปัจจัยส่งเสริมคือแรงกดดันให้แก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนโดยกลุ่มประเทศตะวันตก มีการยกเลิกเอาผิดกับการร่วมเพศทางทวารหนักที่เกิดขึ้นโดยสมัครใจ ซึ่งหากเป็นกรณีที่เกิดขึ้นก่อนปี 1993 คู่รักชายรักชายคู่นั้นอาจต้องติดคุกสูงสุดถึง 5 ปี   และเมื่อขึ้นศตวรรษใหม่ t.A.T.u วงดูโอ (ที่มีภาพเป็น) เลสเบียนของรัสเซียก็กลายเป็นวงดนตรีที่ฮิตไปทั่วประเทศ ก่อนข้ามฝั่งไปดังในฝั่งตะวันตกและทั่วโลกรวมถึงสหรัฐฯ ก่อนจะเป็นที่รู้กันว่า แท้จริงมันเป็นเพียงแผนมาร์เก็ตติงของโปรดิวเซอร์ที่ขายภาพยั่วยวนของเด็กสาวที่อายุราว 15 ปี (ซึ่งในหลายประเทศยังถือว่าเป็นเยาวชนที่ควรได้รับการปกป้องจากการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ) บวกกับความเป็นเลสเบียนเพื่อสร้างกระแสกระตุ้นยอดขายเท่านั้น t.A.T.u มีสองสมาชิกคือ เลียนา แคทีนา (Lena Katina) และ ยูเลีย โวลโควา (Julia Volkova) ทั้งคู่เป็นชาวมอสโควมาจากครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างดี ทั้งคู่เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติด้วยเพลง All the Thing She Said เพลงป๊อปร็อคที่แปลงเป็นภาษาอังกฤษ กับมิวสิควิดีโอที่ทั้งสองกอดจูบกันกลางสายฝนในชุดนักเรียนกระโปรงสั้นเสื้อสีขาวชุ่มด้วยน้ำ เผยให้เห็นเนื้อหนังของสาวแรกรุ่น และอีกฝั่งของรั้วตาข่ายก็เป็นกลุ่มของผู้ใหญ่ที่จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาที่ไม่ยอมรับ  บวกกับเนื้อหาอย่างท่อนที่กล่าวว่า  "And I'm all mixed up, feeling cornered and rushed. They say it's my fault but I want her so much. Wanna fly her away where the sun and rain come in over my face, wash away all the shame. When they stop and stare don't worry me. Cause I'm feeling for her what she's feeling for me. I can try to pretend, I can try to forget. But it's driving me mad, going out of my head."  (“ฉันสับสนไปหมด รู้สึกจนมุมและบอบช้ำ พวกเขาว่ามันเป็นความผิดของฉัน แต่ว่าฉันต้องการเธอเหลือเกิน อยากจะพาเธอไปที่ที่ดวงอาทิตย์ฉายและสายฝนโปรยปรายลงมาเพื่อชะล้างความน่าอับอายนั้นทิ้งไป เมื่อถูกคนพวกนั้นจ้องมอง ฉันไม่ได้ใส่ใจ เพราะฉันมีความรู้สึกอย่างเดียวกับที่เธอมีให้กับฉัน ฉันจะเสแสร้งและพยายามลืมมันเสียก็ได้ แต่มันกำลังทำให้ฉันเป็นบ้า พลุ่งพล่านอยู่ในหัว”)  เนื้อเพลงที่ว่า สื่อให้เห็นถึงความรักแบบหญิงรักหญิง ชวนให้คิดได้ว่าทั้งคู่เป็น "คู่เลสเบียน"  นอกจากเสียงวิจารณ์กับการแสวงประโยชน์ทางเพศจาก "เด็ก" เนื่องจากตอนที่ทั้งคู่เริ่มเผยแพร่งานต้นฉบับในภาษารัสเซีย พวกเธอมีอายุแค่เพียง 14 ปีเท่านั้น และการขายภาพเลิฟซีนของเด็กมัธยมจนเกินพอดี ทำให้มีการเรียกร้องให้มีการแบนมิวสิควิดีโอของพวกเธอในหลายประเทศแล้ว อีกเรื่องที่ถูกกล่าวถึงมาก ๆ ก็คือ พวกเธอเป็นเลสเบียนจริง ๆ หรือไม่?  รายงานเดือนสิงหาคม 2003 ของ The Advocate สื่อ LGBT ในสหรัฐฯ กล่าวว่า โปรเจกต์ t.A.T.u เริ่มขึ้นในปี 1999 โดยสมาชิกทั้งสองรายถูกคัดมาจากเด็กสาวแคนดิเดตกว่า 500 คนที่มาร่วมออดิชัน (ก่อนหน้านั้นทั้งคู่เป็นสมาชิกวงดนตรีเด็กอารมณ์คล้าย ๆ นกแลของรัสเซีย) โดยมี อิวาน ชาโปวาลอฟ (Ivan Shapovalov) โปรดิวเซอร์อดีตนักจิตวิทยาเป็นโต้โผ  ในปี 2001 จึงได้มีซิงเกิลฮิต Ya Soshla S Uma ออกมาติดชาร์ตเพลงฮิตอันดับ 1 ของรัสเซียเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ ทางโปรดิวเซอร์จึงคิดว่าน่าจะแปลงเพลงนี้ขายในตลาดที่กว้างขึ้น มันจึงกลายมาเป็นเพลง All the Thing She Said ในอัลบั้มภาษาอังกฤษที่ชื่อ 200 km/h in the Wrong Lane วางแผงในปี 2002 ซึ่งสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 5 ล้านชุดทั่วโลก ทาง The Advocate ชี้ว่าความสำเร็จของ t.A.T.u เหมือนถูกคำนวณมาเป็นอย่างดี รวมถึงการขายภาพความเป็นเลสเบียนแบบ "กำกวม" และการตอบคำถามถึงเพศสภาพของทั้งคู่ที่ขัดแย้งกันเอง เมื่อบนเว็บไซต์ของพวกเธอระบุว่า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ "ต่างฝ่ายต่างเป็นอะไรที่มากกว่าแค่คำว่าเพื่อน" แต่ก็มีคนถ่ายรูปทั้งคู่ในไนต์คลับที่มอสโควยืนคลุกคลีอยู่กับผู้ชาย ทำให้พวกเธอยอมรับเป็นครั้งแรกว่าผู้ชายทั้งสองเป็น "แฟน" ของพวกเธอ แต่ตอนหลังก็มาอ้างว่าทั้งคู่เป็นเพียงบอดี้การ์ดเท่านั้น  รายงานยังกล่าวต่อไปว่า "แม้กระทั่งชาโปวาลอฟเองก็ไม่ได้ยืนยันหนักแน่นถึงการแสดงออกถึงเพศวิถีของทั้งคู่ เมื่อถูกถามตรง ๆ จาก Billboard เมื่อปีกลาย เขาตอบว่า 'มันเป็นการขยายขอบเขตของความสัมพันธ์วัยรุ่น เมื่อขอบเขตระหว่างความเป็นเพื่อนและความรักมันพร่าเบลอ ถูกขับด้วยการประท้วงและความขัดแย้งระหว่างคนต่างรุ่น' "ท้ายที่สุด ความจริงของสถานะทางเพศของโวลโควาและแคทีนาก็ยังเป็นรองเรื่องของการแสวงประโยชน์ทางการตลาด ถ้าเราจะเชื่อว่าทั้งคู่เป็นเลสเบียน แล้วทำไมมันถึงต้องทำให้ดูคลุมเครืออย่างนี้ แล้วทำไม Tatu ถึงถูกนำเสนอต่อสาธารณะในภาพของเยาวชน กับงานคุณภาพระดับหนังโป๊โลลิตา (Lolita มาจากชื่อนิยายรัสเซีย สื่อถึงเด็กผู้หญิงที่อายุต่ำกว่าวัยเจริญพันธุ์แต่มีการแสดงออกในลักษณะยั่วยวนทางเพศ) ? พวกเขาพยายามจะขายอะไรกันแน่?" เมื่อให้สัมภาษณ์กับ The Age สื่อออสเตรเลียในปีเดียวกัน (2003) พอถูกถามว่าพวกเธอเป็นเลสเบียนจริงมั้ย? พวกเธอยังยืนยันว่าเธอเป็นเลสเบียน แม้ว่าสื่อแทบลอยด์หลายชิ้นจะยืนยันว่าไม่ใช่ และในรายงานชิ้นเดียวกัน อาร์เทมี ทรอยต์สกี (Artemy Troitsky) นักข่าวสายดนตรีชาวรัสเซียก็บอกว่าการทำตลาดของวงในฝั่งตะวันตกกับในรัสเซียเป็นคนละเรื่อง  "ในรัสเซียเรื่องราวทั้งหลายแหล่เกี่ยวกับเรื่องเลสเบียนของพวกเธอไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเรื่องจริงจังอะไร เมื่อถูกสัมภาษณ์ในรายการทอล์กโชว์ว่า 'พวกคุณเป็นเลสเบียนจริงหรือ?' พวกเธอก็จะบอกว่า 'เปล่า มันเป็นแค่ทริกน่ะ เราต่างก็มีแฟนเป็นผู้ชาย เราเป็นผู้หญิงปกติ เราทำเป็นสร้างภาพเท่านั้น' เช่นเดียวกับประเด็นรักเด็ก ที่นี่ (รัสเซีย) พวกเธอก็เป็นแค่วงป๊อปวัยแรกรุ่นที่มีกิมมิกเก๋ ๆ ก็เท่านั้น" นักข่าวรัสเซียกล่าว ทรอยต์สกียังกล่าวต่อไปว่า "ผมยังอยากเห็นพวกเธอเป็นเลสเบียนจริง ๆ ร้องเพลงออกมาจากประสบการณ์อย่างจริงใจ ไม่ใช่แค่เป็นกระบอกเสียงที่สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกหากินทางการตลาดให้กับอิวาน ชาโปวาลอฟ พวกเธอถูกอิวานเชิดอย่างแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ ผมเคยไปร่วมรายการสัมภาษณ์ของเธอสองสามครั้ง เวลาพวกเธออยู่หลังเวทีก็จะถามอิวานอยู่เสมอเมื่อถูกถามเรื่องอะไรที่เกินไปจากเรื่องพื้นฐาน เขาเป็นคนคอยบอกว่าจะต้องพูดอะไร ต้องทำอย่างไร ก็เหมือน ๆ กับวงบอยแบนด์ เกิร์ลกรุ๊ป นานาชาตินั่นแหละ" ภายหลังเมื่อวงแยกทางกับชาโปวาลอฟ ประกอบกับเรื่องการเป็นเลสเบียนปลอมเริ่มเป็นที่รับรู้อย่างแพร่หลาย กระแสของ t.A.T.u ก็สร่างซาลงไป อัลบั้มหลัง ๆ ของพวกเธอไม่ได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนอัลบั้มแรก และด้วยความขัดแย้งและทิศทางในการทำงานที่ต่างกันของทั้งคู่ สุดท้ายก็วงแตกในปี 2011 แม้จะมีการกลับมารับงานคู่กันบ้างแต่ปกติทั้งคู่ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกัน ด้านชีวิตส่วนตัวทั้งคู่ต่างมีสามีและมีลูกเป็นของตัวเอง (โวลโควาตั้งท้องตั้งแต่ปี 2004)  และเมื่อพวกเธอไม่ต้องรักษาภาพความเป็นเลสเบียนอีกต่อไป ท่าทีของพวกเธอก็ต่างออกไปเป็นคนละทาง ในรายงานเมื่อปี 2017 ของ Daily Beast แคทีนาบอกว่าเธอเห็นใจและสนับสนุนสิทธิของชาว LGBT โดยเฉพาะในรัสเซียที่ชาว LGBT มีชีวิตค่อนข้างลำบากเนื่องจากการกีดกันจากทั้งทางภาครัฐและเอกชน แต่ t.A.T.u. เป็นสิ่งที่ถูกคนอื่นกำหนดสร้างขึ้น และเธอมีบทบาทเป็นเพียงแค่ตัวแสดงเท่านั้น  "ฉันมองว่า มันเป็นบทบาทของฉัน...เหมือนกับหนัง เราแสดงอยู่ในหนัง และนั่นก็คือบทของฉัน ฉันไม่เคยเป็นเลสเบียน ฉันไม่เคยชอบผู้หญิง ฉันไม่เคยมีอะไรอย่างนั้น" แคทีนากล่าว ในขณะที่โวลโควาซึ่งไม่ต้องรักษาภาพเลสเบียนปลอม ๆ อีกต่อไป เมื่อครั้งที่ไปออกรายการ Lie Detector (จับโกหก) รายการทีวีของยูเครนเมื่อปี 2014 เมื่อเธอถูกถามว่าจะทำโทษลูกชายของเธอหรือไม่ หากลูกชายของเธอเป็นเกย์ เธอบอกว่า "ทำ" และบอกว่า "ผู้ชายต้องเป็นผู้ชาย" ท่ามกลางเสียงเชียร์ของคนดู โดยบอกว่า พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาเพื่อ "สืบพันธุ์" และผู้ชาย "ไม่มีสิทธิที่จะเป็นตุ๊ด" (Huffpost)