ฐานธิษณ์ ยืนยงเตชะหิรัณ: เริ่มธุรกิจจากคำถามที่ว่าทำอย่างไรให้ทุกคนสุขภาพดีด้วยการได้รับสิ่งที่ดีที่สุด

ฐานธิษณ์ ยืนยงเตชะหิรัณ: เริ่มธุรกิจจากคำถามที่ว่าทำอย่างไรให้ทุกคนสุขภาพดีด้วยการได้รับสิ่งที่ดีที่สุด
เราทำธุรกิจไปเพื่ออะไร? หลายคนอาจเคยคิดว่าการทำธุรกิจต้องตั้งเป้าหมายไว้ที่การเติบโตอย่างต่อเนื่องหรือผลกำไรมากมายเพียงอย่างเดียว โดยมองข้ามความสำคัญในเรื่องอื่น ๆ ทำให้ภาพลักษณ์ของธุรกิจส่วนใหญ่ถูกมองว่า เป็นธุรกิจที่ไร้ซึ่งหัวใจ แต่ทุกวันนี้ธุรกิจรุ่นใหม่หลายธุรกิจได้ชื่อว่าเป็นธุรกิจที่มีหัวใจ เพราะพวกเขาเปลี่ยนมาเริ่มจากโจทย์ที่จะขอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น ท็อป-ฐานธิษณ์ ยืนยงเตชะหิรัณ นักธุรกิจรุ่นใหม่วัย 33 ปี ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนที่เริ่มทำธุรกิจโดยมีความฝันที่มากกว่าแค่ผลกำไร ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท เทรา ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ จำกัด เขาตั้งใจทำให้แบรนด์ QminC (คิวมินซี) เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพรูปแบบใหม่ QminC เกิดจากความใส่ใจของเขาที่ต้องการเครื่องดื่มที่มีประโยชน์และปลอดภัย เหมือนกับการทำให้คนในครอบครัวดื่ม จึงเริ่มศึกษาและค้นหานวัตกรรมที่จะทำให้ไม่ต้องใส่สารกันบูดและเครื่องดื่มสามารถเก็บไว้ได้นาน ชื่อแบรนด์ QminC มีความหมายลึกซึ้งในทุกตัวอักษร สะท้อนถึงความรักและใส่ใจในทุกขั้นตอนเพื่อผู้บริโภค Q – Quality เครื่องดื่มที่ได้คุณภาพ M – Mind ความใส่ใจผู้บริโภค I – Innovation นวัตกรรมและการคิดค้นที่ล้ำสมัย N – Natural วัตถุดิบที่ได้จากธรรมชาติ C - Caring for Consumer ความห่วงใยในสุขภาพของผู้บริโภค สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือวิธีการทำธุรกิจที่เอา แพชชันเป็นสารตั้งต้นแล้วทุ่มเทเพื่อให้ธุรกิจ สิ่งแวดล้อม และผู้คนที่เกี่ยวข้องทุกคนได้สิ่งที่ดีสุดไปด้วยกันนั่นเลยเป็นเหตุผลทำให้เราได้มาพูดคุยกับชายที่อยู่ตรงหน้าในวันนี้ The People: ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงมาสนใจเครื่องดื่มสุขภาพที่สกัดจากสมุนไพร ฐานธิษณ์: ผมเป็นคนชอบเดินทางท่องเที่ยว ได้เดินทางไปหลาย ๆ ที่ทั่วโลก ได้ลองกินลองดื่มอะไรที่แปลกใหม่อยู่ตลอด แล้วไปเจอเครื่องดื่มที่ทำจากขมิ้นชันซึ่งที่ต่างประเทศเขานิยมกันมาก เลยไปหาข้อมูลพบว่าต่างประเทศเขาใช้ขมิ้นชันช่วยในเรื่องเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย โดยผลการวิจัยที่น่าเชื่อถือจากหลายประเทศ ต่างก็ระบุว่าสารเคอร์คิวมินในขมิ้นชันมีส่วนช่วยดูแลตับ ขับสารพิษ แก้แฮงค์ เป็นอะไรที่มีประโยชน์มาก ในต่างประเทศเราจะเห็นเครื่องดื่มจากขมิ้นชันมีขายอยู่แทบทุกที่ตั้งแต่มินิมาร์ท ซุปเปอร์มาเก็ต ร้านกาแฟ ไปจนถึงร้านหนังสือ แต่พอกลับมาบ้านเรา เมื่อนึกถึงขมิ้นชันคนส่วนใหญ่ก็จะมองว่าเป็นสมุนไพรที่อยู่ในห้องครัว เอาไว้ทำอาหาร ซึ่งความจริงแล้วเป็น super food ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมายและสามารถนำมาทำอะไรได้หลากหลาย ผมเลยคิดว่า เราก็ต้องเอาขมิ้นชันมาทำให้คนไทยรู้จักมากกว่าแค่อาหารให้ได้ วันแรกที่ตัดสินใจทำเครื่องดื่มผมมีความเชื่อว่าพวกเราทุกคนต้องเลือกสิ่งที่ดีสุดให้กับตัวเองไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่มอาหารในเงื่อนไขที่เราเข้าถึงได้ และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองและคนในครอบครัว ทำให้ผมเลือกทำน้ำขมิ้นชันเพราะเราเชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มสุขภาพที่ดีที่สุดที่ทุกคนเข้าถึงได้ โดยเราตั้งใจอยากจะนำเสนอและทำสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุด (ยิ้ม)   ฐานธิษณ์ ยืนยงเตชะหิรัณ: เริ่มธุรกิจจากคำถามที่ว่าทำอย่างไรให้ทุกคนสุขภาพดีด้วยการได้รับสิ่งที่ดีที่สุด The People: ทำอย่างไรให้สิ่งที่ทำดีที่สุด ฐานธิษณ์: ผมเริ่มต้นใหม่หมดตั้งแต่ business model ใหม่ หาวัตถุดิบที่ดีที่สุด จากแหล่งผลิตต่าง ๆ ฟอร์มทีมหาผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้าน ไม่ว่าจะเป็น R&D การกระจายสินค้า หาพาร์ทเนอร์เข้ามาช่วยตั้งทีมเป็น co-founder โดยพวกเรามีความเชื่อแบบเดียวกันคือ อะไรไม่ดีเราไม่ทำเราอยากทำสิ่งที่เป็นของที่ดีที่สุด หรือปลอดภัยที่สุด ซึ่งพวกเขากับผมมองเหมือนกัน เรานำนวัตกรรม nano liposome ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสกัดแบบธรรมชาติภายใต้เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศญี่ปุ่น แทนที่จะสกัดขมิ้นชันที่เราจะเห็นเป็นราก ไปเป็นผงหรือแคปซูล สารสกัดที่ได้เลยมีอนุภาคเล็กระดับ nano มีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งจะทำหน้าที่เหมือนยานพาหนะขนาดเล็กระดับนาโนในการขนส่งสารอาหารไปทั่วร่างกาย จึงช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างรวดเร็ว แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย และมี liposome เคลือบที่ช่วยในเรื่องของกลิ่น ทำให้ไม่มีกลิ่นฉุนของขมิ้นชันมารบกวน นอกจากนี้เรายังทำโรงงานผลิตใหม่ที่ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัยในทุกขั้นตอนการผลิต จนเราไม่ต้องพึ่งวัตถุกันเสียในเครื่องดื่มของเราแล้วยังคงเก็บรักษาได้นานกว่า 12 เดือน ถ้าเป็นต่างประเทศเครื่องดื่มที่อยู่ในขวดแก้ว ไม่มีใครใส่วัตถุกันเสียเลย ฉะนั้น เราก็ตั้งเป้า benchmark แบบเมืองนอก ทำให้เป็นมาตรฐาน เราต้องคิดว่าถ้าเราบริโภคเอง เราก็อยากให้ลูกค้าบริโภคในสิ่งที่ดีที่สุดจริง ซึ่งนอกจากผลิตภัณฑ์แรก ‘คิวมินซี เคอร์คิวมิน’ ที่เด่นในเรื่องการช่วยดูแลภูมิคุ้มกันในร่างกาย จากสารสกัดเคอร์คิวมิน แอล-กลูตาไธโอน วิตามิน B6 B12 และวิตามิน C สูงแล้ว เรายังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘คิวมินซีน้ำผึ้งมานูก้าผสมคอลลาเจน’ ที่เป็นน้ำผึ้งมานูก้าผสมคอลลาเจนไตรเปปไทด์จากปลาที่ดูดซึมได้ดีกว่า และส่วนผสมอื่น ๆ ทั้งแอล-กลูตาไธโอน วิตามิน A E C B3 และ Zinc ที่เราเลือกมาแล้วว่าช่วยปกป้องและฟื้นฟูผิวได้ครบที่สุด แต่ละผลิตภัณฑ์เราผ่านกระบวนการคิด วิจัยและพัฒนามาประมาณ 2 ปี เราตั้งเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ไปที่คนรุ่นใหม่อายุ 25-45 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่รักสุขภาพ ดังนั้นการสร้าง first impression จากการดื่มครั้งแรกให้เขารู้สึกว่ามีรสชาติที่ดีจึงสำคัญมาก   ความท้าทายจริง ๆ เป็นการทำให้คนรู้จักขมิ้นชันมากกว่าแค่สมุนไพร เพราะการเอาขมิ้นชันมาทำเป็นเครื่องดื่มไม่ใช่เรื่องง่าย เราเลยต้องเอานวัตกรรมมาช่วยให้ได้เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจากขมิ้นชันสกัดเข้มข้นที่ได้ทั้งประโยชน์และมีรสชาติที่ถูกใจทุกคน ผมให้ชิม 10 คน ทั้ง 10 คนก็บอกว่ารสชาติดีทั้งหมดเลย ฐานธิษณ์ ยืนยงเตชะหิรัณ: เริ่มธุรกิจจากคำถามที่ว่าทำอย่างไรให้ทุกคนสุขภาพดีด้วยการได้รับสิ่งที่ดีที่สุด The People: ทำไมนักธุรกิจหน้าใหม่ถึงกล้าทำธุรกิจที่เป็น Red Ocean ฐานธิษณ์: ตอนแรกที่มีจุดเริ่มต้นจากขมิ้นชันจะเรียกว่าเราเป็น startup ก็ได้ ตอนนั้นเรามีผู้ก่อตั้ง 3 คน ยังไม่มีโรงงานเลย แค่อยากให้คนไทยได้ดื่มเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพเท่านั้นเอง ความกล้ามาจากการที่เราค่อนข้างมั่นใจ ตอนได้ลองชิมรสชาติของผลิตภัณฑ์ต้นแบบ แล้วเห็นคะแนนจาก consumers survey ว่าเราได้คะแนนมากที่สุดในหมวดเครื่องดื่ม ทำให้เราตัดสินใจว่าต้องลงทุนทำจริง แล้วยังต้องไปให้สุดอย่างที่ตั้งใจว่าจะไม่ใส่สารกันบูด ซึ่งถ้าเป็น OEM ก็ไม่มีที่ไหนรับทำ เราเลยทำโรงงานขึ้นมาเอง เพราะโรงงานที่ผลิตต้องสะอาดปลอดเชื้อจนไม่ต้องใส่สารกันบูดเพิ่ม ประกอบกับกระบวนการผลิตที่เราอยากได้ยังไม่มีโรงงานในประเทศไทยที่สามารถทำได้ เราเลยตัดสินใจลงทุนทำโรงงานใหม่ สั่งเครื่องจักรกันเอง เป็นโรงงานที่สะอาด ในระดับ super clean system ทุกกระบวนการผลิตและควบคุมมาตรฐานในทุกขั้นตอน จริง ๆ red ocean มีโอกาสอยู่เยอะมาก ๆ เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่ และเดี๋ยวนี้ผู้บริโภคมีความเฉพาะมากขึ้น คำว่า functional drink ที่เป็น red ocean ทั่วไป อาจจะไม่เพียงพอแล้ววันนี้อาจจะต้องขยับมาเป็น natural functional drink เพิ่มขึ้นมา ก็คือพวกสมุนไพร ตรงนี้แหละที่สำคัญ และผมมองว่า ผู้บริโภคยังมีความต้องการอีกหลายอย่างที่ยังไม่มีสินค้าที่ตอบโจทย์ ซึ่งผมเชื่อว่าในอนาคตเราจะมีสินค้าอีกหลายตัวที่มาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคตรงนี้ เราเชื่อว่าถ้าผลิตภัณฑ์ดีแล้วช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับผู้บริโภคได้จะยิ่งเป็นเรื่องดี เรามีเคสของอาจารย์คนหนึ่งที่ไม่ได้สูบบุหรี่แต่มีค่านิโคตินในเลือดสูงพอได้ดื่มผลิตภัณฑ์ของเราสักพักค่านิโคตินก็ลดลง เขาเลยลองให้นักศึกษาทำโครงงานวิจัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเรา และมีอีกหลายเคสที่เป็นเสียงสะท้อนจากผู้บริโภคว่าช่วยในเรื่องเสริมภูมิคุ้มกัน ทำให้ไม่ป่วยง่าย ซึ่งสิ่งที่ช่วยเรื่องการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันไม่ใช่แค่เพราะมีวิตามินซีในผลิตภัณฑ์อย่างเดียว แต่มาจากสารสกัด ‘เคอร์คิวมิน’ ในขมิ้นชันด้วย ซึ่งผมเป็นคนที่ใช้สื่อโซเชียลบ่อย เลยได้เห็นฟีดแบคด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่ 90 เปอร์เซ็นต์จะเป็นบวก ส่วนที่ติก็จะเป็นเรื่องการจัดจำหน่ายที่ยังไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร ซึ่งต่อไปเราจะกระจายสินค้าให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้เราเชื่อใน strategy เรื่องการบอกต่อของผู้บริโภค ผมว่าการบอกต่อเป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้าสินค้าดีจริง ผู้บริโภคจะบอกต่อกันเอง แต่ถ้าสินค้าไม่ดี เขาก็ซื้อแค่ครั้งเดียว เราพบว่า QminC จากวันแรกจนมาถึงวันนี้ ถูกบอกต่อไปเยอะมาก เวลาเราทำสื่อโซเชียลมีเดียจะเห็นเลยว่ามีคนพูดถึงเครื่องดื่มเรา ส่วนใหญ่เป็นบวกทั้งนั้น ฐานธิษณ์ ยืนยงเตชะหิรัณ: เริ่มธุรกิจจากคำถามที่ว่าทำอย่างไรให้ทุกคนสุขภาพดีด้วยการได้รับสิ่งที่ดีที่สุด The People: ยังทำให้ดียิ่งขึ้นได้อีกไหม ฐานธิษณ์: แน่นอนผมเชื่อว่าต้องดีขึ้นได้อีก ผมเป็นคนที่ชอบท้าทายตัวเอง เราคิดว่า การที่เราทำสิ่งที่ดีแล้วรักษาคุณภาพให้ทุกขวดที่ออกจากโรงงานได้มาตรฐานเหมือนวันแรกที่เริ่มผลิตอันนี้คือมาตรฐานในแบบของเรา อย่างที่บอกว่าพอผม break through ออกมาจาก comfort zone ก็ต้องเจอสารพัดปัญหา มีท้อบ้างแต่ยังสู้ต่อไป เพราะคิดว่าเราเริ่มต้นแล้วเราต้องทำต่อไปให้ดีที่สุดให้ได้ ทุกวันไม่ง่ายเลย เพราะสิ่งที่เราทำเป็นเรื่องใหม่หมด เลยมีอะไรให้ตัดสินใจตลอดเวลา เชื่อไหมว่าผมไม่เคยตัดสินใจถูกสักอย่าง ทางเลือกหนึ่งกับสอง ผมจะเลือกผิดเสมอ แต่นั่นคือการเรียนรู้ พอเราได้เรียนรู้ก็จะไม่ทำผิดพลาดครั้งที่สอง ทำให้เราเก่งขึ้นรู้มากขึ้น ตั้งแต่วันแรกถ้าเราเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์เรา สุดท้ายผู้บริโภคเขาจะรับรู้ได้เองจากการที่เขาเปิดขวดแล้วได้ลองดื่ม ทำให้ตอนนี้เรามีอัตราลูกค้าที่ซื้อซ้ำเยอะมาก มีลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาประจำ ช่วยยืนยันว่าสินค้าเราสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้จริง ๆ ฐานธิษณ์ ยืนยงเตชะหิรัณ: เริ่มธุรกิจจากคำถามที่ว่าทำอย่างไรให้ทุกคนสุขภาพดีด้วยการได้รับสิ่งที่ดีที่สุด นอกจากเราตั้งใจทำผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยดูแลสุขภาพที่ดีให้กับผู้บริโภคแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับสุขภาพของสังคม และสิ่งแวดล้อม ทั้งการสนับสนุนกีฬา ไปจนถึงการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับโลก เพราะเราเชื่อว่านอกจากสินค้าดีแล้ว ยังต้องมีอิมแพคต่อผู้บริโภค และสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมด้วย ตอนนี้เราสนับสนุนวอลเลย์บอลทีมนครราชสีมา คิวมินซี วีซี ที่ล่าสุดการแข่งขันแบบสโมสรของเอเชีย ทีมหญิงได้รองแชมป์ ส่วนทีมชายได้อันดับ 4 จริง ๆ ครอบครัวของผมให้การสนับสนุนทีมวอลเลย์บอลนี้ มาราว 15 ปีแล้วครับ มาตอนนี้แบรนด์คิวมินซีของเรา จึงเข้ามาสานต่อ ผมมองว่าเป็นเรื่องดีที่เราได้เปลี่ยนอนาคตของเด็กที่บางทีเขาไม่ได้มีโอกาส ได้มามีอาชีพตรงนี้ เขาอาจจะไม่ได้เรียนเก่ง แต่เขาเด่นเรื่องกีฬา เราภูมิใจที่ธุรกิจของเรามีส่วนช่วยผลักดันให้เขามีอาชีพที่มีรายได้มั่นคงได้ ฐานธิษณ์ ยืนยงเตชะหิรัณ: เริ่มธุรกิจจากคำถามที่ว่าทำอย่างไรให้ทุกคนสุขภาพดีด้วยการได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ส่วนทางด้านสิ่งแวดล้อม เราก็มีส่วนด้วยการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะบรรจุภัณฑ์ทั้งขวดของเราสามารถนำมารีไซเคิลได้ทั้งหมดทุกส่วน ฐานธิษณ์ ยืนยงเตชะหิรัณ: เริ่มธุรกิจจากคำถามที่ว่าทำอย่างไรให้ทุกคนสุขภาพดีด้วยการได้รับสิ่งที่ดีที่สุด The People: ความท้าทายต่อไป ฐานธิษณ์: เราออกผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการมาแล้วหนึ่งปีกว่า เจอโควิดมาหนัก ๆ สองครั้ง แต่ต้องบอกว่ายอดขายเราดีกว่าที่คาดการณ์เอาไว้มาก ผมอาจเริ่มทำธุรกิจในจังหวะที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ในช่วงที่เจอโควิดพอดีกำลังการซื้อหายไป แต่ตอนนี้เราเห็นแล้วว่าแม้อยู่ในช่วงที่ไม่ค่อยดี เรายังทำได้ขนาดนี้เลย ถ้าประเทศเปิดแล้วกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น เราเชื่อว่าจะมีโอกาสเติบโตได้อีกเยอะ ทุกวันนี้ ผมว่า natural functional drink ที่มีส่วนประกอบจากสมุนไพรธรรมชาติมีโอกาสเติบโต ในตลาดยังมีความต้องการอีกหลายอย่าง ซึ่งเป็นโอกาสของเรา ในการขยายไลน์ natural functional drink เพิ่มเติมเช่นกัน ฐานธิษณ์ ยืนยงเตชะหิรัณ: เริ่มธุรกิจจากคำถามที่ว่าทำอย่างไรให้ทุกคนสุขภาพดีด้วยการได้รับสิ่งที่ดีที่สุด The People: สิ่งที่ทำจะเปลี่ยนแปลงสังคมยังไง ฐานธิษณ์: เราตั้งโจทย์ว่าอยากให้คนได้รับสิ่งที่ดีที่สุด เวลาเราซื้อของยังต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เราอยากทำให้ผู้บริโภคได้รับเครื่องดื่มที่ดีที่สุด ที่ได้มาตรฐานเทียบเท่ากับที่คนไต้หวัน คนอเมริกัน และคนญี่ปุ่นดื่ม สิ่งที่ยืนยันคุณภาพของเราว่าดีเทียบเท่ากับต่างประเทศ คือทุกวันนี้เรามีส่งออกไป อเมริกา จีน ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า แม้กระทั่ง ตอนนี้ยังมีออร์เดอร์มาจากแอฟริกาเลย อย่างที่ไต้หวันเราส่งตัวอย่างไปตั้งแต่ก่อนโควิดแล้ว แล้วก็มียอดสั่งซื้อใน first shipment ประมาณห้าตู้คอนเทนเนอร์หรือประมาณกว่าสามแสนขวด นอกจากนี้สินค้าเรา ‘คิวมินซี เคอร์คิวมิน’ ก็ไปชนะเลิศรางวัล Technology Innovation ที่ Zenith InnoBev Awards 2021 ประเทศอังกฤษ ซึ่งรางวัลนี้เปรียบเสมือนรางวัลออสการ์ของวงการอาหาร และยิ่งเป็นเครื่องการันตีว่าสินค้าเราดีจริง จนทำให้ต่างชาติยอมรับ ถ้าให้วิเคราะห์ผมคิดว่าตัวหนึ่งที่เขามองเลย คือ วัตถุดิบที่เป็นขมิ้นชัน ซึ่งเป็นสมุนไพรที่ทั่วโลกให้การยอมรับ แล้วก็เรื่องวัตถุกันเสียที่ต่างชาติค่อนข้างให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอเมริกาและไต้หวัน และเรื่องที่มาแรงตอนนี้คือ zero calories ผู้บริโภคเริ่มนิยมผลิตภัณฑ์ที่เป็น low sugar มากขึ้นจากเดิม ผมคิดว่าการที่เราเอามาตรฐานระดับโลกทั้งเทคโนโลยี นวัตกรรม และกระบวนการผลิต ไปจนถึงวัตถุดิบที่มีคุณภาพได้รับการยอมรับจากทั่วโลกมาใช้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยการทำให้ผู้ผลิต และผู้บริโภค หันมาใส่ใจให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้กันมากขึ้น ฐานธิษณ์ ยืนยงเตชะหิรัณ: เริ่มธุรกิจจากคำถามที่ว่าทำอย่างไรให้ทุกคนสุขภาพดีด้วยการได้รับสิ่งที่ดีที่สุด The People: ตอนนี้สิ่งที่ทำคือเหตุผลที่ทำให้อยากตื่นมาทุกวัน ฐานธิษณ์: ทุกวันนี้แม้กระทั่งก่อนนอน ผมยังต้องคิดถึง QminC เลย ก่อนหลับก็คิด ตื่นเช้ามาก็คิด จนแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแล้ว เพราะเราอยู่กับเขามาตั้งแต่ต้น ถ้าเป็นเด็กน้อยก็เหมือนเราทำให้เขาเกิดมา แล้วเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่วันแรกจนมาถึงวันนี้ วันนี้เขาอาจจะขายังไม่ค่อยแข็งแรง เดินไม่เก่งล้มลุกคลุกคลานอยู่บ้าง แต่เดี๋ยวปีหน้าหรืออีกสองปี ถ้าเดินได้คล่องก็อาจจะวิ่งได้เร็วขึ้นก็ได้ ซึ่งเราเชื่อว่าธุรกิจที่นำเสนอสิ่งที่ดีมีคุณภาพที่สุด ตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงวิธีการผลิต ที่สุดแล้วก็จะสามารถเติบโตไปพร้อมกับทำให้ทุกคนสุขภาพดีไปด้วยได้ ผมเองตอนนี้ดื่มวันละขวด ส่วนตัวผมชอบน้ำผึ้งมานูก้าผสมคอลลาเจน เพราะอย่างที่บอกว่าวัตถุดิบเราเลือกเองทุกอย่าง แม้กระทั่งตัวคอลลาเจนที่นำเข้ามา เป็น คอลลาเจนไตรเปปไทด์จากปลาที่ดูดซึมได้ดีกว่า แล้วก็น้ำผึ้งมานูก้าจากนิวซีแลนด์ ที่เป็นน้ำผึ้งที่ดีที่สุดในโลก เราเลยรู้ว่าเครื่องดื่มนี้ใช้ของคุณภาพขนาดไหน ทุกเช้าตอนจะดื่มกาแฟก็เอามาผสมกับกาแฟ อันนี้ไม่ได้โฆษณา แต่เป็นคนดื่มเองจริง ๆ เพราะทุกคนก็อยากดูแลตัวเองให้ดีที่สุด แล้วทำไมเราถึงจะไม่ดื่มเองล่ะ (ยิ้ม)