Ralph Breaks the Internet: เมื่ออินเทอร์เน็ตทำให้ เวเนโลปี ไม่ใช่เด็กสาวแคนดี้น่ารักอีกต่อไป

Ralph Breaks the Internet: เมื่ออินเทอร์เน็ตทำให้ เวเนโลปี ไม่ใช่เด็กสาวแคนดี้น่ารักอีกต่อไป

เมื่ออินเทอร์เน็ตทำให้ เวเนโลปี ไม่ใช่เด็กสาวแคนดี้น่ารักอีกต่อไป

***เปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์*** ย้อนกลับไปในปี 2012 ดิสนีย์พาเราเข้าไปผจญภัยในโลกของตู้เกม Arcade ทำให้เราได้รู้จัก ราล์ฟ ตัวละครจากเกม Fix-it Felix Jr. ที่เบื่อหน่ายกับบทบาทวายร้ายทุบตึก และปรารถนาเป็นฮีโร่กับเขาบ้าง ราล์ฟตัดสินใจเข้าไปป่วนเกมอื่นจนเกิดไวรัสที่ทำให้พวกเขาเกือบหายไปตลอดกาล ระหว่างนั้นเขาก็ได้พบกับ เวเนโลปี เด็กสาวติดบักในเกมแข่งรถเคลือบขนมหวาน Sugar Rush ทั้งสองจึงร่วมมือกันปกป้องโลกวิดีโอเกมได้สำเร็จ เกิดเป็นความสัมพันธ์แบบ “เพื่อน” ที่มีให้ต่อกัน ในภาคแรกเรื่องราวเน้นหนักไปที่ราลฟ์ที่ถูกผลักไสจากตัวละครอื่นๆ เพราะเป็นวายร้าย เช่นเดียวกับเวเนโลปีที่มีชะตากรรมไม่ต่างกันนักเพราะเป็นความผิดพลาดของโปรแกรม ทั้งสองเป็นตัวละครที่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่หนังกลับทำให้เราหลงรักข้อบกพร่องนั้น เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็ยอมรับในตัวตนที่แท้จริงว่า แม้ตัวเองจะผิดแปลกแตกต่างกับสังคมประการใด แต่จงภาคภูมิใจในตัวตนเข้าไว้ก็พอแล้ว Ralph Breaks the Internet: เมื่ออินเทอร์เน็ตทำให้ เวเนโลปี ไม่ใช่เด็กสาวแคนดี้น่ารักอีกต่อไป เรื่องราวใน Ralph Breaks the Internet สานต่อจากเดิมโดยกินระยะเวลาห่างจากภาคที่แล้วนานถึง 6 ปี ราล์ฟและเวเนโลปียังคงทำหน้าที่เดิมซ้ำไปซ้ำมา คราวนี้เหตุเกิดจากความเบื่อหน่ายของเวเนโลปีกันบ้าง เมื่อเธอเริ่มเหนื่อยกับความซ้ำซากจำเจในเส้นทางการแข่งขัน ราล์ฟจึงเข้าไปช่วยขุดเส้นทางใหม่ ถึงแม้ผลการแข่งขันจะพ่ายแพ้ แต่ก็ถูกอกถูกใจเวเนโลปีเป็นอย่างมากที่ได้ “เปลี่ยน” เส้นทาง จากความซ้ำซากจำเจตลอดหลายปี น่าเสียดายที่การกระทำครั้งนี้กลับทำให้พวงมาลัยตู้เกมในโลกแห่งความจริงหัก เจ้าของร้านจึงตัดสินใจปิดตู้เกม Sugar Rush ตลอดกาล หนทางเดียวที่จะกอบกู้ Sugar Rush กลับมาได้ก็คือการซื้อพวงมาลัยใหม่ใน eBay ประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่เจ้าของร้านนำเครื่องเราเตอร์ไวไฟมาต่อ ราล์ฟและเวเนโลปีจึงตัดสินใจออกผจญภัยในโลกไร้พรมแดนอย่าง “อินเทอร์เน็ต” ชัดเจนมากตั้งแต่ภาคแรกแล้วว่า หนังตั้งค่าตัวละครราล์ฟเป็นผู้ใหญ่โลกเก่า (เกม 8 บิต) และเวเนโลปีเป็นเด็กโลกใหม่ (เกม 3 มิติ) ในภาคนี้เราจะเห็นคาแรคเตอร์ชัดขึ้นอีกจากปฏิกิริยาเมื่อทั้งสองเดินทางเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ต ราล์ฟมีท่าทีกล้าๆ กลัวๆ และดูสนใจเหล่าโฆษณาป็อปอัพที่เข้ามาแทรกอยู่เสมอ ต่างจากเพเนโลปีที่รู้สึกตื่นตาตื่นใจ และอยากสำรวจทุกมุมของโลกไร้พรมแดนแห่งนี้ ซึ่งไม่ต่างพฤติกรรมมนุษย์แต่ละวัยที่เริ่มต้นใช้งานอินเทอร์เน็ตนั่นเอง เมื่อผู้ใหญ่บางกลุ่มมองมันด้วยสายตาหวาดหวั่น ต่างจากวัยรุ่นที่มองเป็นพื้นที่ธรรมดาๆ ที่ไม่มีอะไรน่ากังวล อย่างไรก็ดี พอพวกเขาจะหาพวงมาลัยที่ต้องการได้เจอ แต่ก็ต้องพบกับอุปสรรคเรื่องเงินที่ต้องจ่าย ทั้งสองตัดสินใจรับงานออนไลน์โดยการขโมยรถแข่งสุดหรูของ แชงก์ สาวเท่ใน Slaughter Race เกมแข่งรถออนไลน์สำหรับเกมเมอร์สายโหด Ralph Breaks the Internet: เมื่ออินเทอร์เน็ตทำให้ เวเนโลปี ไม่ใช่เด็กสาวแคนดี้น่ารักอีกต่อไป ทันทีที่เดินทางเข้าสู่โลก Slaughter Race เวเนโลปีติดใจและหลงระเริงไปกับเส้นทางการแข่งขันอันป่าเถื่อน ซึ่งแตกต่างจากถนนโรยเกล็ดน้ำตาลที่ตนเองจากมา ฝีมือการขับรถจาก Sugar Rush ถูกทดสอบในสนามการแข่งรถแบบสตรีทดิบเถื่อนที่แชงก์เป็นแกนนำ และดูเหมือนแชงค์เองก็ประทับใจจึงให้คำแนะนำเวเนโลปีแบบพี่สาวใจดี เห็นได้จากฉากบทสนทนาระหว่างเวเนโลปีกับแชงก์ที่เธอสารภาพว่าไม่อยากกลับไปโลกเดิมอีกแล้ว เพราะในโลก Slaughter Race เธอรู้สึกถึงความเป็น “บ้าน” มากกว่าพื้นที่เดิม ผิดกลับราล์ฟรักในชีวิตเดิมที่เขาคุ้นเคย แต่เวเนโลปีเธออยากจะสยายปีกออกจากอกราล์ฟเสียที นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างราลฟ์และเวเนโลปีระลอกสอง ที่ทำเอาระบบอินเทอร์เน็ตเกือบล่มสลาย จะว่าไปความสัมพันธ์แบบเพื่อนในเรื่อง กลับคล้ายคลึงความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่กับเด็กในโลกความเป็นจริง ทำให้ผู้เขียนย้อนนึกถึงแนวคิดหนึ่งในหนังสือ It’s Complicated: The Social Lives of Networked Teens ฉบับแปลไทยชื่อ ‘เข้าใจโลกใหม่ของวัยรุ่นยุควุ่นเน็ต’” ของนักวิจัยหลักประจำสำนักวิจัยไมโครซอฟต์ ดานาห์ บอยด์ ที่บอกว่า ผู้ใหญ่มักกังวลเรื่องการใช้งานอินเทอร์เน็ตของเด็ก เพราะโลกอินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่สาธารณะที่วัยรุ่นสามารถปฏิสัมพันธ์กันได้เองโดยปราศจากการควบคุม ทำให้ผู้ใหญ่รู้สึกถูกท้าทายทางอำนาจ และไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเด็กกำลังทำอะไรอยู่ ไม่ต่างจากราล์ฟที่รู้สึก “หวง” และ “ห่วง” เวเนโลปีเมื่อต้องห่างกันในโลกอินเทอร์เน็ต และแล้วโลกอินเทอร์เน็ตก็ได้ “เปลี่ยน” เวเนโลปีจากเด็กสาวรถแข่งขนมหวานกลายเป็นสาวรถแข่งมหาประลัย ภายใต้ความสนุกของ Ralph Breaks the Internet สิ่งที่เคลือบอยู่อย่างมีนัยยะสำคัญคือการแสดงภาพการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมมนุษย์เมื่อเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งไม่เพียงเฉพาะวัยรุ่น แต่รวมถึงผู้ใหญ่ราล์ฟที่ตกหลุมพลางบางอย่างของอินเทอร์เน็ตเช่นกัน Ralph Breaks the Internet จึงให้แง่คิดเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต และช่วยขยายภาพการปฏิสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างวัยภายใต้โลกอินเทอร์เน็ตมิให้ขาดสะบั้นลง Ralph Breaks the Internet: เมื่ออินเทอร์เน็ตทำให้ เวเนโลปี ไม่ใช่เด็กสาวแคนดี้น่ารักอีกต่อไป