15 ต.ค. 2565 | 18:00 น.
/ บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์ Halloween Ends (2022) /
“ปีศาจไม่มีวันตาย รูปร่างของมันแค่แปรเปลี่ยนไป…”
เส้นทางการไล่ล่าของเหยื่ออย่างหญิงสาวพี่เลี้ยงเด็กและผู้ล่าสวมหน้ากากขาว ที่อีกคนหนึ่งวิ่งหลบซ่อน อีกคนหนึ่งเดินถือมีด แต่ก็ยังไล่กันไม่จบไม่สิ้นกันมากว่า 45 ปี ณ วันนี้ ก็ได้พบกับบทสรุปที่จะทำให้เรื่องราวของ ‘ไมเคิล ไมเยอร์ส’ (Michael Myers) อสูรกายเดินดินที่ฆ่ายังไงก็ไม่ยอมตาย และ ‘ลอรี่ สโตรด’ (Laurie Strode) จบบริบูรณ์ (แบบไม่ต้องมีเซอร์ไพร์สกันอีกว่าฉันยังไม่ตาย) ในภาพยนตร์ลำดับที่สามของไตรภาคที่กำกับโดย ‘เดวิด กอร์ดอน กรีน’ (David Gordon Green) อย่าง Halloween Ends (2022)
โดยการจบบริบูรณ์ในครั้งนี้ก็เป็นการจบของไทม์ไลน์แบบล่าสุด (Halloween ถูกสร้างมามากมายหลายภาค มีไทม์ไลน์ทั้งหมด 4 เส้น: Halloween (1978) - Halloween: The Curse of Michael Myers (1995); Halloween (1978) - Halloween Resurrection (2002); Halloween ฉบับรีบูทโดย ‘ร็อบ ซอมบี้’ (Rob Zombie); และ Halloween (1978) - Halloween Ends (2022)) นั่นก็คือเป็นการจบของไตรภาคที่ดำเนินเรื่อง 40 ปีให้หลัง นับจากเหตุการณ์ในภาคต้นฉบับ Halloween (1978) ซึ่งเป็นภาคต้นฉบับที่สรรสร้างโดย ‘จอห์น คาร์เพนเตอร์’ (John Carpenter)
ใครที่เป็นแฟนตัวยงของแฟรนไชส์ Halloween และไมเคิล ไมเยอร์ส คงจะมีความรู้สึกหลากหลายที่ปะปนกันไปหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จบลง ผู้เขียนเองก็ติดตามภาพยนตร์ชุดนี้มาทุกภาค มีทั้งความรู้สึกที่หวนคิดถึงและพอใจกับรายละเอียดที่ผู้สร้างใส่มา แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดหวังและไม่พอใจกับช่องโหว่หลากประการที่มีอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้
แม้ว่าตลอดเรื่อง เส้นทาง Halloween Ends จะเต็มไปด้วยข้อบกพร่องและความขรุขระ แต่เมื่อทุกอย่างดำเนินไปถึงจุดจบ ผู้สร้างก็สามารถหยิบเพลงที่ถูกต้องเหมาะสมกับการส่งท้ายเรื่องราวของปีศาจแห่งวันฮาโลวีนและการเอาตัวรอดของลอรี่ได้อย่างสมบูรณ์ และถือเป็นการส่งท้ายเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างมีความหมายและสมคุณค่า บทเพลงนั้นก็คือ ‘(Don’t Fear) The Reaper’ โดยวงดนตรีร็อคแห่งทศวรรษที่ 1970s ‘Blue Öyster Cult’
แล้วบทเพลงนี้มีความเชื่อมโยงต่อเรื่องราวของ Halloween อย่างไร?
ตลอดเส้นทางชีวิตของลอรี่ สโตรด ที่นำแสดงโดย ‘เจมี ลี เคอร์ติส’ (Jamie Lee Curtis) ไม่เพียงแต่เธอต้องเอาชีวิตรอดในคืนฮาโลวีนจากการที่พี่ชายสวมหน้ากากขาวถือมีดเดินไล่ฟันเธอ แต่เธอยังต้องทนอยู่กับความทรมานที่เกิดจากบาดแผลฝังใจในการที่ต้องตระหนักรู้อยู่เสมอว่า ไมเคิล ไมเยอร์ส ‘ยังมีชีวิตอยู่’
ข้อมูลนั้นเปรียบเสมือนดั่งแผลใจที่คอยกัดกินและบั่นทอนเธอเรื่อยมา และความกลัวเหล่านั้นมันก็เดินทางมาถึงเธอ ดังที่เราได้เห็นกันในภาคหนึ่งและภาคสองของไตรภาคล่าสุดนี้ ว่าไมเคิลกลับมารังควานเธอและครอบครัวอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปกว่า 4 ทศวรรษ แถมอสูรกายตนนั้นก็ยังได้พรากชีวิตลูกสาวไปจากเธออีกด้วย
(Don’t Fear) The Reaper เป็นบทเพลงที่มีการถกเถียงอยู่บ่อยครั้งว่ากล่าวถึงอะไร เพราะเนื้อหาของมันสามารถถูกตีความได้หลายแบบ บ้างก็ตีความว่ามันเป็นเพลงที่เชิญชวนให้คนปลิดชีพตัวเอง บ้างก็บอกว่ามันเกี่ยวกับภัยร้ายของยาเสพติด แต่แท้จริงแล้วเพลงนี้เกี่ยวกับรักนิรันดร์และธรรมชาติของความตายที่เราควร ‘โอบรับ’ มันให้ได
"เวลาของเราทุกคนเคลื่อนเข้ามาถึงแล้ว
ณ ที่นี่ แต่พวกเขาได้จากไปแล้ว
ฤดูกาลที่ผันผ่านไม่เคยหวั่นเกรงความตาย
เฉกเช่นเดียวกับสายลม แสงแดด และน้ำฝน
พวกเราก็เป็นเช่นนั้นได้"
เนื้อเพลงของ (Don’t Fear) The Reaper ล้วนเป็นการพร่ำเพ้อพรรณาถึงความรักที่จะอยู่คงนิรันดรแม้แต่ยมทูตก็ไม่สามารถพรากไปได้ มันถูกร้อยเรียงออกมาอย่างสวยงาม ผสานเข้ากับเสียงดนตรีคลาสสิคร็อคช่วงปลายทศวรรษที่ 1970s และเสียงริฟท์กีตาร์อันเป็นเอกลักษณ์ จึงทำให้บทเพลงนี้มีความโดดเด่นและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้การใส่เพลงนี้เอาไว้ท้ายเรื่องมีความหมายขึ้นมา
(Don’t Fear) The Reaper ที่ปรากฎขึ้นท้ายเรื่องในช่วงเครดิตของ Halloween Ends ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันถูกหยิบขึ้นมาใช้ แต่หากย้อนกลับไปดู Halloween (1978) ภาคต้นฉบับ ในฉากที่ลอรี่กำลังขับรถและถูกสะกดรอยตาม เพลงที่ถูกเล่นในวิทยุของเธอก็คือเพลงที่กล่าวถึงยมทูตและการไม่หวั่นเกรงมัน ซึ่งก็คือเพลงนี้นั่นเอง ดังนั้นการที่มันถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งจึงสร้างความหวนคิดถึงได้ไม่น้อย
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ (Don’t Fear) The Reaper มีความหมายเมื่อมันถูกบรรเลงในตอนจบของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเพราะมันเปรียบเสมือนตัวแทนการยืนหยัดต่อสู้ของลอรี่ สโตรดตลอด 45 ปีที่ผ่านมา เธอยืนหยัดสู้กับอสูรกายที่ตามรังควานเธอทุกคืนฮาโลวีนและบาดแผลใจที่บาดลึกจากการที่ไมเคิลยังคงลอยนวล
แต่เธอสามารถก้าวผ่านเรื่องทั้งหมดมาได้เพราะเธอ ‘(ไม่หวั่นเกรง) ยมทูต’ ที่จ้องจะพรากเอาชีวิตเธอไปตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอพร้อมสู้สุดตัว เพื่อกำจัดปีศาจร้ายให้มลายหายไปจากแฮดดอนฟิล์ด (Haddonfield) และตลอดเวลาที่ผ่านมาที่เธอยืนหยัดสู้
ใน Halloween Ends เมื่อร่างของไมเคิลไหลลงเครื่องบดจนไม่เหลือเค้าโครงที่จะฟื้นคืนชีพไปทำหน้าที่ยมทูตพรากชีวิตคนได้อีกต่อไป ความสงบสุขที่แท้จริงในชีวิตของลอรี่จึงบังเกิดขึ้น
ภาพที่ผู้ชมจะได้เห็นก่อนภาพยนตร์จะจบลงคือบ้านของลอรี่ที่เงียบสงบ แสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องเข้ามาเป็นความอบอุ่นปลอดภัย ไร้สายตาดำมืดจากใบหน้าสีขาวจ้องมองเธออีกต่อไป เรื่องราวของไมเคิล ไมเยอร์ส ได้เดินมาถึงตอนจบบริบูรณ์ ไร้ซึ่งปมต่อ ไม่มีการฟื้นคืนชีพแบบเซอร์ไพร์ส (เหมือนภาคอื่น ๆ) อีกต่อไป
หลังจากนั้นภาพก็ตัดเข้าฉากสีดำพร้อมกับเสียงริฟท์กีตาร์จากบทเพลง (Don’t Fear) The Reaper มันก็เป็นการย้ำชัดโดยไม่ต้องเอ่ยแม้แต่คำเดียวว่า
“และนั่นคือเรื่องราวของวีรสตรีนักสู้ผู้ไม่หวั่นเกรงให้กับเคียวของยมทูต…"