ไทเกอร์ วูดส์: วันชำรุดของเครื่องจักรตีกอล์ฟที่สมบูรณ์แบบ เทพเจ้าไร้พ่าย หรือมนุษย์ที่แพ้เป็น?

ไทเกอร์ วูดส์: วันชำรุดของเครื่องจักรตีกอล์ฟที่สมบูรณ์แบบ เทพเจ้าไร้พ่าย หรือมนุษย์ที่แพ้เป็น?
“ผมจะโค่นแจ็ค นิคลอส” (I’m gonna beat Jack Nicklaus) นี่คือคำพูดของเด็กชายไทเกอร์ วูดส์ ที่เคยพูดไว้ในวัย 3 ขวบ กลายเป็นแคมเปญของไนกี้ ในโฆษณา Nike-Tiger Woods: Same Dream ตอนนี้ไทเกอร์ วูดส์คว้าแชมป์รายการเมเจอร์ 15 ครั้ง ในขณะที่แจ็ค นิคลอส ได้แชมป์รายการเมเจอร์ 18 ครั้ง ทุกคนรอคอยว่าประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการกอล์ฟจะเกิดขึ้นหรือไม่? ไม่ใช่เรื่องแปลก หากเป็นช่วงต้นทศวรรษ 2000s จะมีคนเชื่อว่า ไทเกอร์จะโค่นแจ็คได้ เพราะในช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่ ‘พญาเสือ’ ขาขึ้นสุด ๆ จนกล่าวว่านี่คือนักกอล์ฟเบอร์ 1 ของโลกในยุคนั้น ซึ่งคงจะไม่ใช่การกล่าวเกินเลยไปจากความจริงสักเท่าไรนัก แต่แคมเปญโฆษณาดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2019 หลังจากที่ไทเกอร์ วูดส์ คว้าแชมป์ The Masters อันเป็นแชมป์รายการ ‘เมเจอร์’ (แชมป์กอล์ฟรายการสำคัญ 4 รายการ ได้แก่ The Masters, US Open, The Open และ PGA Championship) ได้สำเร็จ ทำให้เขาได้แชมป์ ‘เมเจอร์’ รวมกันถึง 15 ครั้ง เป็นเพียงรองแจ็ค นิคลอส อีก 3 แชมป์เมเจอร์ที่ต้องการ เขาจะ ‘โค่น’ แจ็คลงได้ นั่นหมายถึงว่า เขาจะขึ้นบัลลังก์นักกอล์ฟยอดเยี่ยมตลอดกาลแทนที่แจ็ค นิคลอส การได้แชมป์ The Masters ครั้งล่าสุดดังกล่าว นอกจากความสำคัญจะอยู่ที่การไล่ล่าประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการกอล์ฟ มันยังมีความหมายและสำคัญต่อใจของไทเกอร์เป็นอย่างมาก 11 ปีแล้ว ที่เขาไม่เคยได้แชมป์รายการ ‘เมเจอร์’ เลย นับตั้งแต่ปี 2008 ไทเกอร์ วูดส์ พบกับ ‘ทศวรรษที่สูญหาย’ ที่ทำให้กราฟชีวิตของเขาที่เคยรุ่งโรจน์ในหน้าที่การงาน กลับต้องประสบพบเจอกับการหย่าร้างกับภรรยา การถอนตัวของสปอนเซอร์ อาการติดเซ็กส์ การบาดเจ็บเรื้อรัง ไปจนถึงถูกจับเพราะขับรถผิดกฎจราจรจนถูกจับได้ว่ามีสารเสพติดในร่างกาย จนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2021 เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ บาดเจ็บสาหัส ซึ่งไม่อาจรู้ได้เลยว่า จะกระทบต่ออนาคตการเล่นกอล์ฟของเขามากน้อยขนาดไหน อะไรคือสาเหตุเบื้องหลังที่ทำให้ ไทเกอร์ วูดส์ ผู้ส่องประกายเจิดจ้ายามที่ยืนอยู่บนสนามกอล์ฟ กลายร่างจากเทพเจ้า สู่คนธรรมดาผู้พ่ายแพ้เป็น คงต้องย้อนไปดูเรื่องราวของเขาตั้งแต่สมัยเด็ก…   พรแสวงหรือพรสวรรค์ ใจรักหรือครอบครัวยัดเยียด “โปรดอย่าถือสา... แต่บางทีผมก็อ่อนไหว เวลาพูดถึงลูกชายของผม หัวใจของผมเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข เมื่อผมตระหนักได้ว่า ชายหนุ่มคนนี้จะช่วยผู้คนมากมาย เขาจะเอาชนะเกมนี้ และนำเอามนุษยนิยมมาสู่โลกใบนี้ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โลกจะกลายเป็นที่ที่น่าอยู่มากขึ้น เพราะว่าตัวตนของเขา และการมีอยู่ของเขา นี่คือสมบัติล้ำค่าของผม ได้โปรดรับเขาไป และใช้อย่างชาญฉลาด” คำกล่าวของเอิร์ล วูดส์ คุณพ่อของไทเกอร์ กล่าวไว้ในปี 1996 ปีที่ไทเกอร์มีอายุ 20 ปี เริ่มเทิร์นโปรเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ บ่งบอกให้เห็นว่า คนเป็นพ่อคาดหวังกับลูกชายอย่างสูง ว่าในอนาคตหนุ่มคนนี้จะกลายเป็นบุคคลสำคัญระดับโลกเพราะ...การเล่นกอล์ฟ นี่คือฉากเปิดของ Tiger (2021) ซีรีส์สารคดีที่ผลิตโดย HBO (ความยาว 2 ตอน) ว่าด้วยเรื่องราวของไทเกอร์ วูดส์ในหลายแง่มุมที่น่าสนใจ ฉากที่ทำให้ฉากเปิดนี้ทรงพลังมาก ๆ นั่นคือซีนหลังจากที่เอิร์ลได้พูดถึงลูกชายของเขาด้วยความชื่นชม แต่ฟุตเทจวิดีโอหลังจากนั้นตัดไปที่ฉากของไทเกอร์ วูดส์ถูกจับกุม ชวนให้คิดว่า จากจุดเริ่มต้นชีวิตที่แสนหวาน อะไรที่พาไทเกอร์ไปไกลขนาดนั้น ต้องย้อนไปตั้งแต่วันที่ไทเกอร์ วูดส์ หิ้วถุงกอล์ฟเดินมาเข้าฉากในรายการทีวีแล้วโชว์วงสวิงที่แสนสวยงาม ในเวลานั้นไทเกอร์คือเด็กชายวัย 2 ขวบ ที่พ่อเขาเล่าว่า ไทเกอร์เองรู้จักกับกีฬากอล์ฟมาตั้งแต่ตอนอายุ 2 เดือน จากคำบอกเล่าของคนรอบข้าง ในชีวิตของไทเกอร์ วูดส์ ตั้งแต่เล็กจนโต เขามีแต่กอล์ฟ กอล์ฟ และกอล์ฟ เบื้องหลังของความเก่งกาจของเขา จึงไม่ใช่แต่เพียงโครงสร้างร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่หมายถึงวินัยในการฝึกฝนการเล่นกอล์ฟและฟิตร่างกายตั้งแต่วัยเด็ก เขาฝึกซ้อมวงสวิงและออกกำลังกายทุกวัน วันละหลายชั่วโมง ท่ามกลางการสนับสนุนอย่างเต็มที่ของเอิร์ล และธิดา วูดส์ คุณพ่อคุณแม่ของเขาเอง ในขณะที่หลายคนเก่งเพราะพรสวรรค์ของตัวเอง แต่สำหรับไทเกอร์ในช่วงเวลานั้น ก็เหมือนนักกีฬาคนอื่นอีกหลายคน อย่างเช่น โรนัลโด้ ที่ใช้พรแสวงเพื่อให้ตัวเองไปไกลอีกระดับ การฝึกซ้อมอย่างหนัก ทำให้เขาไปไกลถึงจุดนั้น  พลังโฟกัสในการเล่นกอล์ฟของเขา แคดดี้ประจำตัวของเขาเล่าว่า อยู่ในระดับที่ว่า ขณะที่ขับรถไปด้วยกัน หากเขานึกถึงวงสวิงสวย ๆ แล้วอยากลองซ้อมดู เขาจะขอให้จอดรถข้างทางแล้วลงไปซ้อมตีกอล์ฟในทันที ไทเกอร์เป็นมือล่ารางวัลตีกอล์ฟตั้งแต่เด็ก จนเมื่อเทิร์นโปรเพียงปีเดียว ในปี 1997 เขาก็ได้แชมป์ The Masters ซึ่งเป็นแชมป์รายการเมเจอร์แรกมาครอบครองในวัย 21 ปี เส้นทางความยิ่งใหญ่รอคอยเขาอยู่ อะไรมันก็ดูดีไปหมด แล้วความผิดพลาดอยู่ตรงไหน?... คำตอบหนึ่งที่อาจจะอยู่ในสารคดีก็คือ การที่เขาใช้ชีวิตอยู่กับกีฬากอล์ฟเพียงมิติเดียว กับครอบครัวที่แสนจะเข้มงวด ทำให้เขา ‘แกร่ง’ ไม่พอที่จะรับมือกับชื่อเสียงและความสำเร็จที่ลุกโหมมาสู่เขาได้  ซีรีส์ Tiger พาไปสำรวจช่วงเวลาวัยรุ่นของไทเกอร์ จะเห็นว่านอกจากกอล์ฟแล้ว หลายเรื่องหลายอย่างจากคำบอกเล่าของแฟนสาวคนแรกของเขา ไทเกอร์ดูเหมือนจะเป็นคนที่ ‘ไร้เดียงสา’ มาก และก็เป็นแฟนสาวนั่นเองที่พยายามพาเขาไปสนุกกับด้านอื่นของชีวิต จนในที่สุดทั้งสองก็เลิกคบหากันเพราะพ่อแม่ของไทเกอร์ไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ที่ผลักให้เขาไกลห่างจากกอล์ฟ แม้ว่า เอิร์ล วูดส์ เคยพูดว่า เขาจะสนับสนุนในสิ่งที่ลูกชายสนใจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขากลับเคร่งครัดกับไทเกอร์แต่เพียงเรื่องกอล์ฟเพียงอย่างเดียว ระดับที่พยายามบอกทุกคนว่า เขาวางแผนว่า วันหนึ่งหากไทเกอร์จะมีชื่อเสียงโด่งดังเพราะกอล์ฟ เขาเตรียมการเพื่อให้ไทเกอร์สามารถรับมือกับความกดดันทั้งในสนามและนอกสนามได้เป็นอย่างดี  ในช่วงเวลานั้น จึงไม่อาจรู้ได้ว่า ไทเกอร์นั้นรักการตีกอล์ฟเพราะตัวเขาเอง หรือเพราะครอบครัวพยายามทำให้เขาเห็นว่าโลกมีเพียงแต่สิ่งนี้ที่เขาจะรักได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าครอบครัววูดส์จะจริงจังกับการเข้ามาจัดการกับชีวิตของไทเกอร์เพียงใด แต่ในมุมหนึ่งที่ซีรีส์ Tiger พยายามนำเสนอ นั่นคือความรักความผูกพันที่เจ้าเสือมีให้กับพ่อและแม่ของเขา โดยเฉพาะกับเอิร์ลที่อยู่ด้วยกันบนพื้นหญ้าสนามกอล์ฟมาแต่อ้อนแต่ออก ฉากหนึ่งที่ Tiger ได้ตามถ่ายคือซีนที่ไทเกอร์แอบไปขโมยสตรอว์เบอร์รีที่ปลูกในสนามกอล์ฟมากินกับพ่อ แม้ว่าจะเป็นฉากเล็ก ๆ แต่มันเป็นฉากที่ทำให้เห็นว่าทั้งสองคนผูกพันกันมาก เอิร์ลสำคัญต่อจิตใจของไทเกอร์อย่างที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน เอิร์ลก็เหมือนกับเป็นกระจกส่องให้ตัวไทเกอร์ได้เห็นชีวิตของตัวเองในอนาคตเช่นกัน เอิร์ลมีนิสัยดื่มหนักและมักควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า เรื่องนี้เป็นที่รู้กันในบรรดากลุ่มเพื่อน ๆ และตัวไทเกอร์เอง แต่สำหรับสองพ่อลูก มันก็ไม่ใช่ปัญหาที่จัดการไม่ได้ ไทเกอร์ยังคงใช้ชีวิตเหมือนที่เคยเป็น แต่แก้วใส ๆ ที่เคยวางอยู่เริ่มปริร้าวขึ้นมาเมื่อปี 2006 พ่อของเขา, เอิร์ล วูดส์ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ชีวิตของไทเกอร์จึงเริ่มเปลี่ยนไป แต่ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้น มาดูความสำเร็จของเขาหลังจากที่เทิร์นโปรในปี 1996 แล้วประสบความสำเร็จอย่างมากมายในยุค 2000s กันก่อน   เครื่องจักรที่กระหายชัยชนะ ไทเกอร์ วูดส์คือคนที่ไนกี้ตามหาว่าจะมาเป็นไมเคิล จอร์แดน ให้กับวงการธุรกิจกีฬาคนต่อไป ทันทีที่เขาเริ่มประสบความสำเร็จกับกอล์ฟ ฟิล ไนต์ เจ้าของไนกี้ได้ประกบเขาถึงข้างสนาม และไนกี้ได้เซ็นสัญญากับเขาในที่สุด ไนกี้ได้ใช้ story เรื่องเชื้อชาติของไทเกอร์มาเป็นจุดขาย ความเป็นคนแอฟริกันอเมริกัน (ที่จริงในตัวของไทเกอร์มีหลายเชื้อชาติมาก หนึ่งในนั้นคือไทย ที่ได้รับมาจากคุณแม่) ที่ถูกกีดกันไม่ให้เข้าสนามกอล์ฟของ ‘คนขาว’ ในบางสนาม กลายเป็นจุดขายที่ว่า ความสำเร็จของกีฬากอล์ฟของเขา ได้ทลายกำแพงตรงนั้นไปเสียสิ้น และมันเป็นความจริงที่ว่า ไทเกอร์ วูดส์กำลังทลายกำแพงสถิติทุกอย่างที่วงการกอล์ฟเคยมีมา ไทเกอร์ วูดส์ประสบความสำเร็จในกีฬากอล์ฟมากมายเท่าที่คนทั่วไปจะจินตนาการถึง จนถึงวันนี้ไทเกอร์ได้แชมป์ PGA Tour จากการแข่งขันทั่วโลกถึง 82 ถ้วยรางวัล นับเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลเคียงคู่กับแซม สนีด ที่เลิกเล่นกอล์ฟไปตั้งแต่ปี 2002 ส่วนการแข่งขันรายการ ‘เมเจอร์’ เขาเป็นรองเพียงแค่แจ็ค นิคลอส หลังจากเทิร์นโปรในปี 1996 นับตั้งปี 1997-2008 เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ของไทเกอร์ เป็น 11 ปีที่เขาคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ได้มากถึง 14 ครั้ง เขาคือเครื่องจักรผลิตชัยชนะ วงสวิงที่ทรงพลัง การพัตต์กอล์ฟที่แม่นยำ ลูกชิปที่สวยงาม การแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ ในสนามกอล์ฟ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายดายไปหมดสำหรับพญาเสือผู้นี้ ในสนาม เขาโดนประโคมจากสื่อว่าเป็นเทพแห่งกีฬากอล์ฟ แต่เรื่องราวนอกสนาม ไทเกอร์คือคนธรรมดาที่ต้องรับมือกับความโด่งดังที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต ระดับที่ว่าช่วงหนึ่งเขาชื่นชอบกีฬาดำน้ำมาก ๆ เขารู้สึกว่ามันเป็นพื้นที่ปลอดภัยทางใจด้วยเหตุผลที่ว่า... “พวกปลาไม่รู้จักผม” ความสำเร็จที่โหมกระหน่ำเข้ามา ในวันที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้า ไทเกอร์พอจะรับมือกับมันได้ ไทเกอร์แต่งงานกับเอลิน นอร์เดเกรน อดีตนางแบบ มีลูกด้วยกันสองคน และชีวิตก็ดูเหมือนจะปกติสุขตามวิถีของอเมริกันดรีม แต่ในวันที่เอิร์ลเสียชีวิต หลายอย่างในตัวไทเกอร์ วูดส์เริ่มเปลี่ยนไป   ชีวิตที่หักเลี้ยวไปอีกทางในวันที่ไม่มีเอิร์ล คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การเสียเอิร์ลไป คือความเสียใจที่สุดในชีวิตครั้งหนึ่งของไทเกอร์ วูดส์ จากคนที่อยู่ข้างกายผู้เป็นทั้งพ่อ เพื่อน ที่ปรึกษา และครู ในวันนี้ไม่มีเขาอยู่บนโลกแล้ว หลังจากที่เอิร์ลเสียชีวิตไปในปี 2006 ดูเหมือนไทเกอร์จะไล่ตามเงาความทรงจำของพ่อผ่านอาชีพเก่าของเอิร์ล นั่นคือการเป็นทหาร ไทเกอร์ วูดส์เข้าฝึกพิเศษร่วมกับหน่วยเนวีซีลอย่างหนัก ซึ่งหลายคนวิเคราะห์ว่านั่นเพราะมาจากเขาอยากตามหาตัวตนของพ่อในอดีต โดยที่เขาไม่เคยรู้เลยว่า ผลกระทบจากการฝึกนี้ จะทำให้เขาบาดเจ็บที่เข่าแล้วส่งผลกระทบกับเขาในเวลาต่อมา ท่าทีอันองอาจของพญาเสือที่ผ่านมาหลายสิบปี การใช้ร่างกายอย่างหนักผ่านวงสวิงที่ทรงพลังมาหลายปี ในเวลานี้กลายเป็นท่าทีเสือเจ็บที่แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนในสนาม โดยเฉพาะการทรุดเข่าลงหลังจากหวดลูกเสร็จ   แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม อาการบาดเจ็บที่เข่าไม่สามารถทำลายฟอร์มอันเกรี้ยวกราดของไทเกอร์ได้ ในช่วงปี 2006-2008 เขายังไล่ล่าความสำเร็จ แต่หลังจากได้แชมป์รายการเมเจอร์ US Open ในปี 2008 นี่คือแชมป์ครั้งสุดท้าย ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดลงเป็นเวลาสิบปีกับกราฟชีวิตที่ดิ่งลงเหวของเสือเจ็บ...ที่เจ็บทั้งกายและใจ จุดเริ่มต้นของชีวิตที่เปลี่ยนไปของไทเกอร์ วูดส์ อยู่ที่...ลาสเวกัส ลาสเวกัส คือดินแดนแห่งแสงสี กาสิโน ความบันเทิง และเซ็กส์ไทเกอร์ วูดส์หลงไปยังดินแดนแห่งนี้พร้อมกับเพื่อนพ้องในวงการกีฬาอย่าง ไมเคิล จอร์แดน ในครั้งแรกด้วยท่าทีของคน ‘ไร้เดียงสา’ แต่หลังจากนั้น การเดินทางไปเยือนที่ลาสเวกัสสำหรับเขา มันคือการหลีกหนีจากโลกความจริง ที่ไม่มีพ่อคอยดูแลเขาแล้ว ช่วงเวลานั้น ไทเกอร์ วูดส์เริ่มนอกใจภรรยา... เขาเริ่มมีความสุขกับการมีเซ็กส์กับหญิงอื่น โดยที่ภรรยาไม่รู้ ในครั้งแรกสื่อจอมขุดคุ้ยอย่าง National Enquirer ติดตามไทเกอร์ วูดส์ จนเห็นว่าเขามีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับพนักงานหญิงในร้านอาหารที่เขามักจะไปกินบ่อย ๆ กับภรรยา แต่ในครั้งนั้นมีการเจรจาปิดข่าวกับทางหนังสือพิมพ์ โดยแลกกับการที่ไทเกอร์ วูดส์ต้องไปขึ้นปกนิตยสาร Men’s Fitness ซึ่งเป็นสื่อในเครือเดียวกันกับ National Enquirer ในปี 2007 ในฉากหน้าของไทเกอร์ เขาดูเป็นแฟมิลีแมนที่ออกสื่อกับภรรยาและลูก ๆ คนรอบข้างบอกว่า “เขาสร้างภาพตัวเองให้ดีกว่าความจริง ไม่ยอมรับปีศาจในตัวเอง” และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาอ่อนแอ เพราะไม่สามารถควบคุมปีศาจตนนั้นได้ แต่แล้วสิ่งที่ปิดไว้ก็ถูกเปิดเผย พฤศจิกายน ปี 2009 เป็น National Enquirer เจ้าเดิมที่ขุดคุ้ยเรื่องราวของไทเกอร์ วูดส์ กับความสัมพันธ์ที่มีต่อราเชล อูชิเทล ผู้จัดการไนต์คลับ ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ไทเกอร์ วูดส์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาขับรถไปชนหัวปั๊มดับเพลิงและต้นไม้แถวบ้าน ว่ากันว่า นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุทั่วไป แต่เกิดจากการทะเลาะกับภรรยา...เอลิน นอร์เดเกรน ปีศาจในตัวเขามีอยู่จริง และเขาควบคุมมันไม่ได้... หลังจากนั้นสื่อก็ได้ขุดคุ้ยชีวิตส่วนตัวของไทเกอร์ วูดส์ ที่มีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นไม่ต่ำกว่า 10 คน ชัดเจนว่าเขานอกใจภรรยา และสารภาพผิดทุกอย่างต่อหน้าสื่อมวลชน ในที่สุด ปี 2010 เอลินได้หย่าร้างกับไทเกอร์ เรื่องราวในสนาม อาการบาดเจ็บเรื้อรังโดยเฉพาะที่กระดูกสันหลัง ทำให้เขาฟอร์มตก ไม่ได้แชมป์เมเจอร์มาหลายปี และช่วงปี 2013-2018 เป็นช่วงที่ไม่ได้สัมผัสแชมป์ใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นถ้วยเล็กหรือถ้วยใหญ่ จนเขาเคยพูดกับแจ็ค นิคลอสว่า อาการบาดเจ็บอาจจะทำให้เขาไม่สามารถกลับมาเป็นแบบเดิมได้แล้ว แต่เรื่องราวนอกสนามของไทเกอร์ วูดส์กำลังดิ่งลงเหว ที่ไม่รู้ว่า ณ ก้นเหวลึกอยู่ตรงจุดไหน ในปี 2017 ไทเกอร์ วูดส์กลายเป็นข่าวดังทั่วโลกอีกครั้ง เมื่อเขาถูกจับในข้อหาเมาแล้วขับ แล้วภายหลังพบยา 5 ชนิดในร่างกาย ภาพของเขาที่ถูกถ่ายไว้ในตอนบันทึกประจำวัน แทบไม่เหลือความองอาจของพญาเสือ ซึ่งขัดกันอย่างชัดเจนกับบทสัมภาษณ์ที่เอิร์ล วูดส์เคยให้ไว้ว่า สักวันหนึ่งเขาจะกลายเป็นบุคคลสำคัญของโลก ไม่ต่างจากคนอย่างมหาตมะ คานธี หรือคนสำคัญอื่นที่การมีอยู่ของพวกเขาเปลี่ยนแปลงโลกได้ “เขาเป็นคนที่ทั้งสนุกและอ่อนหวาน แต่เขาต้องมาจบลงบนท้องถนน อย่างโดดเดี่ยวและตัวคนเดียว และฉันคิดว่า ‘ฉันหวังว่าเขา’ จะมองย้อนไป และจำตัวตนที่แท้จริงของเขาได้” แฟนคนแรกของไทเกอร์พูดถึงเหตุการณ์ที่เขาถูกจับเพราะเมาแล้วขับ ในวันนั้น เขาคือชายผู้นอกใจภรรยา เขาคือชายผู้ติดยาเพื่อหลบหนีความทุกข์ เขาคือชายที่ถูกสปอนเซอร์ถอนตัวจากการสนับสนุนเพราะเรื่องอื้อฉาว เขาเป็นชายผู้ทิ้งตำนานกอล์ฟไว้ที่ยุค 2000s และเขาคือชายผู้ถูกตำรวจจับในข้อหาเมาแล้วขับ ถึงจุดนี้ อาการบาดเจ็บจะดีขึ้นจนกลับมาเล่นกอล์ฟได้หรือไม่ และคำปฏิญญาที่ว่า “ผมจะโค่นแจ็ค นิคลอส” จะยังเป็นจริงไหม?   ชีวิตที่กลับมายืนบนแท่นทีออฟอีกครั้ง จันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2017 ไทเกอร์ วูดส์ได้โพสต์คลิปวิดีโอหนึ่งลงบนโซเชียลมีเดีย เป็นคลิปที่เขาโชว์วงสวิงหวดกอล์ฟระยะไกล เพื่อเป็นการบอกใบ้ว่า...เขากลับมาแล้ว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไทเกอร์ วูดส์พยายามเข้ารับการบำบัดอาการติดเซ็กส์ บำบัดอาการติดยา และผ่าตัดเชื่อมกระดูกสันหลัง การเล่นกอล์ฟหลายปีที่ผ่านมา กระทบกับร่างกายของเขาค่อนข้างมาก การผ่าตัดเชื่อมกระดูกสันหลังในต้นปี 2017 ครั้งนี้ เขาขอแค่เพียงว่า เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวกลับมาใช้ชีวิตปกติ นั่นก็เพียงพอแล้ว แต่พอเขาเริ่มเอี้ยวตัวได้โดยไม่เจ็บ เริ่มกลับมาชิปกอล์ฟได้ เสียงหัวใจของเขาเรียกร้องไปไกลกว่านั้น “จู่ ๆ ความคิดก็หวนกลับมา ผมอาจจะกลับมาเล่นกอล์ฟได้ และรู้ตัวอีกที ผมก็ฝึกวงสวิงแล้ว” จากคลิปที่เขาโชว์วงสวิง จนเกิดความสงสัยที่ว่า ไทเกอร์ วูดส์จะกลับมาเล่นกอล์ฟได้ไหมของหลายคนสิ้นสุดลง ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2017 ไทเกอร์ วูดส์กลับมาแข่งขันกอล์ฟอีกครั้งหลังจากที่หายไป 301 วัน ในทัวร์นาเมนต์ Hero World Challenge ที่บาฮามาส (เป็นทัวร์นาเมนต์ที่ไทเกอร์ วูดส์เป็นเจ้าภาพ) แต่การกลับมาครั้งนี้ ไม่ได้กลับมาเพื่อกลายเป็นเครื่องจักรเล่นกอล์ฟที่สมบูรณ์แบบอีกแล้ว ในซีรีส์ Tiger เล่าว่า เขาเล่นกอล์ฟด้วยวิธีคิดที่เปลี่ยนไป เขาไม่ใช่เทพเจ้าไร้พ่ายอีกต่อไป แต่เขาคือคนธรรมดาที่แพ้เป็นทั้งในและนอกสนามกอล์ฟ แต่ที่สำคัญคือ การกลับมาครั้งนี้ ไทเกอร์มีท่าทีผ่อนคลายกับผู้เล่นคนอื่นมากขึ้น ไม่ใช่แต่เพียงลงสนามเพื่อเอาชนะอย่างเดียว แต่กอล์ฟมันยังสามารถให้ความสุขระหว่างทางกับเขาได้ จริงอยู่, ที่เอิร์ล วูดส์ ปั้นเขามาเป็นนักเล่นกอล์ฟที่สมบูรณ์แบบ แต่หลังจากนั้น เขาอาจจะต้องไปหาคำตอบอื่นในชีวิตที่เหลือให้ได้ “เอิร์ลได้ปั้นให้เขาเป็นเครื่องจักรเล่นกอล์ฟที่สมบูรณ์แบบ สร้างจากภายนอกสู่ภายใน ภายนอกจะเป็นส่วนสำคัญกว่า เป็นวิธีแสดงพรสวรรค์ออกมา การตีลูก การบดขยี้คู่แข่ง ความสำเร็จ ในขณะเดียวกัน ภายในของเขาก็ถูกทิ้งให้ว่างเปล่า” “ตลอดชีวิตของไทเกอร์ การพัฒนาเขาเป็นเครื่องจักร เป็นเรื่องสำคัญกว่า จนกระทั่งการบำบัดของเขาหลังจากที่ถูกจับ ที่ไทเกอร์ได้พัฒนาความเป็นมนุษย์ มันเป็นช่วงการเจริญเติบโตที่พวกเราส่วนใหญ่ผ่านมาตั้งแต่ยังเล็ก และเขาในวัย 40 ต้น ๆ กำลังจะบอกว่า เครื่องจักรพาฉันมาจบที่จุดนี้ ฉันต้องวิวัฒนาการไปเป็นสิ่งอื่น “ถ้าเรามองย้อนกลับไปว่าเขาเคยเป็นคนติดยาขนาดไหน การที่แค่สามารถกลับมาเป็นผู้คนปกติได้ ก็เป็นการกลับมาที่ยิ่งใหญ่แล้ว” “ฉันไม่อยากให้คุณกลับมาเพื่อทำลายสถิติแชมป์เมเจอร์ของแจ็ค นิคลอส ฉันอยากให้คุณกลับมาเพื่อพบกับความสุขที่ทำให้คุณเริ่มเล่นกอล์ฟ” เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมอาชีพ และสื่อมวลชน หลายต่อหลายคนให้สัมภาษณ์ผ่านซีรีส์ Tiger ต่างเห็นในมุมมองเดียวกันว่า ชีวิตของไทเกอร์ วูดส์ ยังมีสิ่งอื่นมากกว่าการเล่นกอล์ฟ และหากเขาจะกลับมาเล่นกอล์ฟ เขาควรจะเล่นด้วยความสนุกมากกว่าคิดแต่เรื่องเอาชนะเพียงอย่างเดียว แล้วเขาก็กลับมาอีกครั้ง พญาเสือผู้องอาจ… “นี่เป็นนาทีที่คนนับล้านคนทั่วโลกต่างรอคอย รอคอยมาหลายปี จนหลายคนถึงกับเลิกหวัง แต่นาทีนี้ก็มาถึงแล้ว ราชาคืนสู่บัลลังก์แล้วครับ” สิ้นเสียงบรรยายในหลุมที่ 18 ที่สนามออกัสตา จอร์เจีย อเมริกา วันที่ 14 เมษายน 2019 ไทเกอร์ วูดส์คว้าแชมป์ The Masters ได้สำเร็จ เป็นแชมป์รายการเมเจอร์ครั้งที่ 15 ของเขาหลังจากที่รอคอยมานานถึง 11 ปี   ชีวิตของไทเกอร์ วูดส์ อาจจะไม่ได้แตกต่างไปจากลูกกอล์ฟที่ปลิวไปตามแรงเหวี่ยงอันทรงพลังของเขา แม้ว่าหลายครั้งจะตีได้ดี ลงบนแฟร์เวย์ แต่ก็ในหลายครั้งนั่นแหละ ลูกกอล์ฟที่ปลิวไปอาจจะลงไปในทิศทางที่ไม่ได้ดังใจ ลงบ่อน้ำ หลุมทราย เข้าป่าหญ้า ไปจนถึงหาไม่เจอ  นี่คือความจริงของชีวิต หน้าที่ของเราในฐานะ ‘มนุษย์ธรรมดา’ ก็คงได้แต่ตั้งวงสวิงใหม่ และหวดลูกต่อไปให้ดีที่สุด ไม่ต่างจากชีวิตของไทเกอร์ วูดส์...เราต่างไม่รู้ว่าชีวิตเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป ที่สุดแล้ว เขาจะโค่นแจ็ค นิคลอสได้หรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดของมนุษย์เราก็คือ โอกาส ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะกลับมาขึ้นแท่นทีออฟ เริ่มต้นใหม่ สร้างวงสวิงที่มหัศจรรย์ได้เสมอ  ทั้งการเล่นในสนามกอล์ฟ และในชีวิตจริง สิ่งที่ผิดพลาดมีไว้ให้เรียนรู้ ปรับปรุง เมื่อเติบโตแล้วก็เริ่มต้นกันใหม่ “เมื่อเขาเดินมาที่แฟร์เวย์ และหวังจะคว้าแชมป์เมเจอร์ครั้งที่ 15 ผมรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลายคนอาจจะพูดว่าเขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาเป็นฮีโรผู้พิชิต แต่ก็เป็นคนพวกนี้นั่นแหละที่ตอนที่เขากำลังรุ่ง พวกนี้พยายามดึงให้เขาล้ม และพอเขาล้ม พวกนี้ก็กระทืบจมดิน แล้วพอเขากลับมารุ่งอีกครั้ง ทันใดนั้น เขาก็กลายเป็นผู้เปี่ยมคุณธรรมไปซะงั้น ซึ่งสำหรับผมแล้ว มันน่าขันสิ้นดี  “เขาเป็นมนุษย์ที่มีจุดอ่อนเหมือนกับทุกคน ปัญหาก็คือ เรามักจะยกให้เขาเป็นคนดีมากกว่าที่เขาเป็น และนั่นรวมไปถึงเอิร์ลด้วย”   ที่มา: มินิซีรีส์ Tigers ทาง HBO เรื่อง: ณัฐกร เวียงอินทร์