นิทรรศการ “แดนสนธยา ๒” (Twilight Zone II) จัดแสดงห่างจากนิทรรศการ แดนสนธยา ครั้งแรก ถึง 6 ปี ครั้งนี้รวบรวมผลงานของอาจารย์ช่วงราว 120 ภาพ เป็นผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2530 – ปัจจุบัน ทั้งภาพจิตรกรรมสีน้ำมัน และ ภาพดรออิ้งในสมุดบันทึก ศิลปินได้สเก็ตซ์ไว้เมื่อสัมผัสได้ถึงความงามที่พวยพุ่งออกมาจากความนึกคิดที่ถูกขัดกล่อมด้วยประสบการณ์ของชีวิต
“ในการทำงานศิลปะนั้น สิ่งที่นำเสนอ คือ ความงามทั้งหมด ไม่ว่าจะ ศาสนา การเมือง ธรรมชาติ ความงามจะทำให้พวยพุ่งอกมา ความคิดเปลี่ยนได้ ความงามเปลี่ยนยาก ความงามคนยอมรับ ความคิดคนไม่เชื่อก็ได้”
แดนสนธยา ๒ ชื่อที่มีนัยยะถึง วัฎจักรชีวิตของมนุษย์ ที่มีห้วงเวลาก่อนอรุณจะรุ่ง อรุณรุ่ง อาทิตย์อัสดง เปรียบดังชีวิตของมนุษย์ทุกผู้ ที่ต้องเผชิญกับ “ความตาย”
“เป็นความจริงที่พระอาทิตย์ต้องตกดิน ความตายไม่มีเวลา มันมาเมื่อไหร่ก็ได้ เตรียมไว้ยังไงมันก็ไม่ทัน แค่เราสามารถเตรียมใจให้อยู่สบายได้ ไม่ตองการสิ่งต่างๆ มากนัก น้อยแต่สบายมาก ยิ่งคนแก่ความต้องการในสิ่งต่างๆ ก็น้อยลง”
ช่วง มูลพินิจ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (2556) เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงชาวไทย เกิดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2483 มีหอศิลป์ที่แสดงผลงานเป็นของตัวเองชื่อ “หอศิลป์ช่วง มูลพินิจ” จบการศึกษาจากคณะจิตรกรรมและประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ. 2505
งานด้านศิลปะ ในช่วงระยะแรกเริ่ม เป็นภาพลายเส้นที่ประยุกต์ความอ่อนช้อยของลายไทย เข้ากับรูปทรงแบบเหมือนจริงได้อย่างกลมกลืน ต่อมาจึงได้พัฒนามาใช้เทคนิคสีน้ำและสีน้ำมัน ส่วนใหญ่แสดงถึงเรื่องราวของดอกไม้ แมลง สัตว์ มนุษย์ ทั้งในแง่อิโรติก จนกระทั่งถึงนัยการมองเห็นในวัฎสงสารของชีวิต เป็นการผลึกเรื่องราวทางอุดมคติกับธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกันอย่างงดงาม แนบเนียนลงตัว
นอกจากนี้ยังมีผลงานออกแบบและปั้นเกี่ยวกับศาสนาอีกหลายชิ้น เช่น ออกแบบและปั้นพระพุทธรูปยืนลีลาห้ามญาติ “พระพุทธอภัยมงคลสมังคี” ที่สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช ทรงสร้างถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อนำไปพระราชทานแก่ทุกจังหวัดในวโรกาสฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี
ผลงานที่รู้จักกันดีอีกอย่างหนึ่ง คือ การออกแบบตัวหนังสือชื่อเรื่องและโปสเตอร์ภาพยนตร์ไทยในแนววรรณคดีหรือนิทานพื้นบ้านของไทย เช่น แผลเก่า, เลือดสุพรรณ, ไกรทอง, กากี ฯลฯ
การทำงาน เริ่มต้นทำงานที่ศูนย์ออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ตำแหน่งออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องเขินระหว่างการทำงานอยู่ที่นี่ได้รับการชักชวนจากสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ให้มาเขียนภาพลายเส้นประกอบ หนังสือสยามสมัย
ต่อมาได้เขียนภาพประดับในหนังสือและนิตยสารต่างๆ เช่น ช่อฟ้า ชาวกรุง เฟื่องนคร และสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ จนเริ่มเป็นที่รู้จักด้วยผลงานเขียนลายเส้นแบบฟรีแฮนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงได้เขียนลายเส้นที่หน้าปกหนังสือ เสเพลบอยชาวไร่ ของ รงค์ วงษ์สวรรค์ และหน้าปกหนังสือ กามนิต วาสิฏฐี ด้วย
ผลงานพุทธศิลป์ อาทิ ออกแบบพระประธานพระธรรมกาย วัดพระธรรมกาย, ออกแบบอุโบสถวัดเขาดินวนาราม, ออกแบบจิตรกรรมฝาผนังภายในโดมมหาวิหาร พระไตรปิฎกหินอ่อน พุทธมณฑล ฯลฯ