Up: บ้านลอยได้ของคุณปู่ที่สอนให้เก็บอดีตไว้ในใจ และเดินหน้าต่อไปเพราะชีวิตคือการเดินทาง

Up: บ้านลอยได้ของคุณปู่ที่สอนให้เก็บอดีตไว้ในใจ และเดินหน้าต่อไปเพราะชีวิตคือการเดินทาง
/ ***บทความชิ้นนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาจากภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Up (2009) / “สวัสดีครับ ผมชื่อรัสเซิลล์ ลูกเสือนักสำรวจกลุ่ม 54 หมู่สวีทล็อดจ์ 12 วันนี้คุณมีอะไรให้ผมช่วยไหมฮะ?” ‘รัสเซิลล์’ เด็กชายตัวน้อยในชุดลูกเสืออ่านคู่มือของตัวเองอยู่ที่หน้าประตูบ้านของ ‘คาร์ล เฟรดริกเซ่น’ ผู้สูงอายุหน้าตาไม่รับแขกที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ในบ้านแห่งความทรงจำของเขาและภรรยาผู้จากโลกนี้ไปแล้วอย่าง ‘เอลลี่’ แน่นอนว่าคำตอบของคาร์ลที่อยากอยู่คนเดียวใจจะขาดคือ “ไม่” เขาหลอกให้รัสเซิลล์ไปตามหานกอีก๋อยที่ไม่มีอยู่จริง โดยที่ไม่รู้เลยว่า นั่นคือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยเพื่อทำตามสัญญาอันยิ่งใหญ่ระหว่างเขาและภรรยาผู้ล่วงลับ แถมสิ่งที่ได้ระหว่างการเดินทางยังมีค่ามากกว่าแค่การทำตามความฝัน เพราะคุณปู่ผู้ไม่เคยต้อนรับใครเข้ามาในใจ กลับได้พบทั้งมิตรภาพและความหมายของการมีชีวิต หากใครคิดว่า ภาพยนตร์แอนิเมชันเจ้าของรางวัลออสการ์และรางวัลลูกโลกทองคํา สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมอย่าง ‘Up’ (2009) จากค่าย Pixar กำกับโดย ‘พีท ด็อกเตอร์’ (Pete Docter) จะเป็นเพียงภาพยนตร์แนวผจญภัยสำหรับเด็กธรรมดา คงต้องบอกว่าไม่ใช่ เพราะเพียงแค่ 10 นาทีแรกของเรื่อง ใครหลายคนก็คงจะเสียน้ำตาให้กับเรื่องราวของคาร์ลและเอลลี่ที่สะท้อนความจริงของการตกหลุมรักและการจากลาได้อย่างถึงอารมณ์ Up: บ้านลอยได้ของคุณปู่ที่สอนให้เก็บอดีตไว้ในใจ และเดินหน้าต่อไปเพราะชีวิตคือการเดินทาง ความฝัน คำสัญญา และการลาจาก เรื่องราวการผจญภัยของคาร์ลเริ่มต้นจากความชอบในวัยเด็กที่เขามีให้กับ ‘ชาร์ลส์ มันทซ์’ นักสำรวจที่ทำให้คาร์ลได้รู้จักกับ ‘น้ำตกสรวงสวรรค์’ โลกสนธยาในอเมริกาใต้ ซึ่งความชอบของคาร์ลก็ไปตรงกับเอลลี่ เด็กหญิงสุดห้าวที่ทำให้คาร์ลตกหลุมรักตั้งแต่แรกเจอ พวกเขาทั้งสองสร้างสัญญาใจต่อกันว่าจะต้องเดินทางไปยังน้ำตกแห่งนี้ให้ได้ แต่เมื่อเด็กทั้งสองเติบโตขึ้น แต่งงาน และเริ่มใช้ชีวิตครอบครัว ความฝันและคำสัญญาก็ถูกลืมเลือนไป เงินที่พวกเขาตั้งใจเก็บไว้เพื่อเดินทางไปยังอเมริกาใต้ถูกนำมาใช้กับเรื่องจำเป็นในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมรถ ซ่อมบ้าน หรือรักษาพยาบาล กระทั่งเอลลี่ล้มป่วย และจากคาร์ลไป เงินส่วนที่เหลือก็ยังไม่ถูกนำมาใช้เพื่อทำตามความฝัน Up: บ้านลอยได้ของคุณปู่ที่สอนให้เก็บอดีตไว้ในใจ และเดินหน้าต่อไปเพราะชีวิตคือการเดินทาง ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ความทุกข์และความโดดเดี่ยวของผู้ที่ไม่มีคนรักอยู่เคียงข้างอาจกลับกลายเป็น ‘ความยึดติด’ เข้าสักวัน คาร์ลรักษาเฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงของใช้ของภรรยาอย่างดี แม้กระทั่งตอนที่เขาตัดสินใจทำตามสัญญา แทนที่จะซื้อตั๋วเครื่องบินไปคนเดียว คาร์ลกลับใช้ลูกโป่งที่สะสมมาทั้งชีวิตติดไว้กับบ้านเพื่อพามันไปด้วย นั่นก็เพราะบ้านคือตัวแทนของเอลลี่ผู้เป็นที่รักนั่นเอง ตลอดการเดินทาง เราจะเห็นได้ว่าคาร์ลทะนุถนอมบ้านหลังนี้มาก เมื่อคาร์ลและรัสเซลล์ต้องเผชิญกับพายุฝนเป็นครั้งแรก คาร์ลพยายามไล่เก็บสิ่งของทุกอย่างที่หล่นออกจากชั้น เขาปล่อยให้ตัวเองล้มลุกคลุกคลานไปกับพื้นเพื่อรักษาสิ่งที่มีคุณค่าทางใจเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นโซฟาของเอลลี่ โหลเงินเก็บ หรือกรอบรูปของภรรยา กระทั่งถึงอเมริกาใต้ คาร์ลได้ร่วมเดินทางไปพร้อมกับนกยักษ์ที่รัสเซิลล์ตั้งชื่อให้ว่า ‘เควิน’ และสุนัขแสนรู้ที่ชื่อว่า ‘ดั๊ก’ ซึ่งการผจญภัยดังกล่าวได้ก่อเกิดเป็นมิตรภาพและความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่ช่วยละลายความยึดติดของคาร์ลลงทีละนิด เมื่อภารกิจในการทำตามสัญญาเสร็จสิ้น คาร์ลปล่อยวางความยึดติดของเขาที่มีต่อภรรยาไปหนึ่งขั้น และปล่อยวางมากขึ้นอีก เมื่อเพื่อนตัวน้อยอย่างรัสเซิลล์ตัดสินใจไปเผชิญอันตรายเพื่อช่วยชีวิตเควินเพียงลำพัง แล้วตัวคาร์ลจะอยู่เฉยได้อย่างไร? สุดท้ายการผจญภัยครั้งใหม่ของเขาจึงเริ่มขึ้น เช่นเดียวกับข้อความสุดท้ายของภรรยาที่เขียนเอาไว้ในบันทึกของเธอ ซึ่งคาร์ลไม่เคยเปิดอ่านมาก่อน “ขอบคุณที่ผจญภัยกันมา ออกไปผจญภัยครั้งใหม่ได้แล้ว” Up: บ้านลอยได้ของคุณปู่ที่สอนให้เก็บอดีตไว้ในใจ และเดินหน้าต่อไปเพราะชีวิตคือการเดินทาง ทิ้งแต่เก็บ เป็นเรื่องยากเสมอเมื่อต้องทิ้งสิ่งของที่เต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความทรงจำที่มีร่วมกันกับคนรัก แต่สุดท้ายการเดินทางในอเมริกาใต้ก็ทำให้คาร์ลเริ่มตระหนักว่า การยึดติดกับอดีต โดยละเลยปัจจุบันนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องสักเท่าไร แต่การจะเหินฟ้าไปช่วยรัสเซิลล์ได้ คาร์ลจำเป็นต้องทิ้งสิ่งของภายในบ้านเกือบทั้งหมดเพื่อให้ตัวบ้านเบา และลอยขึ้นไปตามกระแสลม คาร์ลโยนทั้งเก้าอี้ เครื่องเสียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะ โทรทัศน์ ตู้เย็น และโหลเงินเก็บเอาไว้นอกบ้าน ก่อนที่บ้านลูกโป่งของเขาจะลอยขึ้นฟ้าได้อีกครั้ง สิ่งของที่มีคุณค่าทางจิตใจมากมายถูกทิ้งเอาไว้ที่น้ำตกสรวงสวรรค์ รวมไปถึงโซฟาของคาร์ลและเอลลี่ที่ผู้สร้างภาพยนตร์จงใจทำให้เราเห็นตั้งแต่ต้นว่า โซฟานี้มีค่าสำหรับคาร์ลมากแค่ไหน แต่สุดท้ายเพื่อช่วยเหลือ ‘สิ่งมีค่า’ ที่ยังอยู่ใน ‘ปัจจุบัน’ อย่าง ‘มิตรภาพ’ ที่เขาอาจไม่มีวันได้พบเจออีกแล้ว คาร์ลจึงเลือกโยนตัวแทนของอดีตทิ้ง และนำความทรงจำทุกอย่างกลับเข้าไปอยู่ในใจเช่นเดิม Up: บ้านลอยได้ของคุณปู่ที่สอนให้เก็บอดีตไว้ในใจ และเดินหน้าต่อไปเพราะชีวิตคือการเดินทาง การเดินทางขั้นต่อไป คือการไปช่วยรัสเซิลล์และเควินออกจากเรือเหาะของชาร์ลส์ อดีตนักสำรวจขวัญใจคาร์ลที่ต้องการกอบกู้ชื่อเสียงของตนเองใจจะขาด เขาอยากได้ตัวนกยักษ์เควินกลับอเมริกา เพื่อพิสูจน์ให้คนทั่วโลกเห็นว่ามันมีอยู่จริง และชาร์ลส์ไม่ได้กุเรื่องขึ้นมา ในการต่อสู้ครั้งนี้ ถือเป็นจุดสุดท้ายของการปล่อยวาง เพราะคาร์ลไม่ได้ทิ้งแค่สิ่งของทั่วไปอีกแล้ว ครั้งนี้เขาต้องยอมทิ้งทั้งบ้าน เพื่อให้เพื่อนทั้ง 3 มีชีวิตรอด และแล้วทุกคนก็รอดจากเงื้อมมือของชาร์ลส์ได้อย่างปลอดภัย คาร์ลจ้องมองบ้านอันเป็นที่รักของเขาลอยจากไป ตัวเขาเบาไม่ต่างจากบ้านหลังนั้นที่ตอนนี้ล่องลอยอยู่เพียงในความทรงจำ แต่เมื่อเขามองดูเด็กชาย นกยักษ์ และสุนัขแสนรู้ คาร์ลก็คิดได้ว่า นี่คือการเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่ที่ไม่แย่เลย Up: บ้านลอยได้ของคุณปู่ที่สอนให้เก็บอดีตไว้ในใจ และเดินหน้าต่อไปเพราะชีวิตคือการเดินทาง เปิดบ้านต้อนรับสิ่งใหม่ เปิดใจรู้จักคนเดิมๆ เหมือนว่าเอลลี่จะรู้จักสามีของตนเองดี เธอรู้ว่าเมื่อตัวเองจากไป คาร์ลคงจะปิดตัวและหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน เฝ้าคิดถึง และดูแลสิ่งของต่าง ๆ ราวกับมังกรที่คอยเฝ้าสมบัติ ข้อความสุดท้ายที่เอลลี่ทิ้งไว้ให้คาร์ลจึงเปรียบเสมือนการปลดล็อกประตูหัวใจให้เขาเริ่มชีวิตใหม่ได้แล้ว คาร์ลค้นพบว่า มันไม่ใช่เรื่องแย่เลยกับการเปิดประตูต้อนรับสิ่งใหม่เข้ามาในชีวิต ถึงแม้การมาของแขกแต่ละคนอาจทำให้เขาปวดหัวบ้าง แต่เมื่อทำความรู้จักคนเดิม ๆ ให้มากขึ้นเรื่อย ๆ ชายชราก็เริ่มยอมรับข้อดีและข้อเสียของกันและกัน จนก่อเกิดเป็นมิตรภาพที่บริสุทธิ์ใจ นอกจากนี้คาร์ลยังเรียนรู้ว่า ความสุขที่เกิดจากการมีคนรักรายล้อมนั้นดีกว่าการอยู่อย่างปิดใจเป็นไหน ๆ “ผมมาแอบใต้ระเบียงบ้านคุณ เพราะผมรักคุณ ให้ผมอยู่ได้ไหม?” ในฉากที่ดั๊กมาหาคาร์ลที่หน้าประตูบ้านระหว่างที่เขากำลังจะไปช่วยรัสเซิลล์และเควิน คาร์ลรู้ตัวดีว่าเขาเคยไล่ดั๊กไปด้วยถ้อยคำทำร้ายจิตใจ แต่เมื่อเห็นว่าดั๊กกลับมาอีกครั้ง คนปากแข็งอย่างเขาจึงไม่ขอเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้อีกแล้ว หากเขาปล่อยดั๊กไปอีกคน ครั้งนี้คงไม่มีใครกลับมาหาเขาแน่ เมื่อคิดได้อย่างนั้น คาร์ลจึงโอบกอดดั๊กไว้ และยอมรับว่าตนเองเป็นเจ้านายของเขา ซึ่งสำหรับสุนัขอย่างดั๊กแล้ว นั่นคือการยอมรับที่ยิ่งใหญ่ เพราะมันมาจากคนที่ดั๊กรักนั่นเอง Up: บ้านลอยได้ของคุณปู่ที่สอนให้เก็บอดีตไว้ในใจ และเดินหน้าต่อไปเพราะชีวิตคือการเดินทาง ทั้งหมดคือการผจญภัยสองครั้งในชีวิตของชายชรา ครั้งแรกคือการผจญภัยกับคนรักบนเส้นทางชีวิตอันเรียบง่าย ส่วนครั้งที่สองคือการผจญภัยตามใจเขาอย่างแท้จริง สุดท้ายคาร์ลก็ได้ ‘เริ่ม’ ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างคุ้มค่า คุ้มค่าโดยการเข้าไปเติมเต็มชีวิตของคนอื่น อย่างการไปร่วมงานมอบเข็มลูกเสือแทนพ่อของรัสเซิลล์ การเป็นเจ้านายให้กับดั๊ก และการช่วยชีวิตเควินให้รอดกลับไปหาครอบครัว ภาพยนตร์เรื่อง Up ใช้ระยะเวลากว่าชั่วโมงครึ่งในการพาเราโลดแล่นไปในความทรงจำและการผจญภัยของปู่คาร์ล เราได้เรียนรู้การเก็บอดีตอันสวยงามไว้ในใจ และเดินหน้าค้นหาสิ่งใหม่อยู่เรื่อย ๆ เพราะชีวิตคือการเดินทางที่จะไม่มีวันสิ้นสุดจนกว่าจะหมดลมหายใจ Up: บ้านลอยได้ของคุณปู่ที่สอนให้เก็บอดีตไว้ในใจ และเดินหน้าต่อไปเพราะชีวิตคือการเดินทาง ปู่จะอยู่ในใจเสมอ ลาก่อนปู่เอ็ด สำหรับแฟนตัวน้อยของปู่คาร์ลในภาพยนตร์แอนิเมชันของ Pixar เรื่อง Up บางคนอาจยังไม่รู้จัก ‘เอ็ด แอสเนอร์’ (Ed Asner) นักแสดงรุ่นใหญ่ผู้ให้เสียงตัวเอกของเรื่องอย่าง คาร์ล เฟรดริกเซ่น เอ็ดเริ่มต้นอาชีพนักแสดงจากละครบรอดเวย์ ก่อนจะเป็นที่รู้จักจากบท ‘Lou Grant’ ในซิตคอมเรื่อง ‘The Mary Tyler Moore Show’ (1970) ซึ่งทำให้เขาคว้ารางวัลเอมมี (Emmy Awards) มาได้ถึง 7 ครั้ง และกลายเป็นที่รู้จักในหมู่เด็กรุ่นใหม่จากเรื่อง Up และ Elf (2003) กระทั่งรุ่งเช้าของวันที่ 29 สิงหาคม 2021 ที่ผ่านมา ปู่เอ็ดได้เสียชีวิตลงอย่างสงบในวัย 91 ปี แต่ถึงแม้การผจญภัยของปู่เอ็ดจะสิ้นสุดลง เรื่องราวของเขาและผลงานการแสดงที่รวมไปถึงบทบาทของ ‘ปู่คาร์ล’ จะยังคงอยู่ในความทรงจำของคนดูทั่วโลกตลอดไป หากใครที่กำลังคิดถึงเสียงของปู่คนนี้ก็สามารถเปิดภาพยนตร์เรื่อง Up แล้วออกผจญภัยไปกับปู่ให้หายคิดถึงได้เสมอ [caption id="attachment_36582" align="aligncenter" width="560"] Up: บ้านลอยได้ของคุณปู่ที่สอนให้เก็บอดีตไว้ในใจ และเดินหน้าต่อไปเพราะชีวิตคือการเดินทาง ‘เอ็ด แอสเนอร์’ (Ed Asner) ผู้ให้เสียงตัวเอกของเรื่อง 'คาร์ล เฟรดริกเซ่น'[/caption] ติดตาม Instagram ของ The People ได้ที่ https://www.instagram.com/thepeoplecoofficial/  เรื่อง: วโรดม เตชศรีสุธี ภาพ: https://www.imdb.com/title/tt1049413/  Photo by Barry King/FilmMagic อ้างอิง: ภาพยนตร์เรื่อง Up (2009) รับชมทาง Disney+Hotstar https://www.nytimes.com/2021/08/29/arts/television/ed-asner-dead.html https://edition.cnn.com/2021/08/29/entertainment/ed-asner-death/index.html https://news.sky.com/story/ed-asner-emmy-winning-actor-who-became-known-for-leading-voice-role-in-pixar-film-up-dies-aged-91-12394823 https://www.bbc.com/news/world-us-canada-58380089