นายหมวดตรี วินัย น่วมอ่อน : อส. ด่านหน้าสู้โควิด 28 ปี แห่งการปิดทองหลังพระ

นายหมวดตรี วินัย น่วมอ่อน : อส. ด่านหน้าสู้โควิด 28 ปี แห่งการปิดทองหลังพระ
ตั้งแต่การดำเนินวิถีชีวิตของคนไทยถูกคุกคามด้วยโรคระบาดที่มีความรุนแรงอย่างโควิด-19 การเฝ้าจับตาเรือประมงลักลอบขนแรงงานต่างด้าวที่ล่องอยู่กลางทะเลเพื่อหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่ กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน หรือ สมาชิก อส. ในพื้นที่จังหวัดชายทะเลต่าง ๆ ที่ออกปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน โดยมีอาวุธในมือเป็นที่วัดอุณหภูมิและชุดตรวจโควิด-19 “ผมไปอยู่จุดตรวจโควิดที่สะพานปลา ชะอำ เพราะต่างด้าวมาเรือเยอะ ไปตรวจตราพร้อมกับชุดอำเภอและสาธารณสุข พอเขาเข้ามาต้องตรวจวัดอุณหภูมิ ตรวจโควิด ถ้าเจอต้องแจ้งรถโรงพยาบาลให้มารับไปส่งที่โรงพยาบาลสนามซึ่งมีอยู่ 3-4 แห่งในชะอำ” นายหมวดตรี วินัย น่วมอ่อน : อส. ด่านหน้าสู้โควิด 28 ปี แห่งการปิดทองหลังพระ นายหมวดตรี วินัย น่วมอ่อน สังกัดกองร้อยปฏิบัติการฝึกที่ 2 กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน (ค่ายเพชรโยธิน) อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เป็นสมาชิก อส. กว่า 28 ปี เล่าถึงภารกิจของพี่น้องสมาชิก อส. เมื่อประเทศถูกคุกคามด้วยโรคระบาด พวกเขาเปรียบเสมือนด่านหน้าร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุม ป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดลุกลามรุนแรง  นอกจากลงพื้นที่ดูแลป้องกันโรคในท้องถิ่นตนเอง ยังเดินทางไปพื้นที่ ที่ต้องใช้เจ้าหน้าที่จำนวนมาก ตั้งจุดตรวจเฝ้าระวังตามสถานที่เสี่ยงต่าง ๆ ดังเช่นสมาชิก อส. ค่ายเพชรโยธิน ที่เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ยังจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นอีกจุดเฝ้าระวังสำคัญ นายหมวดตรี วินัย น่วมอ่อน : อส. ด่านหน้าสู้โควิด 28 ปี แห่งการปิดทองหลังพระ ขณะที่เจ้าหน้าที่บางส่วน ถูกแยกไปประจำที่โรงพยาบาลสนาม ศูนย์กักตัวผู้ป่วย ซึ่งวินัยได้ประจำการอยู่ ณ โรงพยาบาลสนามค่ายเพชรโยธิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นชาวเมียนมา เขารับหน้าที่ตรวจตราความเรียบร้อยรอบบริเวณ ประสานงานกับล่ามเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ รวมถึงคัดกรองอาหาร ข้าวของ เครื่องใช้ที่ญาติฝากไว้ส่งต่อให้ผู้ป่วย  แน่นอนว่าการปฏิบัติหน้าที่เป็นด่านหน้าใกล้ชิดกับผู้ป่วยและผู้คนมากหน้าหลายตา ย่อมทำให้เกิดความหวั่นวิตกจากโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อ ยิ่งเขาเคยป่วยด้วยโควิด-19 จนเชื้อลงปอด ยิ่งรู้ซึ้งถึงความทรมานทั้งจากโรคภัยและการถูกกักตัวในห้องสี่เหลี่ยม ต้องนอนพักรักษาตัวนานกว่า 10 คืน นายหมวดตรี วินัย น่วมอ่อน : อส. ด่านหน้าสู้โควิด 28 ปี แห่งการปิดทองหลังพระ “กลัวครับแต่ต้องไป เพื่อปฏิบัติหน้าที่” วินัยบอกถึงความรู้สึกที่ถูกข่มไว้ด้วยความรับผิดชอบในฐานะสมาชิก อส. แต่มากกว่านั้นคือการได้ช่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเมื่อเขาเองเคยเป็นผู้ป่วย ประสบการณ์ที่มีจึงเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น นายหมวดตรี วินัย น่วมอ่อน : อส. ด่านหน้าสู้โควิด 28 ปี แห่งการปิดทองหลังพระ “ผมก็มีส่วนช่วยเขา แนะนำให้ความรู้เขา แนะนำเขาเรื่องการป้องกันโควิด แล้วก็ให้กำลังใจ เขาทุกข์อยู่ พอได้ฟังเขาก็สุขใจ สบายใจขึ้น เพราะว่าผมเคยผ่านมาแล้ว”  “ตอนนี้ขอให้คิดว่าเป็นโควิดกันหมดทุกคนจะได้ช่วยกัน ปลอดภัยไปด้วยกัน แม้กระทั่งครอบครัว ตอนนี้ก็ต้องอยู่ห่าง กินร้อน ช้อนกลาง ใส่แมสก์ เดี๋ยวนี้เราเหมือนเป็น รพช. (โรงพยาบาลชุมชน) ตอนเช้ามาต้องหาแมสก์ หาเจลแอลกอฮอล์เพราะต้องใช้ทุกวัน พอไปเจอผู้คนต้องเฝ้าระวัง” นายหมวดตรี วินัย น่วมอ่อน : อส. ด่านหน้าสู้โควิด 28 ปี แห่งการปิดทองหลังพระ “อยากให้ทุกคนช่วยกันเรื่องปัญหาโควิด มันจะได้หมดไปโดยเร็วครับ ส่วน อส. อย่างพวกเรามีหน้าที่รับความเสี่ยงในการเป็นด่านหน้าไว้” วินัยบอกอย่างมุ่งมั่น นอกจากภารกิจสู้โควิด-19 แล้ว สมาชิก อส. ยังเดินหน้าปฏิบัติหน้าที่บำบัดทุกข์ของประชาชนให้คลี่คลาย พร้อมบำรุงสุขให้มากขึ้น ด้วยการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินงานด้านการป้องกันปราบปราม รวมถึงงานด้านการพัฒนา ตามสภาพปัญหาและความต้องการของพื้นที่ นายหมวดตรี วินัย น่วมอ่อน : อส. ด่านหน้าสู้โควิด 28 ปี แห่งการปิดทองหลังพระ นั่นทำให้ความพยายามตลอด 28 ปีของวินัยไม่สูญเปล่า เขาบอกอย่างภูมิใจว่า “เดี๋ยวนี้ชาวบ้านก็รับรู้เยอะแล้ว รู้หน้าที่บทบาทของ อส. หลาย ๆ อย่าง ไปตรงไหนก็แล้วแต่ มี สมาชิก อส. ไปพัฒนาหมู่บ้าน ไปประจำจุดตรวจหลาย ๆ จุด เขาจะเห็นแล้ว เมื่อก่อนชุดนี้ ชุดลายพรางสีกากี เขาไม่รู้จัก เดี๋ยวนี้รู้จักหมดแล้ว” ดังนั้นสิ่งที่เขาฝากทิ้งท้ายจึงเป็นการส่งสารถึงพี่น้องสมาชิก อส. ว่า “อย่าท้อ แม้หน่วยงานเราเป็นหน่วยงานเล็ก ๆ ที่ทำงานปิดทองหลังพระ แต่เราก็เป็นฟันเฟืองหนึ่งที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขของประชาชนครับ”