วรวิทย์ ศิริพากย์ รอดชีวิตจาก 9/11 มาปั้นแบรนด์สปา “ปัญญ์ปุริ”

วรวิทย์ ศิริพากย์ รอดชีวิตจาก 9/11 มาปั้นแบรนด์สปา “ปัญญ์ปุริ”
จากเจ้าหน้าที่ในบริษัทการเงินที่ความเชี่ยวชาญคือการไล่คนออก จนกระทั่งเจอจุดพลิกผันที่เป็นผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์ 9/11 ที่สหรัฐอเมริกา ทุกวันนี้ วรวิทย์ ศิริพากย์ ค้นพบความสุขที่แท้จริงจากการปั้นแบรนด์ “ปัญญ์ปุริ” ธุรกิจเครื่องหอม สปา และสกินแคร์ ที่ช่วยสร้างความผ่อนคลายให้ทุกคน ย้อนไปในวัยเด็ก วรวิทย์ชื่นชอบกลิ่นหอมของผลิตภัณฑ์อาบน้ำเป็นชีวิตจิตใจ ทำให้เขามีความใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งต้องสร้างธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความหอมให้ได้ แต่เขาก็ต้องเก็บความฝันนี้ไว้ เพราะหลังจากเรียนจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ที่แคนาดา วรวิทย์ก็ไปแสวงหาโอกาสท้าทายในสหรัฐอเมริกา ด้วยการเป็นที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการและวางกลยุทธ์ธุรกิจในบริษัทการเงินแห่งหนึ่ง  “งานหลักของผมในตอนนั้นคือเป็น specialize ด้านการไล่คนออก เพื่อ save cost ให้กับองค์กรมากที่สุด ชีวิตก็วนลูปอยู่แบบนี้ ผมกลายเป็นนิวยอร์กเกอร์ที่บ้างาน ทะเยอทะยาน ค่อนข้างไม่สุภาพกับคน แล้วก็โฟกัสเพียงแค่การเติบโตในหน้าที่การงานอย่างเดียว” วรวิทย์ให้สัมภาษณ์กับ Marketeer ไว้ วรวิทย์ทำงานหามรุ่งหามค่ำด้วยต้องการพิสูจน์ความสามารถให้องค์กรได้เห็นศักยภาพ แต่แล้วจุดหักเหครั้งใหญ่ในชีวิตก็มาถึง เมื่อเกิดเหตุการณ์วินาศกรรมช็อคโลก วันที่ 11 กันยายน ปี 2544 ตอนนั้นวรวิทย์ประชุมงานอยู่ที่ชั้น 5 ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ซึ่งถูกเครื่องบินพุ่งชน แม้จะตกใจอย่างหนัก แต่เขาก็ประคองสติเอาตัวรอดออกมาท่ามกลางกลุ่มควันทึบ เสี้ยวนาทีเฉียดตายครั้งนั้นทำให้วรวิทย์ตระหนักได้ว่าชีวิตช่างแสนสั้น และควรจะเดินหน้าทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุขอย่างแท้จริงได้แล้ว หลังเหตุการณ์ 9/11 ผ่านไปพักหนึ่ง วรวิทย์ที่สนใจสินค้าลักชัวรีเป็นทุนเดิม จึงตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทด้านการบริหารสินค้าลักชัวรีที่อิตาลี และทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับประเทศไทยในแง่การมีจุดแข็งด้านสปาและความงาม เพราะเห็นว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตได้อีกมาก ภายหลังเมื่อกลับเมืองไทย วรวิทย์ก็คิดเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง  ช่วงแรกเขามองไปที่การทำเฟอร์นิเจอร์ แต่ท้ายสุดก็ล้มเลิกความคิดไปเพราะไม่ได้สนใจธุรกิจดังกล่าวมากพอ จนวันหนึ่งเมื่อได้พูดคุยกับเพื่อนที่ทำโรงงานสกินแคร์ เขาก็คิดถึงความฝันวัยเด็กที่ชื่นชอบกลิ่นหอม และเริ่มตั้งคำถามว่าทำไมผลิตภัณฑ์สปาที่ใช้ในสปาชั้นนำของเมืองไทยถึงมีแต่แบรนด์ต่างประเทศ และถึงจะมีผลิตภัณฑ์สปาแบรนด์ไทย แต่กลับไม่มีคุณภาพมากพอทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นและยอมรับ  เมื่อความทรงจำในวัยเด็กหวนคืน บวกกับการเห็นโอกาสหอมหวานในธุรกิจผลิตภัณฑ์สปาและเครื่องหอมระดับลักชัวรี วรวิทย์จึงสร้างแบรนด์ “ปัญญ์ปุริ” ขึ้นในราวปี 2546 ชูจุดเด่นด้วยการเป็นแบรนด์ที่เปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์แห่งตะวันออก เริ่มตั้งแต่ชื่อที่หมายถึงคุณค่าอันบริสุทธิ์ที่เกิดจากภายใน สร้างความจดจำให้แบรนด์ด้วยการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติมาผลิตกลุ่มสินค้าของใช้ส่วนตัว ทั้งครีมอาบน้ำ แชมพู โลชั่น รวมทั้งสินค้าที่เป็นเครื่องหอมต่าง ๆ ช่วยสร้างความสงบและผ่อนคลาย ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เรียบหรู สอดคล้องกับความเป็นแบรนด์ที่เจาะตลาดผู้มีกำลังซื้อสูง ความที่วรวิทย์พอจะมีต้นทุนในการทำตามความฝัน และศึกษาลู่ทางการทำธุรกิจมาอย่างรอบคอบ ทำให้ปัญญ์ปุริสามารถเดินหน้าได้สวยในธุรกิจสปา ทั้งการทำธุรกิจแบบ B2C คือขายสินค้าให้ลูกค้าโดยตรง และแบบ B2B ที่ขายให้ลูกค้ากลุ่มโรงแรมและสปาชั้นนำ ซึ่งไม่เพียงแค่เจาะตลาดเมืองไทย ปัญญ์ปุริยังส่งกลิ่นหอมไกลนับสิบประเทศ มีวางขายทั้งในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี ฯลฯ ทั้งยังเป็นสินค้าที่โรงแรมระดับโลกเลือกใช้ในหลายประเทศ  เมื่อสินค้ากลุ่มบำรุงผิวหน้าเติบโตในเปอร์เซ็นต์ที่สูง วรวิทย์จึงพาปัญญ์ปุริเข้าเล่นในกลุ่มนี้มากขึ้น แม้จะมีคู่แข่งขันมากราย แต่วรวิทย์ก็สู้ด้วยการพัฒนาสินค้าดังกล่าวภายใต้คอนเซปต์ “clean beauty” ใช้ส่วนผสมที่ปราศจากสารเคมีเจือปน สอดคล้องกับเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่เน้นการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ รวมทั้งต่อยอดไปเปิดสปาเพื่อสร้างประสบการณ์ประทับใจให้ลูกค้า  การสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ให้ชัดเจน สร้างจุดเด่นของสินค้าให้เป็นที่จดจำ และการหาที่ทางในตลาดให้เจอ ทั้งหมดคือหัวใจความสำเร็จของทุกแบรนด์ รวมทั้ง “ปัญญ์ปุริ”    ที่มา https://www.prachachat.net/d-life/news-39866 https://marketeeronline.co/archives/127798 ขอบคุณภาพจากเพจ The Editors Society https://bit.ly/2H7xOKP