มนทิรา จูฑะพุทธิ: นักเขียนผู้อยู่เบื้องหลัง หนังสือประวัติชีวิตเล่มแรกและเล่มเดียวของ 'แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต' ก้าวย่างแห่งปัญญา กับเหตุผลของการพิมพ์ครั้งที่ 5

มนทิรา จูฑะพุทธิ: นักเขียนผู้อยู่เบื้องหลัง หนังสือประวัติชีวิตเล่มแรกและเล่มเดียวของ 'แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต' ก้าวย่างแห่งปัญญา กับเหตุผลของการพิมพ์ครั้งที่ 5
ในทุกวันที่ 8 มีนาคมของทุกปี คือวัน 'สตรีสากล'  สะท้อนให้เห็นความสำคัญ และการให้เกียรติสตรี ว่าเป็นเพศที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้ชาย  วันนี้ในอดีตถูกตั้งขึ้นจากผลสำเร็จของการเรียกร้องสิทธิของสตรีให้เป็นที่ยอมรับ และปัจจุบันนี้สตรีก็สามารถ คิด อ่าน ทำงาน ได้ไม่แพ้บุรุษเช่นกัน 'มนทิรา จูฑะพุทธิ' หรือที่หลายคนรู้จักและเรียกเธอว่า 'พี่อ้อย' อีกหนึ่งผู้หญิงทำงาน ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของงานเขียน เธอใช้ความสามารถในการเขียนของเธอ เปิดมุมมองใหม่ ๆ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน จากผู้หญิงทำงาน และใช้เวลาว่าง นำประสบการณ์การเดินทาง การพบปะผู้คน มาเขียนเป็นหนังสือ โดยในตอนแรกเธอให้คำนิยามตัวเองว่าเป็น 'คนเขียนหนังสือ'  แต่ ณ วันนี้ เธอบอกว่าเธอกำลังก้าวสู่การเป็น 'นักเขียน' เพราะนิยามของคำว่านักเขียนของเธอ คือ จะต้องทำสิ่งนั้นอย่างจริงจัง มีความชำนาญ และความเชี่ยวชาญ มนทิรา จูฑะพุทธิ: นักเขียนผู้อยู่เบื้องหลัง หนังสือประวัติชีวิตเล่มแรกและเล่มเดียวของ 'แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต' ก้าวย่างแห่งปัญญา กับเหตุผลของการพิมพ์ครั้งที่ 5 ในชีวิตการทำงาน พี่อ้อย เริ่มงานจากการเป็นนักสัมภาษณ์ จนเป็นบรรณาธิการบริหาร นิตยสารแพรวสุดสัปดาห์ จากนั้นรับตำแหน่งเป็นบรรณาธิการอำนวยการนิตยสารหัวนอก Women & Home  และอีกหลายงานที่เธอได้ทำมาตลอด จนตำแหน่งล่าสุดก่อนที่จะเกษียณอายุการทำงานในต้นเดือนมีนาคม 2565  นี้ คือ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชน ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พี่อ้อยมีผลงานการเขียนหนังสือมามากกว่า 10 เล่ม ในที่นี้มีหนังสือชีวประวัติบุคคลเพียง 2 คนเท่านั้น และจากนี้ไปจะไม่เขียนเกี่ยวกับชีวประวัติใครอีกแล้ว ซึ่งเรื่องแรกคือ ประวัติชีวิตของพี่นก นิรมล เมธีสุวกุล ซึ่งกระแสตอบรับดีมากจนมีคนติดต่อเข้ามาให้เธอเขียนชีวประวัติเยอะมาก แต่เธอก็ไม่ได้ตอบรับ  และเรื่องที่สองซึ่งมีผู้ติดตามอ่านจำนวนมากคือ ชีวประวัติ 'แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ก้าวย่างแห่งปัญญา' ซึ่งพี่อ้อยใช้เวลาเก็บข้อมูล และร่วมเดินทางติดตามการทำงานของท่านแม่ชี รวมแล้วกว่า 10 ปี กว่าจะเป็นหนังสือเล่มนี้ โดยจัดพิมพ์ครั้งแรก เมื่อปี 2548 และพิมพ์ซ้ำอีกรวมเป็น 4 ครั้ง และหากนับรวมกับเวลาที่เธอได้ทำงานรับใช้ท่านแม่ชี ตั้งแต่พบกันครั้งแรกจนถึงวันที่ท่านละสังขาร รวมแล้วประมาณ 26 ปี   มนทิรา จูฑะพุทธิ: นักเขียนผู้อยู่เบื้องหลัง หนังสือประวัติชีวิตเล่มแรกและเล่มเดียวของ 'แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต' ก้าวย่างแห่งปัญญา กับเหตุผลของการพิมพ์ครั้งที่ 5 มนทิรา จูฑะพุทธิ: นักเขียนผู้อยู่เบื้องหลัง หนังสือประวัติชีวิตเล่มแรกและเล่มเดียวของ 'แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต' ก้าวย่างแห่งปัญญา กับเหตุผลของการพิมพ์ครั้งที่ 5 “การเขียนประวัติชีวิตบุคคลไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะหนังสือเล่มนี้ ยากกว่าการเขียนหนังสือเล่มก่อน ๆ ที่ผ่านมา พี่เก็บข้อมูลนานถึง 5 ปี สัมภาษณ์ท่านแม่ชีและเดินทางติดตามท่านอีกกว่า 5 ปีทั้งในประเทศและต่างประเทศ สัมภาษณ์คนใกล้ชิดท่านเป็นสิบคน เข้าห้องสมุดเพื่อค้นไมโครฟิล์ม ท่านอ่านต้นฉบับและแก้ไขทุกตอนอย่างละเอียด ท่านเลือกรูปทุกรูปด้วยตัวท่านเอง ซึ่งเป็นภาพในอดีตที่หายาก เกือบ 200 รูปในหนังสือเล่มนี้ การเขียนชีวประวัติของแม่ชีศันสนีย์ เพราะมีความรักและศรัทธาในตัวท่าน การดำเนินชีวิตของท่านเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า... ศักยภาพสูงสุดของการเกิดมาเป็นมนุษย์ คือการพัฒนาตนเองสู่การพ้นทุกข์ นี้น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนร่วมทุกข์ทุกคนได้ก้าวเดินตามด้วยความมั่นใจ ด้วยก้าวย่างแห่งปัญญา” พี่อ้อย กล่าวว่า แม้ท่านแม่ชีจะละกายสังขารแล้ว แต่คำสอนและงานของท่านยังคงอยู่ สำหรับตัวเธอเองแล้วก็คงจะทำงานถวายท่านเหมือนเมื่อครั้งท่านยังอยู่ หนึ่งในงานที่ตั้งใจทำเพื่อแสดงความกตัญญุตาอาลัยรักอย่างสุดซึ้ง ก็คือการจัดพิมพ์หนังสือประวัติชีวิตของท่านอีกครั้งเป็นครั้งที่ 5 โดยยังคงขนาดรูปเล่ม หน้าปกและเนื้อหาทั้งหมดเหมือนฉบับพิมพ์ครั้งแรกทุกประการ เพราะหนังสือเล่มนี้คือหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของท่านที่ควรค่าแก่การศึกษาและเป็นแบบอย่าง มนทิรา จูฑะพุทธิ: นักเขียนผู้อยู่เบื้องหลัง หนังสือประวัติชีวิตเล่มแรกและเล่มเดียวของ 'แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต' ก้าวย่างแห่งปัญญา กับเหตุผลของการพิมพ์ครั้งที่ 5   ในหนังสือเล่มนี้ได้นำเสนอชีวิตท่าน เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า...ไม่ว่าอดีตจะเป็นเช่นไร หากเราสามารถเลือกดำเนินชีวิตอยู่บนหนทางแห่งความถูกต้องและดีงามได้ เพราะอดีตไม่สำคัญเท่าปัจจุบัน และอนาคตก็ขึ้นอยู่กับการกระทำในปัจจุบันเป็นสำคัญ “คนส่วนมากมักจะ “เป็น” ทุกข์ มีเพียงส่วนน้อยที่ “เห็น” ทุกข์ ระหว่าง “การเป็น” ไปสู่ “การเห็น” คือ “ก้าวย่างแห่งปัญญา” รายได้จากการจำหน่ายหนังสือเล่มนี้ หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว จะมอบให้ 2 มูลนิธิ คือ “มูลนิธิเสถียรธรรมสถาน” เพื่อดำเนินการจัดสร้างองค์พระอารยตารามหาโพธิสัตว์ ณ หุบเขาโพธิสัตว์ อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เพื่อสืบสานปณิธานของท่านแม่ชี และ “ศิริราชมูลนิธิ เพื่อผู้ป่วยมะเร็งยากไร้”   โดยหนังสือเล่มนี้จะวางจำหน่ายทั่วประเทศ และจะขายออนไลน์ ผ่านเพจ wow : walk of wisdom (www.facebook.com/wow:walkofwisdom) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเพจใหม่ที่ พี่อ้อย ตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อนำเสนอเนื้อหาที่เป็นความสุขและเป็นปัญญา  โดยจะนำเสนอคอนเทนต์หลัก คือ ก้าวย่างแห่งปัญญา เรื่องราวที่ไม่ค่อยมีคนรู้เกี่ยวกับท่านแม่ชี คำถาม-คำตอบที่สงสัยเกี่ยวกับชีวิต งาน ความรัก ความจากพราก และอีกหลายเรื่องราวที่เป็นการเดินทางแบบ spiritual journey หากถามว่าทำไม่ต้องซื้อหนังสือเล่มนี้ ก็อยากจะตอบว่า หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มแรกและเล่มเดียวที่บอกเล่าชีวิตของท่านแม่ชีอย่างละเอียด ตั้งแต่วัยเด็ก วัยสาว วัยทำงาน มีความรัก การตัดสินใจออกบวช และเผยแผ่ธรรมะ โดยเฉพาะในเรื่องของความรักนั้น เรื่องของท่านแม่ชีเป็น รักแรก รักเดียว รักสุดท้าย  และรักนิรันดร เป็นความรักที่อยู่เหนือเงื่อนไขของความเห็นแก่ตัว เป็นความรักแบบพุทธศาสนาที่เต็มไปด้วยปัญญา ซึ่งความรักแบบนี้จะทำให้พ้นทุกข์ มนทิรา จูฑะพุทธิ: นักเขียนผู้อยู่เบื้องหลัง หนังสือประวัติชีวิตเล่มแรกและเล่มเดียวของ 'แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต' ก้าวย่างแห่งปัญญา กับเหตุผลของการพิมพ์ครั้งที่ 5 การจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นของการแสดงความกตัญญุตาอาลัยรัก และการสืบสานปณิธานของท่านแม่ชี “เพราะยังมีอีกหลายงานที่ท่านเคยสั่งและมอบหมายไว้ ซึ่งจะทำให้ดีที่สุด โดยใช้ความสามารถของเราที่มีอยู่ บวกกับการสนับสนุนของภาคีเครือข่ายในภาคส่วนอื่น ๆ เพื่อสานต่อการทำงานของท่านให้สำเร็จ” ซึ่งเร็ว ๆ นี้มีความเป็นไปได้ที่จะนำข้อมูลประวัติชีวิตของท่านแม่ชีจากหนังสือเล่มนี้ ไปขยายผลสร้างเป็นสารคดีประวัติชีวิต เผยแพร่ผ่านโทรทัศน์ รวมถึงงานอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะพึงทำถวายท่านแม่ชี เพื่อสืบสานปณิธานของท่าน ส่วนผลงานอื่น ๆ ของพี่อ้อยนอกจาก 2 เล่มตามที่กล่าวมา จะเป็นหนังสือเกี่ยวกับการเดินทาง เพราะการเป็นบรรณาธิการนิตยสาร จึงมีโอกาสได้เดินทางไปยังดินแดน หรือแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ กอปรกับส่วนตัวเป็นคนชอบเดินทางท่องเที่ยว จึงเก็บเกี่ยวสิ่งที่พบเห็น และมุมมองที่ได้สัมผัสในช่วงเวลาของการเดินทาง มาบอกเล่าผ่านตัวหนังสือ เช่น เรื่อง “ภูฏาน ความสุข พุทธศาสนา และลามะน้อยผู้กลับชาติมาเกิด” เรื่อง “เอธิโอปีย ใบหน้า (ด้านที่ไม่) ถูกแผดเผา” หรือจะเป็นเรื่อง “เดินเล่น : ญี่ปุ่น 3 ฤดู” นำเสนอญี่ปุ่นในมุมมองของนักเดินทางสายรักธรรมชาติ รักศิลปะ และรักการกินอาหารท้องถิ่น เรื่อง “เดินเล่น : รัฐฉาน (ยังไม่) สิ้นแสงฉาน ชวนเที่ยวรัฐฉานซึ่งเป็นเมืองที่ชอบเป็นการส่วนตัว มนทิรา จูฑะพุทธิ: นักเขียนผู้อยู่เบื้องหลัง หนังสือประวัติชีวิตเล่มแรกและเล่มเดียวของ 'แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต' ก้าวย่างแห่งปัญญา กับเหตุผลของการพิมพ์ครั้งที่ 5 นอกจากไปครั้งแรกกับมูลนิธิการศึกษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และยังมีโอกาสเดินทางไปเองอีกบ่อยครั้ง  และรู้สึกว่าผู้คนยังไม่ค่อยรู้จักรัฐฉาน ก็เลยอยากเขียนถึง และเลือกเขียนเฉพาะเรื่องที่เราสนใจ ไม่เน้นประวัติศาสตร์มาก เราเขียนแยกเป็นบทๆ ในลักษณะชวนเดินเล่น ซึ่งทั้งเรื่องเดินเล่น ญี่ปุ่น 3 ฤดู และเรื่องเดินเล่น รัฐฉาน ปัจจุบันขายอยู่ในเพจ A Walk (www.facebook.com/awalkinth) ซึ่งเป็นเพจที่พี่อ้อยตั้งขึ้นเพื่อขายหนังสือทั่วเองเขียนขึ้นจากประสบการณ์การเดินทางของตัวเอง โดยจะเก็บสิ่งเล็ก มุมน้อย ที่คนอื่นอาจมองข้ามไป มานำเสนอ อย่างมีสาระ และแง่คิดในแบบของตัวเธอ เป็นเสมือนการแชร์ความคิด ให้ผู้ที่คิดเหมือน และคิดต่าง ได้มาอ่านดู  “หนังสือที่พี่อ้อยเขียนทุกเล่ม จากที่มีเสียงตอบรับจากผู้อ่าน และผู้ที่ติดตาม โดยส่วนใหญ่จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นคนที่เขียนหนังสือสนุก น่าอ่าน มีข้อคิด คำคม ที่สร้างแรงบันดาลใจ ซึ่งถือเป็นคำชม ทำให้คนเขียนมีกำลังใจ” พี่อ้อย ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ทุกงานเขียนของเธอ เกิดจากความตั้งใจ และใส่ใจกับงานเขียน และอยากให้ผู้อ่านได้สนุกแถมได้สาระจากการอ่าน โดยเฉพาะหนังสือ “แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ก้าวย่างแห่งปัญญา” กับการจัดพิมพ์ครั้งที่ 5 นี้   เพราะเห็นแล้วว่าแม้ท่านจะละกายสังขารไปแล้ว แต่มรดกธรรมของท่านแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต จะไม่มีวันตาย