มิสซี่ - We Can Be Heroes : แม้จะเป็นเด็กไร้ซึ่งพลังวิเศษ ก็ดูแลโลกได้ 

มิสซี่ - We Can Be Heroes : แม้จะเป็นเด็กไร้ซึ่งพลังวิเศษ ก็ดูแลโลกได้ 
ทีมฮีโรอิกส์ ผู้ไม่เคยพ่ายแพ้ ต้องมาเสียท่าให้กับเอเลี่ยนที่มาบุกโลกจนถูกจับตัวไปทั้งหมด แล้วใครล่ะที่จะมาช่วยเหลือโลกใบนี้ต่อไป ฮีโรรุ่นใหม่จึงได้ถือกำเนิดขึ้น We Can Be Heroes หรือชื่อภาษาไทย รวมพลังเด็กพันธุ์แกร่ง ภาพยนตร์แอคชันคอมเมดี้ที่ทาง Netflix ทุ่มทุนในการสร้างอีกเรื่องหนึ่ง โดยได้โรเบิร์ต โรดริเกซ จาก Spy Kids และ The Adventures of Sharkboy and Lavagirl มากำกับและเขียนบท  ซึ่งผู้กำกับของเรายังนำตัวละครอย่างชาร์คบอยและลาวาเกิร์ลกลับมาคืนจอนิด ๆ หน่อย ๆ ให้หายคิดถึงกันในเวอร์ชันแต่งงานและมีลูกแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยความแสบของผู้กำกับ เนื้อเรื่องที่ออกมายังมีการล้อเลียนตัวละครฮีโรจากฝั่ง DC Comics และประโยคพูดเหน็บแนมถึงการต่อสู้และการแต่งกายแทรกอยู่ พร้อมทั้งการแอบจิกกัดเบา ๆ ต่อผู้ที่มีอำนาจในมือ แต่ไม่สามารถคิดที่จะนำมันมาแก้ไขปัญหาได้ เป็นการสร้างสีสันในเรื่องได้อย่างน่าขบขัน   / บทความต่อไปนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาภาพยนตร์ We Can Be Heroes (2020) /   เมื่อเหล่าซูเปอร์ฮีโรถูกนัดรวมพลครั้งใหญ่ เพื่อต่อสู้ยับยั้งกองทัพยานมนุษย์ต่างดาวนอกอวกาศที่กำลังเคลื่อนมายังโลก เพื่อความปลอดภัย ลูก ๆ ของพวกเขาจึงถูกนำตัวมาที่กองบัญชาการฮีโรอิกส์ ระหว่างที่พ่อแม่ออกไปเผชิญกับเอเลี่ยน “หนูเข้ากับใครไม่ได้ หนูไม่เหมาะกับที่นี่ หนูแตกต่างจากพวกเขาทุกคน” ความคิดของ ‘มิสซี่ โมเรโน่’ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องมาอยู่ร่วมกับลูกของเหล่าฮีโรคนอื่น ๆ ที่มีพลังวิเศษอย่าง ‘ล้อเลื่อน’ อัจฉริยะทางเทคโนโลยี ‘บะหมี่’ ร่างกายยืดและหมุนเป็นเกลียวได้ ‘โอโฮ’ วาดภาพอนาคต ‘อะคาเปลลา’ ร้องเพลงได้ในระดับเสียงไม่ธรรมดา เช่น เสียงที่ต่ำมากจนสามารถทำให้สิ่งของนั้นลอยได้ ‘สโลโม’ ที่มีการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า ‘นักแปลงหน้า’ ที่สามารถแปลงหน้าเป็นใครก็ได้ ‘ย้อนเวลาและเร่งเวลา’ ฝาแฝดที่แก้ไขเวลาได้ ‘ลูกปลา’ สามารถควบคุมน้ำได้ ‘ไวลด์การ์ด’ ผู้ที่มีพลังวิเศษทุกอย่างที่จะมีบนโลกนี้ ถึงแม้จะควบคุมพลังยังไม่ค่อยได้ก็ตาม แต่มีเพียงมิสซี่คนเดียวเท่านั้นที่ไม่มีพลังวิเศษ เธอถูกถามอยู่เสมอว่าทำไมเธอนั้นไม่มีพลังวิเศษอย่างคนอื่น ทั้งที่มีพ่อเป็นถึงมาร์คัส โมเรโน่ ผู้นำของฮีโรอิกส์ และคุณย่าอะนิต้า โมเรโน่ ครูฝึกของเหล่าฮีโรอิกส์ สิ่งนี้มันคอยตอกย้ำเธอ จนทำให้เธอคิดว่าตัวเองแปลกแยก ไม่ว่าจะทั้งในมุมของเด็กธรรมดา หรือเด็กที่มีพลังวิเศษ มันจึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ส่งผลให้เธอไม่มีเพื่อน  แต่แล้ววันที่ซูเปอร์ฮีโรพ่ายแพ้และถูกจับตัวไปให้กับเอเลี่ยนจากดาวเคราะห์โอกิม่าที่จะเข้ามายึดครองโลกอีกภายใน 3 ชั่วโมง มิสซี่กลับถูกเลือกให้ต้องมาเป็นหัวหน้าทีมเด็ก ๆ ที่มีพลังวิเศษไปช่วยโลกและพ่อแม่ของพวกเขาซะอย่างงั้น   ไร้ซึ่งความมั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ “หลานคงไม่ได้คาดหวังว่าจะสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกใช่ไหม”  “หนูไม่มีทางทำได้หรอกค่ะ ต่อให้ลองอีกเป็นล้านครั้งก็ไม่ได้ เพราะหนูมันไร้ประโยชน์” คำพูดและการกระทำของใครหลาย ๆ คนที่บอกว่าเธอนั้นไม่เก่งแถมยังไร้พลัง ถูกปลูกฝังอยู่ภายในหัวใจของมิสซี่ เธอจึงรู้สึกกับตัวเองว่ายังไงซะเธอก็ไม่สามารถเป็นหัวหน้าทีมพาทุกคนไปทำภารกิจได้สำเร็จแน่นอน  คุณย่าเลยถามมิสซี่ว่า “รู้ไหมว่าใครคือซูเปอร์ฮีโรที่เก่งที่สุด” ซึ่งคำตอบที่ได้รับกลับมาไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโรในฮีโรอิกส์คนใดเลย แต่กลายเป็นแม่ของเธอเองที่เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น และคุณย่าก็เชื่อมั่นในตัวเธอว่า ยังไงเธอเองก็จะทำได้ มิสซี่ได้ยินเช่นนั้นก็มีกำลังใจที่จะลองฮึดสู้อีกสักครั้ง   การทำภารกิจได้เริ่มต้น มิสซี่เริ่มคิดแผนการต่าง ๆ ที่จะขึ้นไปบนยานอวกาศของเอเลี่ยนเพื่อหยุดการยึดครองโลกของพวกมัน การต่อสู้จึงได้เริ่มขึ้น ซึ่งวิธีการกลับแตกต่างจากพ่อแม่ของพวกเขาอย่างสิ้นเชิงที่มัวแต่สู้กันเอง ทะเลาะกันเอง มีความทะนงว่าตนเองสำคัญมากกว่าคนอื่นในทีม ซึ่งการกระทำและความคิดเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับหัวหน้าอย่างมิสซี่ “อาวุธลับของพวกเราคือความสามัคคี การอยู่คนเดียว พลังของเราก็พิเศษ แต่เมื่อเราอยู่รวมกันจะไม่มีใครมาขัดขวางเราได้”  เมื่อต้องประจันหน้ากับเหล่าเอเลี่ยน ในขณะที่เด็กคนอื่นกำลังกังวลว่าจะต่อสู้กับพวกมันยังไง มิสซี่ก็ได้พูดถึงอาวุธลับของทีม ที่ไม่ใช่เพียงคนใดคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้ แต่พวกเขาต่อสู้ไปพร้อมกัน สุดท้ายพวกเขาก็สามารถเอาชนะเหล่าเอเลี่ยนได้อย่างสวยงาม แล้วเดินหน้ายุติการยึดครองโลกต่อไป นอกจากความสามัคคี มิสซี่ยังทำให้คนในทีมเห็นถึงศักยภาพของตนเองและพร้อมให้กำลังใจ แถมเธอยังแสดงออกถึงความเชื่อมั่นว่าทุกคนในทีมทำได้  “เราต้องการความร้อน” ไวลด์การ์ดรีบเสนอตัวว่าตนเองสามารถทำความร้อนได้ เขาพยายามที่จะเสกไฟขึ้นมา แต่ไม่เป็นไปตามคาด ตัวเขาเองกลายเป็นเตาปิ้งขนมปังแทน ไวลด์การ์ดมองว่ามันคือเรื่องน่าอายแทนที่จะต้องเท่ระเบิด แต่มิสซี่กลับบอกเขาว่า  “เมื่อกี้นายทำได้ดีนะ”  “ที่ฉันกลายเป็นที่ปิ้งขนมปังเนี่ยนะ” “แต่มันก็ให้ความร้อนได้เหมือนกันไม่ใช่หรอ” มิสซี่ทำให้ไวลด์การ์ดเริ่มมองเห็นและคิดได้ว่าที่เขายังควบคุมพลังไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาเขาพยายามพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าเขาเก่งขนาดไหน และต้องการเป็นที่ยอมรับจากใครหลาย ๆ คน มองเพียงว่าคนอื่นจะคิดกับตัวเองอย่างไร จนหลงลืมมองความคิดของตัวเองที่อาจจะเป็นคำตอบของความผิดพลาดบางอย่างซึ่งกำลังขัดขวางการพัฒนาของเขา หลังจากนั้นไวลด์การ์ดจึงฟังเสียงของตัวเองและเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น   ลงมือทำมากกว่าออกคำสั่ง ในสถานการณ์ตึงเครียดที่มิสซี่ต้องเลือกว่าจะให้ใครออกไปเสี่ยงเดินไต่แขนบะหมี่ที่ทำเหมือนเชือกเส้นเดียวล่อเอเลี่ยนไปตรงกลางเพื่อที่จะทำให้มันตกลงไปในหลุมของยาน ผลสุดท้ายการตัดสินใจของเธอก็คือการออกไปเสี่ยงด้วยตนเอง แม้ตอนที่ฝึกซ้อมการเดินทรงตัวของเธอนั้นมันไม่ได้สมบูรณ์แบบเลยก็ตาม การเป็นหัวหน้าของเด็กธรรมดาคนนี้จึงทำให้เห็นว่า การเป็นผู้นำที่ดีควรเป็นอย่างไร ซึ่งไม่ใช่แค่คนที่วางแผนและคอยออกคำสั่งหรือใช้อำนาจเท่านั้น แม้สิ่งที่มิสซี่กำลังลงมือทำมันอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ถนัด กลัว หรือกังวลอยู่ แต่เธอก็เลือกที่จะทำมันด้วยตนเอง เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้เดินทางมาถึงจุดจบ เนื้อเรื่องกลับไม่ใช่การแพ้หรือชนะเอเลี่ยนเหมือนอย่างภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่อื่น ๆ แต่กลับหักมุมโดยเปลี่ยนคำว่า ‘การยึดครอง’ ของเอเลี่ยนมาเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อ ‘การรับช่วงต่อ’ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพียงบทพิสูจน์ถึงการแก้ไขปัญหาและเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตให้กับเด็ก ๆ ซึ่งโอโฮผู้นำจากดาวเคราะห์โอกิม่าที่แฝงตัวอยู่ในทีมของมิสซี่มองว่า ถึงเวลาแล้วที่โลกต้องเปิดกว้างในการพัฒนามากกว่ารูปแบบเดิม และเด็ก ๆ ผู้กำลังเติบโตนี่แหละที่จะมาแก้ไขปัญหาของโลกต่อไป การเข้ามาของเหล่าเอเลี่ยนในครั้งนี้จึงมาเพื่อฝึกฝนการรับมือ พร้อมทั้งทำให้ฮีโรรุ่นเดิมวางใจและเห็นว่าเด็ก ๆ อย่างมิสซี่และเพื่อน ๆ ทำได้ ถ้าได้รับการสนับสนุนและโอกาสที่มากพอ เพราะ “คนรุ่นต่อไปคือการพัฒนาจากคนรุ่นก่อนเสมอ” ผู้กำกับอย่างโรเบิร์ต ไม่เพียงถ่ายทอดความสนุกสนานผ่านภาพยนตร์ หากเขาได้สะท้อนคำถามกลับไปหาผู้ใหญ่ว่า ถึงเวลาหรือยังที่จะเปิดโอกาสให้กับเด็กหรือคนรุ่นใหม่ได้ขึ้นมามีส่วนร่วมในการดูแลโลก หรือมีบทบาทสำคัญในการทำสิ่งต่าง ๆ เพื่ออนาคตข้างหน้าของพวกเขา รวมทั้งได้เรียนรู้ ต่อยอด หรือเพิ่มเติมแนวคิดใหม่ ๆ เข้าไปจากคนรุ่นก่อนเพื่อการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งไม่จำเป็นเลยที่เด็กรุ่นใหม่คนนั้นจะต้องมีสิ่งวิเศษหรือเก่งเหนือกว่าใคร แต่เขาก็สามารถเป็นคนที่จะดูแลพัฒนาโลกได้ อีกทั้งยังเป็นผู้นำที่ดีได้ไม่น้อยไปกว่าผู้ใหญ่เลย ไม่เพียงเท่านั้น ตัวละครมิสซี่ยังสร้างแรงบันดาลใจที่ทำให้ผู้ชมเห็นว่า เราไม่ต้องมีความแข็งแกร่งกว่าใคร ไม่ต้องมีพลังวิเศษหรือเวทมนตร์ แต่ถ้าเรามีความคิด ความกล้า และความเชื่อมั่น เราก็สามารถเป็นฮีโรได้เฉกเช่นท่อนหนึ่งในเพลง heroes ที่อะคาเปลลาร้องให้กับมิสซี่ว่า ‘We can be heroes, just for one day’ ‘พวกเราเป็นฮีโรได้ แม้เพียงแค่วันเดียว’ และนับว่าเป็นข่าวดีสำหรับคอภาพยนตร์สไตล์นี้อีกครั้ง เมื่อโรเบิร์ต โรดริเกซ ได้ออกมาโพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวถึงกระแสตอบรับภาพยนตร์ของเขาว่า มี 44 ล้านครอบครัวที่ดูภาพยนตร์ We Can Be Heroes ภายในเวลา 4 สัปดาห์แรก ทำให้ตอนนี้เขากำลังจะมีภาคสองให้ผู้ชมได้ติดตามและเตรียมพร้อมผจญภัยไปกับเหล่าฮีโรรุ่นใหม่กันอีกครั้ง   เรื่อง: ภัคจีรา ทองทุม   ที่มา https://www.netflix.com/title/80994666?s=a&trkid=13747225&t=cp https://twitter.com/rodriguez/status/1346220007907160064?s=21