15 มี.ค. 2564 | 11:31 น.
เวนดี้ Red Velvet : นักร้องเสียงสวรรค์ที่จะคอยอยู่เคียงข้างเรเวลัฟเสมอ
หญิงสาวร่างเล็กกับรอยยิ้มหวาน ๆ มีเอเนอร์จี้สูงและคารมดีมาพร้อมกับเสียงสูงอันทรงพลังราวกับถูกส่งมาจากสวรรค์ ทั้งหมดนี้คือจุดเด่นของนักร้องสาวนามว่าเวนดี้ หรือชื่อเกาหลีว่า ‘ซน ซึงวาน’ (Shon Seung-wan) จาก ‘Red Velvet’ เกิร์ลกรุปมากคุณภาพจากเกาหลีใต้ที่คอยสร้างความสุขให้กับ ‘เรเวลัฟ’ (ReVeluv) หรือ ‘ลัฟวี่’ (Luvies) ชื่อแฟนคลับของ Red Velvet ทั่วโลกได้เสมอ สมกับคำทักทายของพวกเธอว่า ‘happiness
แต่ก่อนหน้าที่เวนดี้จะทำความฝันเป็นจริงภายใต้ชื่อ Red Velvet และประสบความสำเร็จมากมายจนถูกหลาย ๆ คนเรียกว่าเป็นนักร้องเสียงสวรรค์อย่างในทุกวันนี้ เธอต้องผ่านความโดดเดี่ยวจากการใช้ชีวิตในต่างแดน การฝึกร้อง ฝึกเต้น การลดน้ำหนัก และเสียน้ำตาอีกหลายต่อหลายครั้งในวันที่เธอยังเป็นเด็กฝึกหัด
ตรงกลางระหว่างนักเรียนกับนักร้อง
ย้อนกลับไปในวัยเด็กของเด็กหญิงซึงวาน ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 (fifth year of elementary) ที่เด็กหญิงต้องเก็บกระเป๋าและออกเดินทางไกลครั้งแรก ในการเดินทางครั้งนี้ เวนดี้มีจุดหมายที่แคนาดา เด็กหญิงต้องเก็บกระเป๋าและขึ้นเครื่องบินลัดน่านฟ้าเพื่อใช้เวลาในคืนและวันถัด ๆ ไปของเธอที่นั่น
ความกลัวแล่นเข้าจับหัวใจซึงวานตั้งแต่สองเท้ายังไม่สัมผัสแผ่นดินต่างแดน เด็กน้อยตระหนักได้บนเครื่องบินลำใหญ่นั่นเองว่า ที่แคนาดาเธอต้องเริ่มทุกอย่างใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษาอังกฤษที่เธอไม่มีพื้นฐาน หรือเรื่องครอบครัวและเพื่อน ที่เธอต้องห่างจากพวกเขาเป็นครั้งแรก
หนูน้อยซึงวานเริ่มต้นในแคนาดาได้ไม่ดีนัก แต่ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนใหม่ชาวเอเชีย และการใช้ภาษามืออยู่ระยะหนึ่ง เด็กน้อยจึงเริ่มปรับตัวในโลกใบใหม่ได้ และเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี เธอก็มีความกล้ามากพอที่จะย้ายที่อยู่อีกครั้ง คราวนี้อเมริกาคือตัวเลือกแรกของเธอ
ซึงวานหรือเวนดี้ย้ายไปเรียนที่อเมริกา ผลการเรียนของเธอนั้นจัดอยู่ในระดับดีมาก การันตีด้วยเกรด A มากมายที่เรียงรายอยู่ในใบเกรด เวนดี้ได้รับ ‘President’s Award for Educational’ ในปี 2009 พร้อมด้วยลายเซ็นของ ‘บารัค โอบามา’ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลานั้นที่คล้ายจะเป็นใบยืนยันกับเธอว่าความพยายามของเธอไม่สูญเปล่า
นอกความความฝักใฝ่ในเรื่องการเรียนแล้ว เวนดี้ยังสนใจเรื่องการร้องเพลงอีกด้วย เธอเข้าร่วมการแสดงของคณะนักร้องประสานเสียง พร้อมด้วยทักษะการเล่นกีตาร์ เปียโน และแซกโซโฟนที่ทำได้ดีไม่น้อยของเธอ ทำให้เวนดี้ในขณะนั้นราวกับกำลังยืนอยู่ตรงกลางระหว่างสองสิ่งที่เธอรัก ‘จะเป็นนักเรียนหรือนักร้อง’ คือคำถามที่เล่นวนในใจเธออยู่นานก่อนถึงวันที่เธอต้องตัดสินใจ
ด้วยความรักในเส้นทางสายดนตรีที่ก่อตัวตั้งแต่ 6 ขวบ สุดท้ายแล้วเวนดี้ก็เลือกทางเดินให้ตัวเองได้ เวนดี้ตัดสินใจว่าเธอจะกลับบ้านเพราะเธออยากเป็นนักร้องที่เกาหลี
หลังจากถูก ‘Cube Entertainment’ ปฏิเสธในรอบคัดเลือก เวนดี้ลุกขึ้นสู้อีกครั้งด้วยการเข้าร่วมออดิชันกับ ‘SM Entertainment’ เมื่อปี 2012 และนับจากวันนั้นเองที่เธอถูกจัดเลือกให้เข้าร่วมกับ SM ในฐานะเด็กฝึกหัด
คำว่ายอมแพ้ไม่มีในพจนานุกรมของเวนดี้
คำว่าง่ายไม่มีในการเป็นเทรนนีของ SM เวนดี้ต้องฝึกการร้อง การเต้นอย่างหนักหน่วง และการไดเอทอย่างเข้มงวดที่สร้างความเครียดให้สาว ๆ เด็กฝึกหัดอยู่เสมอ ในช่วงเวลาเหล่านั้น เวนดี้ได้คุณแม่ของเธอเป็นกำลังใจสำคัญ ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยมากแค่ไหน ท้อมากแค่ไหน แต่เวนดี้ก็ไม่ยอมแพ้ และยังทำงานหนักต่อไปเพื่อสักวันหนึ่งจะได้เดบิวต์เป็นนักร้องตามที่เคยฝันไว้
เวลาผ่านไปเกือบ 2 ปี ในที่สุด ไอรีน ซึลกิ จอย และเวนดี้ ทั้งสี่สาวได้เดบิวต์ในฐานะ ‘Red Velvet’ ผ่านบทเพลง ‘Happiness’ หลังจากนั้นวงนี้ก็ได้สมาชิกใหม่อย่างเยริ มักเน่ (น้องเล็ก) เข้ามาเสริมให้เกิร์ลกรุปจากเกาหลีวงนี้มีความหลากหลายและครบเครื่องมากยิ่งขึ้น ผ่าน ‘Ice Cream Cake’ เพลงจังหวะสนุกที่อัดแน่นไปด้วยความหวานจากเสียงร้องและการแต่งตัวแบบไอศกรีมตรงตามชื่อเพลง
การเดินบนเส้นทางที่รอคอย
Red Velvet กลายเป็นที่จับตามองทั้งในและนอกเกาหลี ด้วยคอนเซปต์เพลงที่ใส่ความเป็น ‘horror movie’ ลงไปในหลาย music video ยกตัวอย่างเช่น Dumb Dumb, Peek-A-Boo, Russian Roulette, Badboy และ Really Bad Boy ที่ได้สร้างความแปลกใหม่และน่าสนใจให้กับวงการไม่น้อย การปล่อยสลับกับเพลงแนวน่ารักสดใสอย่าง Power Up, Red Flavor และ Umpah Umpah ก็ยิ่งทำให้แนวทางของ Red Velvet มีเอกลักษณ์และลูกเล่นมากมายให้ได้ชม
นอกเหนือจากผลงานในฐานะ Red Velvet แล้ว เวนดี้ยังมีผลงานอื่น ๆ ด้วย เสียงของเธอที่ถูกถ่ายทอดลงในบทเพลงอย่าง ‘Written In The Stars’, ‘Two Words’, ‘What If Love’, ‘Goodbye’ และ ‘My Day Is Full Of Love’ นั้นไพเราะทั้งเสียงต่ำที่นุ่มละมุนหู และเสียงสูงที่ทรงพลังราวนักร้องเสียงสวรรค์
ถึงแม้ว่าทั้งห้าสาวจะต้องทำงานหนักและเผชิญแรงกดดันมากมาย แต่เวนดี้จะเป็นคนที่คอยทำให้บรรยากาศภายในวงดีขึ้นด้วยความตลก เฮฮา รอยยิ้มหวาน ๆ และการคอยใส่ใจความรู้สึกของเพื่อนร่วมวงอยู่เสมอ พลังบวกของเวนดี้คือสิ่งที่เรเวลัฟคุ้นชิน คำพูดน่ารัก ๆ และการสื่อสารอย่างจริงใจมากมายที่เวนดี้มอบให้แฟนคลับของเธอผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้เธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อยในหัวใจใครหลาย ๆ คนได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร
เวนดี้ได้เดินบนเส้นทางที่เธอฝัน ทุก ๆ อย่างกำลังไปได้ด้วยดี แต่แล้วทุกอย่างก็สะดุดลง
ในวันที่ 25 ธันวาคม 2019 ผู้คนจำนวนมากกำลังเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสกันอย่างมีความสุข ส่วน Red Velvet กำลังฝึกซ้อมสำหรับการโชว์ในงาน 2019 SBS Gayo Daejeon การซ้อมกำลังดำเนินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เวนดี้ประสบอุบัติเหตุตกเวที เธอได้รับบาดเจ็บที่บริเวณกระดูกเชิงกราน ข้อมือและโหนกแก้ม เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวเรเวลัฟทั่วโลก
ฉันกลับมาแล้วนะเรเวลัฟที่รัก
เวนดี้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะกลับมาร้องเพลงให้ชาวเรเวลัฟได้ฟังโดยเร็วที่สุด หลังผ่านค่ำคืนแห่งความเจ็บปวดและอยู่โรงพยาบาลมานานหลายเดือน เธอได้กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2021 ที่ผ่านมา ใน ‘SMTOWN Live Culture Humanity’ คอนเสิร์ตแรกนับตั้งแต่เธอประสบอุบัติเหตุพร้อมกล่าวคำทักทายว่า
“สวัสดีค่ะ นี่เวนดี้เองค่ะ ยินดีที่ได้เจอกับทุกคน”
ด้วยถ้อยคำที่ดูธรรมดาอย่างนั้นเองที่ทำให้ลัฟวี่หลาย ๆ คนน้ำตารื้นด้วยความดีใจที่ได้เห็นเธอยืนบนเวทีร่วมกับสมาชิกในวงอีกครั้ง
หลังจากผ่านเรื่องราวทั้งร้ายและดีมาร่วมกับสมาชิกภายในวงและลัฟวี่ที่คอยเอาใจช่วยเธออยู่เสมอ วันที่ความฝันของเธอจะสำเร็จไปอีกขั้นก็มาถึง เมื่อ SM ค่ายต้นสังกัดของเธอประกาศว่าเวนดี้กำลังจะมีอัลบั้มเดี่ยวในเดือนเมษายน 2021 ที่น่าจะกลายเป็นอีกก้าวที่สวยงามไม่ใช่น้อยในการเดินทางบนโลกที่เต็มไปด้วยเสียงดนตรีของเธอ พร้อมด้วยการรอคอยของแฟนคลับว่า ครั้งนี้เธอจะนำ ‘happiness’ รูปแบบไหนมาให้เรเวลัฟได้รับฟังและรับชม
เรื่อง : กันต์ธวัฒน์ ตรีสัตย์
ที่มา :
