ไวซ์ไซท์ เปิด BASE33 ฐานทัพการวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียล

        ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) เบอร์หนึ่งด้านการวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลมีเดียในประเทศไทย เปิดฐานทัพใหม่ WISESIGHT BASE33 สนับสนุนการสร้างสมดุลในการทำงาน พร้อมทั้งเปิดตัวบริการใหม่ถึง 4 บริการด้วยกันได้แก่ SOCIAL SEEING การวิเคราะห์อินไซท์ด้วยรูปภาพ  COMMAND CENTER จอแสดงผลข้อมูลโซเชียลมีเดียอัพเดทตามเวลาจริงที่เกิดขึ้น INFLUENCER PERFORMANCE REPORT สำหรับใช้วัดผลอินฟลูเอนเซอร์เชิงลึกแบบรอบด้าน และ  EXCLUSIVE REPORT ที่จะรวบรวมข้อมูลต่างๆ และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจบนโซเชียลรายไตรมาสเพื่อเป็นการขอบคุณผู้ใช้บริการของไวซ์ไซท์มาอย่างต่อเนื่อง ที่จะพร้อมให้บริการตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 เป็นต้นไปสนับสนุนความต้องการของธุรกิจต่างๆในการทำความเข้าใจอินไซท์ของผู้บริโภคบนโลกโซเชียลเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

กล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงภาพรวมตลาดว่าแบรนด์มีการใช้โซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นกว่า 23% โดยไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) ดูแลลูกค้ามากกว่า 200 แบรนด์ “เราคาดการณ์ว่าในปี 2019 นี้ จะมีปริมาณข้อความบนโซเชียลมีเดียสูงถึง 6.3 พันล้านข้อความ โดยเติบโตขึ้นจากปีก่อนประมาณ 19% จึงทำให้เราเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ออกมารองรับความต้องการของตลาด เพื่อให้ธุรกิจสามารถนำไปวางกลยุทธ์ตอบโจทย์อินไซท์ของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น” นายกล้ากล่าว โดยปัจจุบันไวซ์ไซท์มีทั้งหมด 6 บริการทางเลือกสำหรับองค์กรทุกประเภท ได้แก่ ZOCIAL EYE, WARROOM, RESEARCH, CONSULTING, MONITORING และ COMMAND CENTER ในขณะเดียวกันยังมีส่วนในการสนับสนุนและส่งเสริมสังคมในอีกหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ Thailand Zocial Awards, MEET UP, WHITE PAPER, TREND และ ACADEMY

ทั้งนี้ ฐานทัพใหม่ของไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) ถูกเรียกว่า WISESIGHT BASE33 บนพื้นที่ 1,234 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็นโซนทำงาน 60% และโซนไลฟ์ 40% ซึ่งมี 4 โซนหลัก ๆ คือ BASE GROUND หรือพื้นที่ทำงาน ซึ่งเราให้ความสำคัญต่อการรักษาความลับของลูกค้า BASE ROOM หรือห้องประชุม ที่มีชื่อเรียกแต่ละห้องตามเฉดของสีแดง ซึ่งเป็นสีที่สะท้อนถึงดีเอ็นเอของไวซ์ไซท์ BASE ENTRANCE เป็นพื้นที่สำหรับต้อนรับ และ BASE PUB ที่เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อน ปาร์ตี้ ตลอดจนถึงเป็นห้องเรียนของบุคลากรในบริษัท “แนวคิดในการทำฐานทัพใหม่ในครั้งนี้ นอกเหนือจากต้องรองรับบุคลากรที่เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 200 คนแล้ว เรายังต้องการให้ฐานทัพนี้เป็นมากกว่าที่ทำงาน เราอยากให้ทุกคนใชั 1 ใน 3 ของชีวิตได้ที่นี่ นั่นคือที่มาของคอนเซ็ปต์ “Work-Life Integration” กับพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น 40% จากพื้นที่ทำงานปกติ สิ่งนี้จะทำให้การทำงานและการใช้ชีวิตสามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ โดยมีเป้าหมายว่า WISESIGHT BASE33 จะเป็นออฟฟิศที่ทำให้ทุกคนภูมิใจและมีพลังในการทำงานมากขึ้น อันเป็นหนึ่งในค่านิยม (Core Value) ของเรา นอกเหนือจากฐานทัพ WISESIGHT BASE33 ที่ประเทศไทยแล้ว ในมาเลเซียเราก็ทำฐานทัพใหม่เช่นกัน โดยใช้ชื่อว่า WISESIGHT BASE29 เพื่อพัฒนาบุคลากรให้พร้อมสำหรับการรุกตลาด APAC” นายกล้ากล่าวปิดท้าย