“หยำฉา” แห่ง Dragon Ball โดนกระทืบ โดนแย่งแฟน ตัวละครขี้แพ้ที่คนรัก

“หยำฉา” แห่ง Dragon Ball โดนกระทืบ โดนแย่งแฟน ตัวละครขี้แพ้ที่คนรัก

“หยำฉา” แห่ง Dragon Ball โดนกระทืบ โดนแย่งแฟน ตัวละครขี้แพ้ที่คนรัก เป็นตัวละครที่กลายเป็นโด่งดังมีชื่อเสียงพอ ๆ กับชื่อ Dragon Ball

ตัวละคร “หยำฉา” นี่จะว่าไปแล้วจัดว่ามีชื่อเสียงพอ ๆ กับเรื่อง Dragon Ball เลยก็ว่าได้ จัดว่าเป็นตัวละครอมตะที่ครองใจแฟน ๆ นักอ่านทั่วโลกเป็นเวลานานกว่า 30 ปี...ในแง่ความน่าสงสารในชะตากรรม ใครที่รู้สึกว่าตัวเองชีวิตบัดซบ ชีวิตแย่ ล้มเหลว หดหู่ ให้ลองอ่านบทบาทของหยำฉาในเรื่องนี้ แล้วจะได้รับแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตอีกครั้ง จัดว่าหยำฉาเป็น loser ที่รักของนักอ่านทั่วโลกโดยแท้ เห็นได้จากมีมท่านอนตายของหยำฉาตอนเบจิตาบุกโลกครั้งแรกที่แพร่หลายทางอินเตอร์เน็ตอยู่มากมาย

เรื่อง Dragon Ball นี้ตีพิมพ์รายสัปดาห์ในนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ Weekly Jump (週刊少年ジャンプ) ของญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี ค. ศ. 1984-1995 และมีการพิมพ์รวมเล่มเป็นเรื่องของตัวเองทั้งหมด 42 เล่มด้วยกัน เนื่องจากเคยเขียนวิเคราะห์ตัวละครเอกอย่าง ซง โกคู (Son Gokū) ไปแล้วในบทความ ซง โกคู (Son Gokū) แห่ง Dragon Ball เจ้าตำรับ “ไซอิ๋วผสมซูเปอร์แมน” จึงขอข้ามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่อง Dragon Ball ไปวิเคราะห์ตัวละครหยำฉากันเลย มาดู timeline วีรกรรมวีรเวรของหยำฉากัน

เปิดตัวหยำฉาครั้งแรก เขาเท่มาก ถูกวางตัวให้เป็นพระรองที่มีบทเด่นเท่า ๆ กับโกคูเลยทีเดียว มีท่าไม้ตายชื่อเท่ “หมัดพายุเขี้ยวหมาป่า” และต่อสู้กับพระเอกได้อย่างสูสี แถมมีโอกาสได้กุ๊กกิ๊กกับสาวน้อยน่ารักสุดเซ็กซี่อย่างบุลมา เล่นเอานักอ่านอิจฉากันไปเป็นแถบ ๆ

แต่ความรุ่งเรืองในชีวิตหยำฉาก็จบลงตั้งแต่จบ Dragon Ball เล่ม 1 แล้วล่ะ! เพราะตั้งแต่เล่ม 2 เป็นต้นไป หยำฉาก็เริ่มเข้าสู่ชะตาชีวิตคล้ายกับ Unicorn Jabu ใน Saint Seiya แถมยังแย่กว่าด้วยตรงที่ Unicorn Jabu กลายเป็นตัวประกอบไร้ตัวตนไปเท่านั้น แต่หยำฉายังไม่ได้เป็นตัวประกอบ แค่เป็นตัวละครหลักที่....น่าสงสารไปแทน เป็นคนที่บาดเจ็บหนักคนแรก ตายคนแรก โดนกระทืบคนแรก มีไว้ให้ศัตรูโชว์เทพอยู่ร่ำไป ซะงั้น

ความขี้แพ้ของหยำฉาเริ่มฉายแววตั้งแต่เล่ม 4 ในศึกชิงเจ้ายุทธภพครั้งแรก หยำฉาต้องสู้กับ Jackie Chun (ผู้เฒ่าเต่าปลอมตัวมา) หยำฉาแพ้แบบ...ถูก Jackie Chun ใช้มือปัดสร้างลมไปกระแทกจนหยำฉาปลิวออกจากเวทีและแพ้ไปโดยที่ยังไม่ได้เริ่มสู้...

ต่อมา ตอนที่ประลองกับมัมมีของแม่เฒ่าหมอดู หยำฉาก็ถูกกระทืบจนต้องบอกยอมแพ้

ศึกชิงเจ้ายุทธภพครั้งต่อมา หยำฉาฝึกวิชามาใหม่จากผู้เฒ่าเต่า มีทั้งหมัดพายุเขี้ยวหมาป่าฉบับปรับปรุงใหม่ และใช้พลังคลื่นเต่าได้ด้วย ผู้ชมเอาใจช่วยกันมาก แต่พอไปประลองกับเท็นชินฮัง ปรากฏว่าเท็นชินฮังสะท้อนพลังคลื่นเต่ากลับได้ และหยำฉาถูกเท็นชินฮังกระทืบจนขาหักและสลบเหมือดคาเวทีประลอง

ต่อมาในเล่ม 15 ศึกชิงเจ้ายุทธภพอีกครั้ง หยำฉาได้ประลองกับ “นักสู้เชน” (พระเจ้าปลอมตัวมาสิงร่าง) และแน่นอน หยำฉาแพ้อย่างหมดรูป

ในเล่ม 18 ตอนที่เบจิต้าบุกโลก หยำฉาก็ “ตาย” เป็นครั้งแรก ด้วยท่าตายอันเป็นตำนานไปตลอดกาล และไม่ได้ตายด้วยฝีมือตัวละครหลักด้วย แต่ตายเพราะลูกกระจ๊อกอย่างไซไบแมนอีกต่างหาก หยำฉาเอ๊ย!

โชคดีที่หยำฉาไม่ได้ไปตะลุยดาวนาเม็กด้วย ไม่อย่างนั้นคงตายแล้วตายอีก มี Dragon Ball เท่าไหร่ก็ไม่น่าจะพอชุบชีวิตหยำฉา เพราะศัตรูบนดาวนาเม็กค่อนข้างโหดมาก หยำฉาเลยรอดจากการบาดเจ็บและตายไปได้ในช่วงเวลานี้ แต่อย่าเพิ่งนอนใจไป พอกลับมาที่โลกแล้ว มีศึกมนุษย์จักรกล หยำฉาก็ทำหน้าที่ได้ดีมาก คือโผล่มา “โดนกระทืบ” อีกรอบ โดยมนุษย์จักรกลหมายเลข 20 ใช้ฝ่ามือดูดพลังจากหยำฉา และใช้มือทะลวงอก จนหยำฉาบาดเจ็บสาหัส (มีถั่วเซียนช่วยชีวิตเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงตายอีก)

ในภาคเดียวกัน ต่อมาในศึก Cell Game หยำฉาก็ถูก Cell Junior ทุบจนแขกหัก และถูกกระทืบจนสลบไป (ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนี้ก็โดนเบจิต้าแย่งแฟนด้วย!)

ก่อน Dragon Ball ภาคหลักจะอวสานไป หยำฉาก็ถูกจอมมารบูเสกให้เป็นช็อคโกแลตและกินเข้าไป

ต่อมาในภาค Dragon Ball Super หยำฉาก็ยังรักษาจุดยืนความน่าสงสาร ในศึกสุดท้ายที่เป็นการประลองระหว่างจักรวาลต่าง ๆ นั้น ตัวละครเก่า ๆ ที่ความสามารถไม่สูงมากอย่าง คุริลิน, ผู้เฒ่าเต่า, เท็นชินฮัง ก็ยังได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของจักรวาลที่ 7 ไปประลองกับจักรวาลอื่น แต่หยำฉาเฝ้ารอ นั่งรอ นอนรอ ให้คนมาชวนตัวเองเป็น 1 ใน 10 ตัวแทนของจักรวาลที่ 7 บ้างแต่ในที่สุด ก็ไม่มีใครชวนเขา.....ต้องนอนรออยู่ที่บ้านอย่างเดียวดายในขณะที่ตัวละครหลักเกือบทั้งหมดอพยพไปเวทีต่อสู้ระหว่างจักรวาล…

ถึงแม้หยำฉาจะหยำฉามาก ๆ (ใช้เป็นคำคุณศัพท์ไปเลย) แต่ถ้ามองกันดี ๆ แล้ว ชีวิตหยำฉานี่ล่ะคือ “ความจริงของชีวิต” เลยนะครับ เกิดมาตัวคนเดียวไม่มีต้นทุนทางสังคมใด ๆ ฝึกวิชาเองคนเดียวตามมีตามเกิด ก็ยังเก่งพอจะสู้กับโกคูตอนแรกสุดได้สูสีเลยทีเดียว อย่าลืมว่าโกคูคือชาวไซย่าผู้มีพรสวรรค์ และยังได้ฝึกวิชากับคุณปู่โกฮัง-ปู่บุญธรรมของเขามาตั้งแต่เด็ก ถือว่าต้นทุนทางสังคมสูงกว่าหยำฉามาก แต่คนพเนจรอย่างหยำฉาสามารถสู้กับโกคูได้สูสี จัดว่าไม่ธรรมดาเลย

ที่หยำฉาแพ้บ่อย บาดเจ็บสาหัสบ่อย ตายบ่อย เพราะว่าหยำฉาเป็นคนที่มีความพยายามอย่างมากอยู่ตลอดเวลา ฝึกฝนตัวเองอยู่สม่ำเสมอ เสียแต่โชคร้ายไม่มีโอกาสได้เรียนกับอาจารย์ที่ดี ๆ ตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังไปเจอศัตรูที่เลเวลสูงกว่าตัวเองตลอด ไม่ว่าจะตอนเจอผู้เฒ่าเต่าในร่าง Jackie Chun, เจอเท็นชินฮังที่มีทั้งพรสวรรค์และฝึกวิชากับเฒ่ากระเรียนมานานมาก, เจอพระเจ้าในร่างของนักสู้เชน (หยำฉาเป็นชาวโลกคนแรกในเรื่องที่ได้ประลองยุทธกับพระเจ้าเลยนะ) แม้แต่พระเจ้าก็ยังยอมรับในพรสวรรค์และความสามารถ จึงได้ให้คำแนะนำแก่หยำฉาเพิ่มด้วยในเวทีประลอง, เจอ Cell Junior ที่แม้แต่ชาวผมทองยังสู้ไม่ได้ ฯลฯ

ในภาคหลัง ๆ เนื่องจากบทละครหันไปให้ความสำคัญกับชาวผมทองเป็นหลัก ซึ่งก็จัดเป็นพวก “ต้นทุนทางสังคมสูง” อยู่ดี เป็นเผ่านักรบที่มีพรสวรรค์ มีอาจารย์ดี ๆ คอยสอนตั้งแต่เด็ก หยำฉาเลยดูเหมือนกระจอกมาก แถมโดนแย่งแฟนไปอีก ยิ่งเป็นการตอกย้ำความจริงของสังคมมนุษย์เรามาก ๆ ว่ายังไงต้นทุนทางสังคมก็สำคัญมากจริง ๆ มันมีอยู่จริงนะครับคนที่พยายามอย่างหนักเพื่อทำให้อะไร ๆ มันดีขึ้น และชีวิตเขาก็ดีขึ้นมากพอสมควรแล้ว แต่ก็ยังสู้คนที่มีต้นทุนทางสังคมมาแต่เดิมไม่ได้อยู่ดี

อย่างหยำฉาเองก็พยายามจนเก่งขึ้นเยอะมากกว่าตอนต้นเรื่อง เพียงแต่สถานภาพไม่ได้เป็นองค์ชายที่มีความเป็น Bad Boy ที่สาว ๆ ชอบ, ไม่ได้มีต้นทุนของพ่อแม่, ไม่ได้มีโอกาสศึกษาหาความรู้กับอาจารย์หรือสถาบันการศึกษาดี ๆ ตั้งแต่เด็ก, ไม่มีโอกาสได้ลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตที่ช่วยให้เก่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเหมือนที่คุริลินหรือเท็นชินฮังได้เรียนรู้มาก่อนจะเจอผู้เฒ่าเต่า (คุริลินเป็นศิษย์ของวัดโอรินจิ, เท็นชินฮังเป็นศิษย์ของผู้เฒ่ากระเรียน มาก่อน) ทำให้พัฒนาการของหยำฉาช้ากว่าชาวโลกด้วยกันไปอีก

ท่านอนตายในตำนานของหยำฉา จึงแฝงความจริงที่ว่า ไม่ว่าจะล้มไปกี่ครั้ง ชายคนนี้ก็จะยืนขึ้นมาอีกเสมอ แม้ว่าจะเจ็บจะตาย แม้ว่าแสงไฟจะไม่เคยส่องลงมาที่เขา เขาก็จะยังเป็นตัวละครขี้แพ้ที่แฟน Dragon Ball จดจำได้ไปตลอด ถ้าภาพจำของโนบิตะคือท่านอนกลางวัน ภาพจำของหยำฉาในสายตาแฟน ๆ ก็คือภาพนอนตายที่มีบาดแผลเต็มตัวนั่นเอง