25 มิ.ย. 2562 | 01:54 น.
“เทราโอกะ ยูอิจิ” จากแฟนทิ้ง ลูกค้าเมิน พิสูจน์ตัวเองจนเป็นแชมป์เกี๊ยวซ่า 7 สมัย
“มีผู้ชาย 3 คน เดินเข้ามาในร้าน พอผมถามว่า ‘รับเกี๊ยวซ่ากี่ชิ้นดีครับ’ เขาก็บอกว่า ‘เกี๊ยวซ่าน่ะไม่เอาหรอก เอามาแค่ชิ้นเดียวพอ แล้วเอาเบียร์มา 3 ขวด’ คนประเภทนี้มีเยอะมาก ๆ ทำให้ผมไม่ชอบใจเลย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่กัดฟันพูดไปว่า ‘เข้าใจแล้วครับ’ แต่พอคนพวกนั้นได้ลองเกี๊ยวซ่าของผมแล้วร้องออกมาว่า ‘อร่อยมาก!’ หลังจากนั้นลูกค้าก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากการเล่าต่อปากต่อปาก”
กว่าจะได้ชื่อว่าเป็นแชมป์เกี๊ยวซ่า 7 สมัยอย่างเช่นทุกวันนี้ “เทราโอกะ ยูอิจิ” เจ้าของร้าน Teraoka Gyoza ต้องเผชิญกับเรื่องราวทั้งอกหัก รักคุด ลูกค้าไม่มี แต่ก็กัดฟันทนเพื่อพิสูจน์ตัวเองเรื่อยมาด้วยความเชื่อที่ว่าเกี๊ยวซ่านี่แหละ! คืออาหารแห่งจิตวิญญาณที่เชื่อมโลกเข้าด้วยกันได้
“เมื่อ 23 ปีที่แล้ว ก่อนผมจะมาทำร้านเกี๊ยวซ่า ผมเคยทำงานบน ship tanker (เรือบรรทุกสินค้า) อยู่ที่เกาะเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นงานเกี่ยวกับ ODA (ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าทางวัฒนธรรม) ตอนนั้นผมทำงานเป็น engineer และได้ทำเกี๊ยวซ่าให้คนบนเรือที่ทำงานด้วยกัน ทุกคนก็มีความสุข และผมก็รู้สึกดีมากที่เกี๊ยวซ่าของผมทำให้ทุกคนมีความสุข”
แม้เขาพูดคุยกับคนที่นั่นไม่ได้มากนัก แต่ก็พยายามจะอธิบายด้วยท่าทาง และภาษามือ ว่าเกี๊ยวซ่าในประเทศญี่ปุ่นคืออาหารยอดนิยมในหมู่เพื่อนฝูงและครอบครัว และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเกี๊ยวซ่ากลายเป็นเครื่องมือในการสื่อสารของเขาได้
คำชื่นชมจากเพื่อนร่วมงานทำให้เขามีกำลังใจ และเชื่อมั่นในฝีมือการทำเกี๊ยวซ่ามากขึ้น หลังกลับจากเกาะเซบู มายังประเทศญี่ปุ่นเขาจึงตัดสินใจออกจากงาน และเปิดร้านเกี๊ยวซ่าทันที!
ร้านเกี๊ยวซ่าเริ่มแรกของเขาเป็นเพียงร้านรถเข็นเล็ก ๆ ที่ตั้งขึ้นที่เมืองมารุกาเมะ จังหวัดคางาวะ ในปี 1998 โดยมีเขาเป็นคนดำเนินกิจการด้วยตัวคนเดียว และขายแค่เกี๊ยวแบบธรรมดาแค่ชนิดเดียว แต่สิ่งที่เขาคิดแหวกแนวจากเกี๊ยวซ่าเจ้าอื่นในญี่ปุ่น ก็คือวัตถุดิบในการทำไส้ที่ต่างออกไป
จากปกติในประเทศญี่ปุ่น ส่วนผสมของตัวเกี๊ยวซ่าประมาณ 70% จะใช้เนื้อหมูเป็นหลัก แต่เขากลับเลือกใช้เนื้อน่องไก่ที่มีความชุ่มฉ่ำมากกว่า โดยความรู้นี้ประยุกต์มาจากการเดินทางไปทำงานในฟิลิปปินส์ ที่อาหารส่วนใหญ่มักจะใช้น่องไก่เป็นวัตถุดิบหลัก เช่น อโดโบ (ไก่อบสไตล์ฟิลิปปินส์)
“ตอนนั้นทำร้านได้ 2 ปี แล้วก็อยู่ ๆ แฟนสาวก็ทิ้งไป พอแฟนทิ้งไปก็เสียใจมาก ๆ เกือบจะได้แต่งงานกันแล้วเชียว แต่ตอนนั้นก็ยอมแพ้ไม่ได้ คิดว่าเราต้องประสบความสำเร็จให้ได้ เลยเปิดเป็นร้านเกี๊ยวซ่าที่ใหญ่ขึ้น”
ความผิดหวังในรักผลักให้เขาขยับขยายร้านให้ใหญ่ขึ้น แต่กิจการในช่วงแรกไม่ได้ราบรื่นนัก เพราะแต่เดิมเกี๊ยวซ่านับเป็นอาหารทานเล่น จึงเป็นเพียงเมนูย่อยในร้านอาหารทั่วไปเสียมากกว่า ทั้งจังหวัดคางาวะ เขาจึงเป็นคนแรกและคนเดียวที่ทำร้านเกี๊ยวซ่าอย่างจริงจัง ความแปลกใหม่นี้ทำให้ลูกค้ายังคงไม่มั่นใจว่าเกี๊ยวซ่าของเขาจะอร่อยจริง ๆ หรือแค่แปลกกว่าใคร
ช่วงเริ่มแรกร้านเกี๊ยวซ่าของเขาถูกเมิน หลายคนเข้ามาเพื่อที่จะมานั่งดื่มเบียร์ หรือสังสรรค์กันในยามว่าง และแทบจะไม่มีใครสนใจสั่งเกี๊ยวซ่ามาลองชิม แต่เมื่อมีคนที่ได้ลิ้มรสแล้วเกิดติดใจ ชื่อเสียงของเขาก็ดังไกลออกไปอย่างรวดเร็ว
ในเมืองเล็ก ๆ การพูดกันปากต่อปาก คือการกระจายข่าวสารที่รวดเร็วมาก ทำให้ร้านของเขาโด่งดังขึ้นจนรายการ Gyoza Stadium จากสวนสนุก Namja Town (สวนสนุกเกี๊ยวซ่า) ที่โตเกียว ติดต่อมาให้เข้าร่วมแข่งขัน ประกวดเมนูจากร้านเกี๊ยวซ่าทั่วประเทศ!
การแข่งขันครั้งแรกในโจทย์เกี๊ยวซ่าชีส เมนูที่เขาคิดค้นขึ้นใหม่ คือ “เม็นไทชีสเกี๊ยวซ่า” ที่มีวัตถุดิบหลักคือชีส และ ชอสที่ทำจากเม็นไทโกะ (明太子) หรือ ไข่ปลาค๊อตที่เป็นอาหารท้องที่จากเกาะคิวชู
รสชาติเค็มนิดๆ ของซอสไข่ปลา ผสานเข้ากับความละมุนของชีสที่เบิร์นผิวหน้าจนหอมกรุ่น แป้งเกี๊ยวกรอบนอกเนื้อในแน่นหนึบ แหวกออกเป็นไส้เนื้อน่องไก่ชุ่มน้ำซุปรสชาติกลมกล่อมสูตรเฉพาะ ซึ่งเชฟบอกมาเองเลยว่าเป็นเมนูที่ต้องทานตอนร้อนๆ ถึงจะอร่อย! คุณสมบัติทั้งหมดนี้จึงทำให้เมนูเม็นไทชีสเกี๊ยวซ่าสามารถเอาชนะคู่แข่งในครั้งนั้นมาได้อย่างง่ายดาย
แม้ทางสวนสนุกจะมีนโยบายเปลี่ยนร้านที่เข้าร่วมแข่งขันทุกปี เพื่อให้คนโตเกียวกินเกี๊ยวซ่าร้านใหม่ ๆ อยู่เสมอ แต่ร้าน Teraoka Gyoza กลับเป็นร้านเดียวที่ไม่เคยถูกเปลี่ยน เขาเข้าแข่งขันด้วยเมนูเม็นไทชีสเกี๊ยวซ่าทุกปี และปรับปรุงมาเรื่อย ๆ เมนูนี้ทำให้เขาได้รับรางวัลชนะเลิศถึง 7 ปีซ้อนเลยทีเดียว
ด้วยความร่วมมือจากบริษัท Kacha Brothers Co. Ltd. เขาจึงได้ขยายสาขามายังประเทศไทย จนขณะนี้มีทั้งหมด 3 สาขาในญี่ปุ่น ที่ยังคงความเป็นร้านเกี๊ยวแบบ homemade และ 7 สาขาในไทยที่มีเมนูใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมากมาย
“การคิดค้นเมนูใหม่ ๆ ทำให้ผมออกเดินทางไปตามหาแรงบันดาลใจจากทั่วโลก ด้วยการไปชิมสิ่งที่เหมือนกับเกี๊ยวซ่าจากแต่ละประเทศ พอได้ทำอย่างนั้นก็จะเห็น Lifestyle ที่หลากหลาย นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปเลย มันคือสิ่งที่เรียกว่าความสุข”
ทุกครั้งที่เทราโอกะออกเดินทางไปเยือนที่ใหม่ ๆ สิ่งแรกที่เขาจะตามหา คือ อาหารประเภทเกี๊ยวในประเทศนั้น อย่างครั้งที่เขาไปอิตาลี เขาก็ได้ไปชิม Ravioli หรือพาสตาชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างเหมือนเกี๊ยวพับ และล่าสุดที่เนปาล เขาไม่คิดเลยว่าจะมีอาหารประเภทเกี๊ยวซ่าที่มีลักษณะเป็นเกี๊ยวชิ้นใหญ่จิ้มกับโยเกิร์ต เรียกว่า Momo อยู่ด้วยเช่นกัน
การเดินทางทำให้เขาค้นพบวัตถุดิบและการปรุงรสนำมาคิดค้นเมนูใหม่ ๆ อย่าง “Teraoka Big 5” เมนูล่าสุด ที่มีขายเฉพาะสาขาเซ็นทรัลลาดพร้าวเท่านั้นนน
โดยเมนูนี้ประกอบด้วยเกี๊ยวซ่า 5 ชนิดบนวัฒนธรรมที่หลากหลาย คือ เกี๊ยวซ่าเนื้อน่องไก่ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยซุปเข้มข้น ต้นตำรับจากร้านญี่ปุ่น 100%, เกี๊ยวซ่ากุ้งลายเสือทั้งตัว กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบไทย ๆ หรือ กินกับเกลือมัทฉะรสชาติเค็มกลมกล่อมหอมชาเขียว บีบมะนาวนิดๆ ให้รสชาติตัดกันกำลังดี, เกี๊ยวซ่าซอสกุ๊ยช่ายรสเผ็ดแบบเสฉวน ที่กัดคำแรกกลิ่นใบกุ๊ยช่ายหอมๆ ก็คลอเคล้าเข้ากับรสชาติของซอสรสเค็มเผ็ดอย่างลงตัว, เกี๊ยวซ่าซีฟู้ดที่เนื้อในอัดแน่นไปด้วยปลา กุ้ง และหมึกยักษ์เนื้อหวาน กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรผสมผสานที่รสชาติเปรี้ยวเค็มเผ็ดชวนให้น้ำลายสอ และสุดท้ายคือ เกี๊ยวซ่าเห็ดเนื้อแน่นกัดกรุบ รสชาติละมุนลิ้น ลบความคิดที่ว่าอาหารมังสวิรัติจะต้องจืดชืดทิ้งไปได้หมด
นับว่าเกี๊ยวซ่านอกจากจะสร้างอาชีพให้กับเขาและครอบครัวแล้ว ยังเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาด้วยการเปิดโลกกว้างทางอาหารจากการเดินทาง ช่วยให้เขาสรรค์สร้างเมนูใหม่ที่หลากหลายได้ดียิ่งขึ้น
อาหารนับเป็นอวัจนภาษาอย่างหนึ่งที่ไม่ว่าคนชนชาติไหนก็ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดเพื่อสื่อสาร เพราะคนกินจะสามารถเข้าใจได้ผ่านรสชาติความอร่อย และหัวใจที่ใส่ลงไป วัฒนธรรมหลากหลายสามารถหลอมรวมกันได้ด้วยการกิน เหมือนอย่างเกี๊ยวซ่า ที่เทราโอกะ ยูอิจิ เชื่อว่าเมนูนี้มีอยู่ทุกมุมโลก และเชื่อมโยงผู้คนต่างชาติ ต่างภาษา เข้าไว้ด้วยกัน
เรื่อง: นรมณ ดลมหัทธนะกิตติ์ (The People Junior)
ภาพ: ณัฐกิตติ์ สุรทิณฑ์ (The People Junior)
ที่มา :
http://teraokagyo-za.com/english-site/
