27 ต.ค. 2565 | 08:29 น.
“ผมไม่อยากพูดชื่อออกมา แต่มันคือ...แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด”
‘เออร์ลิง ฮาลันด์’ ดาวซัลโวของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประกาศต่อหน้าแฟนบอลหน้าสนาม ‘เอติฮัด สเตเดียม’ ระหว่างเปิดตัวเป็นนักเตะคนใหม่ของทีม ‘เรือใบสีฟ้า’ เมื่อถูกถามว่า เขาอยากเจอทีมไหนมากที่สุด
คำตอบของ ‘เออร์ลิง’ เรียกเสียงเป่าปากปรบมือจากบรรดาสาวก ‘ซิตีเซ่น’ สนั่นหวั่นไหว เนื่องจากแฟนบอลจำนวนมากยังคงจำวีรกรรมของอดีตกัปตันทีมคู่ปรับร่วมเมืองที่เคยทำไว้กับนักเตะขวัญใจของพวกเขาได้ดี
ขวัญใจที่ว่านี้ไม่ใช่คนอื่นไกล เขาคือ ‘อัลฟ์ - อิงเก้ ฮาลันด์’ (Alf - Inge Haaland) หรือที่หลายคนเรียกว่า ‘อัลฟี (Alfie) ฮาลันด์’ บิดาบังเกิดเกล้าของ ‘เออร์ลิง ฮาลันด์’ ซึ่งเคยเล่นตำแหน่งแบ็คและมิดฟิลด์ตัวรับให้กับ ‘แมนฯ ซิตี้’ ระหว่างปี 2000 - 2003
หลายคนเชื่อว่า ‘รอย คีน’ อดีตกัปตันทีม ‘แมนฯ ยูไนเต็ด’ คือ ต้นเหตุที่ทำให้พ่อของ ‘เออร์ลิง’ ต้องแขวนสตั๊ดก่อนวัยในอังกฤษ ขณะมีอายุเพียง 30 ปี จากจังหวะใบแดงบันลือโลกในเกมดาร์บี้แมตช์ เมื่อปี 2001
แม้ ‘เออร์ลิง’ ยอมรับว่า เขากับพ่อไม่เคยคุยกันถึงแมตช์อัปยศเกมนั้น แต่การเอ่ยชื่อทีม ‘ปีศาจแดง’ ออกมาอย่างโจ่งแจ้งในฐานะทีมที่ลูกชายอยากดวลแข้งมากที่สุด มันช่วยปลุกตำนานความแค้นนี้ขึ้นมา จนทุกคนเฝ้าจับตาให้ถึงวันนั้นโดยเร็ว
เส้นทางสู่ตำนานความแค้น
หากเอ่ยชื่อ ‘อัลฟี ฮาลันด์’ แฟนบอลยุคปลายทศวรรษ 1990s ถึงต้น 2000s คงคุ้นหูและนึกภาพเขาออกในฐานะนักเตะ แต่ถ้าเป็นแฟนบอลที่เพิ่งเริ่มติดตามหลังยุค 2000s น่าจะคุ้นหน้าเขาในฐานะบิดาของเจ้าหนู ‘เออร์ลิง ฮาลันด์’ ดาวซัลโวฟอร์มแรงของแมนฯ ซิตี้
‘อัลฟี’ เป็นชาวนอร์เวย์ เกิดวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 1972 เขาเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ ‘บริน เอฟเค’ (Bryne FK) สโมสรเล็ก ๆ ในบ้านเกิดเหมือนกับลูกชาย และย้ายมาค้าแข้งในอังกฤษตอนอายุ 21 ปีเท่ากัน แต่ก่อนจะมาเล่นที่ ‘ซิตี้’ อัลฟีเคยอยู่กับ ‘น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์’ และ ‘ลีดส์ ยูไนเต็ด’ มาก่อนตามลำดับ
สมัยเป็นผู้เล่น ‘อัลฟี’ จัดเป็นนักเตะ ‘โลว์ โปรไฟล์’ ไม่ค่อยโดดเด่นจนเป็นข่าว กระทั่งถูก ‘รอย คีน’ เล่นงานในศึกดาร์บี้แมตช์ที่สนาม ‘โอลด์ แทรฟฟอร์ด’ เมื่อเดือนเมษายน 2001 นับแต่นั้นมาเขาก็กลายเป็นที่จดจำในฐานะเหยื่อปุ่มสตั๊ดและการเข้าสกัดอันเกรี้ยวกราดของกัปตันทีม ‘ปีศาจแดง’
“ผมรอคอยมานานพอแล้ว ผมอัดมันอย่างหนัก ลูกบอลอยู่ตรงนั้น (ผมคิดอย่างนั้นนะ) โดนบ้างเป็นไงล่ะ ไอ้#’! ทีหลังอย่ามายืนค้ำหัว เย้ยหยันกูเรื่องแกล้งเจ็บอีกนะ”
‘รอย คีน’ สารภาพในหนังสืออัตชีวประวัติของเขาที่ตีพิมพ์ในปี 2002 หรือ 1 ปีหลังแมตช์อัปยศที่ ‘โอลด์ แทรฟฟอร์ด’ เขายอมรับว่าจงใจเปิดปุ่มฝากรอยเท้าบนหัวเข่าของ ‘อัลฟี’ เพื่อแก้แค้นที่ ‘ฮาลันด์ผู้พ่อ’ เคยตะคอกใส่เขาว่าแกล้งเจ็บ สมัยที่ ‘อัลฟี’ ยังเล่นที่ ‘ลีดส์ ยูไนเต็ด’ ในปี 1997
คำสารภาพแบบไม่สำนึกผิดในหนังสือเล่มนั้น ทำให้ ‘รอย คีน’ โดนสมาคมฟุตบอลอังกฤษลงโทษปรับเงิน 150,000 ปอนด์ และแบนอีก 5 นัด หลังจากเพิ่งโดนปรับมา 5,000 ปอนด์ และแบน 3 นัด เพราะใบแดงในนัดนั้น
นอกจากนี้ ‘อัลฟี’ และ ‘แมนฯ ซิตี้’ ยังเคยปรึกษากันเพื่อฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก ‘รอย คีน’ ฐานเป็นต้นเหตุให้คู่กรณีบาดเจ็บจนต้องแขวนสตั๊ดก่อนวัย และสูญเสียรายได้จำนวนมากจากอาชีพนักฟุตบอล
เหตุผลที่รอยคีนโต้แย้ง
อย่างไรก็ตาม สุดท้าย ‘อัลฟี’ และ ‘แมนฯ ซิตี้’ ไม่ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก ‘รอย คีน’ โดย ‘ฮาลันด์ผู้พ่อ’ ตัดสินใจ ‘มูฟ ออน’ กลับไปทำอาชีพนักพัฒนาอสังหาฯ ที่นอร์เวย์ และปลุกปั้นลูกชายจนกลายเป็นดาวยิงระดับ ‘เวิลด์คลาส’ ของยุโรป แต่ ‘คีน’ ยังคงฝังใจและระบายเรื่องนี้ออกมาอีกครั้งหลังแขวนสตั๊ด
เขายืนยันเป็นตัวอักษรในหนังสือประวัติชีวิตเล่มที่สองของตัวเอง ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2014 ว่า เขาไม่รู้สึกเสียใจกับลูกถีบใส่ ‘ฮาลันด์ผู้พ่อ’ ที่ ‘โอลด์ แทรฟฟอร์ด’ ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธว่า ไม่ได้ต้องการทำให้คู่กรณีบาดเจ็บ แค่อยากสั่งสอนเท่านั้น
“ผมเตะนักบอลมาเยอะ ผมรู้ว่าแบบไหนทำให้เจ็บใจ หรือทำให้บาดเจ็บ ผมไม่ได้ทำให้ฮาลันด์บาดเจ็บ คุณเป็นนักกีฬา คุณรู้ว่าการทำให้คนบาดเจ็บต้องทำยังไง”
‘คีน’ ระบุด้วยว่า เขาไม่ใช่คนบ้าที่คิดแต่จะแก้แค้น แม้ยอมรับว่า ‘อัลฟี’ เป็นนักเตะที่อยู่ในลิสต์ซึ่งเขาหมายหัวเอาไว้มาตลอด
“ถ้าผมเป็นบ้าตั้งหน้าตั้งตาแต่จะล้างแค้น ทำไมผมต้องรอตั้งหลายปี (1997 - 2001) เพื่อหาโอกาสทำร้ายเขา ถามว่าผมหมกมุ่นเป็นปี ๆ คิดแต่ ‘กูจะเล่นมึง ๆ’ หรือไม่ คำตอบคือ ‘ไม่’ แต่ถามว่าชื่อของเขาอยู่ในหัวผมมั้ย เรื่องนั้นมันแน่นอน
“ก็เหมือนกับ ‘ร็อบ ลี’ ‘เดวิด แบตตี้’ ‘อลัน เชียเรอร์’ ‘ปาทริค วิเอร่า’ นักเตะทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในหัวของผม ‘ถ้ามีโอกาส กูจะอัดมึงแน่นอน”
ในหนังสือเล่มที่ 2 ‘คีน’ ยังปกป้องตัวเองเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าทำให้ ‘อัลฟี’ ต้องจบอาชีพนักฟุตบอลก่อนวัย โดยชี้ว่า เขาโดนใบแดงเพราะเปิดปุ่มใส่คู่แข่งที่เข่าขวา แต่ ‘อัลฟี’ เลิกเล่นบอลเพราะปัญหาบาดเจ็บที่เข่าซ้าย
นอกจากนี้ ในเกมดาร์บี้แมตช์นัดนั้น ‘อัลฟี’ ยังลุกขึ้นมาเล่นต่อได้จนจบเกม และหลังจากนั้น 4 วัน เขายังสามารถเดินทางไปลงเตะให้กับทีมชาตินอร์เวย์ต่อได้ ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ ‘รอย คีน’ ยกขึ้นมาเพื่อจะบอกว่า เขาไม่ใช่ต้นตอที่ทำให้ ‘ฮาลันด์ผู้พ่อ’ จบชีวิตค้าแข้ง
คลิกอ่านเรื่อง วิถีลูกหนังและปรัชญาของ เออร์ลิง ฮาลันด์ ดาวยิงพันธุ์ใหม่ที่คู่แข่งต้องร้องขอชีวิต
ลูกชายช่วยล้างแค้นด้วยแฮตทริก
ข้อโต้แย้งของ ‘รอย คีน’ ฟังดูมีน้ำหนักและเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ ‘อัลฟี’ กับ ‘แมนฯ ซิตี้’ เลิกล้มความตั้งใจในการฟ้องเรียกค่าเสียหาย แต่นั่นยังไม่พอในการลบภาพจำที่เป็นหนึ่งในตำนานรอยแค้นของสองคู่ปรับแห่งเมืองแมนเชสเตอร์
ด้วยเหตุนี้ในเกมดาร์บี้แมตช์แรกที่ทายาทตระกูล ‘ฮาลันด์’ กลับมาลงสนามในอีก 21 ปีให้หลัง เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2022 ทุกคนต่างจับจ้องสองพ่อลูก ‘ฮาลันด์’ ตั้งแต่ก่อนเกมเริ่มที่ ‘เอติฮัด สเตเดียม’ จนกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา
ก่อนที่เสียงนกหวีดเริ่มต้นการแข่งขันจะดังขึ้น มีรายงานว่า ‘รอย คีน’ และ ‘อัลฟี’ คู่กรณีในตำนานต่างรับงานทีวีคนละช่องมาบรรยายบรรยากาศก่อนการแข่งขัน เมื่อโปรดิวเซอร์ทีวีช่องหนึ่งเห็นทั้งคู่ยืนอยู่ริมสนามห่างกันแค่ 25 หลา จึงพยายามขอร้องให้มาออกจอร่วมกัน แต่คำขอนั้นถูกปฏิเสธ เป็นสัญญาณไม่ต้องการปรองดอง
หลังจบเกมเป็นฝ่าย ‘อัลฟี’ ที่ยิ้มออก เพราะนอกจากทีมรักจะถล่มคู่ปรับตลอดกาลไปขาดลอยด้วยสกอร์ 6 - 3 ‘เออร์ลิง ฮาลันด์’ ลูกชายของเขาที่เฝ้ารอเกมนี้มานาน ยังสร้างสถิติใหม่ในพรีเมียร์ลีก เป็นนักเตะคนแรกที่ทำแฮตทริกได้ 3 นัดติดในเกมเหย้า และกลายเป็นแข้ง ‘เรือใบสีฟ้า’ คนแรกที่ทำแฮตทริกใส่คู่ปรับร่วมเมืองในเกมดาร์บี้ได้ ตอกย้ำมหากาพย์ความแค้นระหว่างสโมสรที่พ่อของเขาเข้าไปมีส่วนร่วม
ความเป็นมืออาชีพและสปิริต
ตลอดชีวิตของ ‘อัลฟี ฮาลันด์’ เรื่องราวที่ถือเป็น ‘ไฮไลต์’ ทำให้ทุกคนจดจำและพูดถึงเขามากที่สุดคงหนีไม่พ้น 2 เรื่องนี้ คือ ลูกชาย และกรณีพิพาทกับ ‘รอย คีน’
เรื่องแรกเขาพิสูจน์ตัวเองจนเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า สามารถปลุกปั้น ‘เออร์ลิง’ จนกลายเป็นนักเตะซูเปอร์สตาร์ได้จริง ส่วนความแค้นกับ ‘รอย คีน’ ดูเหมือนจะไม่จบลงง่าย ๆ และจะเป็นมหากาพย์ต่อไป
“ผมไม่ได้โทษเขาที่เตะผมในเกมอื่นหรือเกมนั้นโดยเฉพาะ สิ่งที่ผมวิตกและไม่สบายใจก็คือ เขาบอกในหนังสือว่า เขาต้องการล้างแค้น ผมไม่คิดว่านั่นเป็นเรื่องของฟุตบอล” อัลฟี บอกกับ BBC หลัง ‘รอย คีน’ ตีพิมพ์หนังสือเล่มที่สอง
แม้ ‘ฮาลันด์ผู้พ่อ’ จะไม่ได้โทษ ‘รอย คีน’ ตรง ๆ แต่เขาบอกว่า เกมที่ ‘โอลด์ แทรฟฟอร์ด’ คืนนั้นเป็นนัดสุดท้ายในชีวิตของเขาที่ได้ลงเล่นฟุตบอลอาชีพเต็มเวลา ดังนั้น ‘คีน’ น่าจะมีส่วนไม่มากก็น้อยที่ทำให้เป็นเช่นนี้
“ถ้าคุณยืนอยู่และมีใครมาเตะที่ขาขวาของคุณ ขาอีกข้างก็มีโอกาสบิดและได้รับบาดเจ็บ (อัลฟีลงเล่นโดยมีเทปพันที่เข่าซ้ายก่อนปะทะ) นั่นคือสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้น ผมมาพบในภายหลังว่ามันเป็นเรื่องจงใจชัดเจน เรื่องทั้งหมดนี้ คือ การล้างแค้น”
‘อัลฟี ฮาลันด์’ พูดถึงสิ่งที่ ‘รอย คีน’ เขียนลงในหนังสือ ซึ่งเขาวิตกว่าจะกลายเป็นแบบอย่างไม่ดีให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่
“ผมคิดว่ามันค่อนข้างน่าเศร้า มันน่าเศร้าสำหรับวงการฟุตบอล และไม่ใช่เรื่องดีสำหรับผมด้วยเช่นกัน”
เขากล่าวทิ้งท้ายเป็นอุทาหรณ์ เนื่องจากฟุตบอล แม้จะเป็นเกมที่เต็มไปด้วย ‘ความมุ่งมั่น’ (Passion) แต่นักกีฬาที่มีสปิริตและความเป็นมืออาชีพ ควรรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และปล่อยให้เรื่องราวการกระทบกระทั่งในสนาม จบลงแค่ในสนามเมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง
เรื่อง: ภานุวัตร เอื้ออุดมชัยสกุล
อ้างอิง: