02 ก.พ. 2566 | 16:32 น.
- บิ๊กเทคในสหรัฐอย่าง Amazon และ Meta เพิ่มพนักงานเป็น 2 เท่าในช่วงที่โควิด-19 ระบาด
- 'ทิม คุก' ซีอีโอแอปเปิล ยอมลดผลตอบแทนรายปีของตัวเองลงในปี 2023 หลังหุ้นแอปเปิลร่วง 27% ในปี 2022
ในเวลาไม่ถึง 3 เดือน บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา 4 ใน 5 แห่ง แห่ปลดพนักงานรวมกันหลายหมื่นชีวิต ทลายความเชื่อที่ว่าอุตสาหกรรมนี้จะยังเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง
แต่มีบิ๊กเทคเพียงรายเดียวเท่านั้น ที่ยืนหนึ่งไม่ปลดพนักงานตามรอยรายอื่น ๆ นั่นก็คือ ‘แอปเปิล’ (Apple) ซึ่งทำให้หลายคนเกิดคำถามตามมาว่า ทำไม ?
สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มจำนวนพนักงานที่น้อยกว่าบริษัทอื่น ๆ ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ในอนาคตแอปเปิลอาจลดต้นทุนลงเล็กน้อย
ก่อนการรายงานผลประกอบการในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2022 คาดว่าแอปเปิลจะมีรายได้ลดลงเมื่อเทียบเป็นรายปี
‘แดน อีฟส์’ นักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีของหลักทรัพย์ Wedbush Securities มองว่า ความต้องการการอัปเกรดไอโฟนยังคงแข็งแกร่ง
“แอปเปิลมีแนวโน้มจะลดต้นทุนบางส่วน แต่เราไม่คิดว่าแอปเปิลจะปลดพนักงานจำนวนมากในช่วงสัปดาห์นี้”
‘ทอม ฟอร์ต’ นักวิเคราะห์อาวุโสของธนาคาร DA Davison เห็นด้วยว่าจะมีการลดพนักงาน แต่มองว่าไม่น่าจะรุนแรงเท่ากับยักษ์เทคอื่น ๆ
“แอปเปิลอาจจะลดพนักงานลง” เขาให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก พร้อมระบุว่า การลดพนักงานของแอปเปิลอาจเกิดขึ้นในระดับการขายปลีก
เขากล่าวด้วยว่า “แต่ในขณะที่แอปเปิลยังไม่ลดพนักงานเหมือนรายอื่น พวกเขาจะปรับจำนวนพนักงานให้สอดคล้องกับระดับความต้องการในปัจจุบัน”
แอปเปิลหลีกเลี่ยงการปลดพนักงานได้อย่างไร?
ความต้องการผลิตภัณฑ์ดิจิทัลพุ่งสูงมากในช่วงก่อนการระบาดใหญ่ บิ๊กเทคจึงเพลิดเพลินกับการจ้างงานจำนวนมาก
แอมะซอน (Amazon) และ เมตา (Meta) ต่างเพิ่มจำนวนพนักงานเป็นสองเท่าในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2019 ถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2022 ส่วนอัลฟาเบต อิงก์ (Alphabet Inc.) ก็เพิ่มจำนวนพนักงานขึ้นมากถึง 64% ในช่วงเวลาเดียวกัน ขณะที่ไมโครซอฟท์ (Microsoft) เพิ่มการจ้างงานมากกว่า 50% ในช่วงใกล้เคียงกัน
กลับมาที่แอปเปิล เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทอื่น ๆ ยักษ์เทคผู้ผลิตไอโฟนรายนี้เพิ่มจำนวนพนักงานเพียง 20% ณ เดือนกันยายน 2022 ซึ่งแอปเปิลระบุว่าบริษัทมีพนักงานประจำประมาณ 164,000 คน
เหล่าซีอีโอบริษัทเทคที่มีความสำนึกผิดมากบ้างน้อยบ้าง อ้างว่าการปลดพนักงานครั้งมโหฬารนี้เป็นผลจากการจ้างงานที่มากเกินไปในช่วงแรกที่โควิด-19 ระบาด
เมื่อหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดเมื่อปีที่แล้ว ความต้องการในบริการดิจิทัลก็เปลี่ยนไปเท่าระดับก่อนเกิดโรคระบาด ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่บีบให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจกอดคอกันรัดเข็มขัด ส่วนบริษัทเทคโนโลยีที่เคยเข้ามากอบโกยเงินมากมายก็เริ่มล้มหายตายจากหลังอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น
จึงไม่แปลกที่หลายบริษัทในซิลิคอนแวลลีย์เริ่มประกาศเลิกจ้างพนักงานเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่
แม้ว่าแอปเปิลจะไม่ประกาศปลดพนักงาน แต่ธุรกิจของบริษัทก็ได้รับผลกระทบในมิติอื่น ๆ เช่นเดียวกับบิ๊กเทคหลายแห่ง เนื่องจากแอปเปิลต้องเผชิญความเสี่ยงจากการต่อต้านการผูกขาดในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU)
‘ทิม คุก’ ซีอีโอแอปเปิลยอมลดค่าตอบแทนตัวเอง
เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม 2566 แอปเปิลเผยว่า ‘ทิม คุก’ ซีอีโอแอปเปิล ยอมลดค่าตอบแทนจำนวนมากในปี 2023 หลังจากที่หุ้นของแอปเปิลร่วงลง 27% ในปี 2022
ในปีนี้ ‘ทิม คุก’ จะได้รับผลตอบแทนรายปีลดลงมากกว่า 40% โดยทางแอปเปิลระบุว่าเขาเป็นผู้ร้องขอให้ลดผลตอบแทนตัวเอง
คณะกรรมการพิจารณาผลตอบแทนของแอปเปิล พิจารณามอบผลตอบแทนให้เขาทั้งหมด 49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ส่งผลต่อเงินเดือนพื้นฐานรายปีของคุก ซึ่งอยู่ที่ 3 ล้านดอลลาร์ รวมถึงโบนัสกว่า 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือการรับหุ้นของบริษัท
เมื่อปี 2022 แอปเปิลมอบหุ้นมูลค่า 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับคุก แต่สำหรับปีนี้ หุ้นที่คุกได้รับจะลดลงเหลือ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อปีที่แล้ว ผู้ถือหุ้นแอปเปิลได้รับคำแนะนำจากกลุ่มที่ปรึกษาด้านการลงทุนชั้นนำ ให้ลงคะแนนคัดค้านการจ่ายค่าตอบแทนของคุก
ในจดหมายถึงนักลงทุน Institutional Shareholder Services (ISS) ระบุว่า ผลตอบแทนของคุกนั้นมากกว่าค่าจ้างของพนักงานแอปเปิลทั่วไปถึง 1,447 เท่า
จับตาผลประกอบการแอปเปิล
แต่หากพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ นักวิเคราะห์มองว่าธุรกิจของแอปเปิลยังมีแรงฝ่าฟันกับภาวะตกต่ำได้ดีกว่ายักษ์ด้านเทคโนโลยีรายอื่น ในรายงานผลประกอบการล่าสุด แอปเปิลรายงานว่ามียอดขายเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบเป็นรายปี นอกจากนี้ ผลประกอบการประจำไตรมาสเดือนกันยายนยังทำสถิติใหม่
“แอปเปิลยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยผลิตภัณฑ์ชั้นนำในอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพสูง” นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยหลักทรัพย์ Monness Crespi and Hardt แสดงมุมมองไว้ในบันทึกนักลงทุน พร้อมระบุว่า
“แต่อุปสรรคด้านกฎระเบียบยังมีอยู่ และเราเชื่อว่าวันที่มืดมนที่สุดของภาวะตกต่ำนี้กำลังรอเราอยู่”
อ้างอิง: