Adidas Samba : 75 ปี รองเท้ารุ่นขลังอันทรงพลัง จาก ‘เยอรมนี’ ถึง ‘สุขุมวิท 11’

Adidas Samba : 75 ปี รองเท้ารุ่นขลังอันทรงพลัง จาก ‘เยอรมนี’ ถึง ‘สุขุมวิท 11’

เปิดประวัติ 75 ปี รองเท้ารุ่นขลังอันทรงพลัง ‘Adidas Samba’ จากพัฒนาจากสตั๊ดกันลื่นในเยอรมนี มาถึงสนีกเกอร์อันทรงพลังในสุขุมวิท 11

KEY

POINTS

  • ต้นกำเนิดของรองเท้า Adidas รุ่น Samba ที่มาจากเกล็ดน้ำแข็งบนผืนหญ้า
  • ใช้ชื่อว่า ‘แซมบา’ เพราะเป็นกลยุทธ์การแก้เกมและคว้าโอกาสทางการตลาด
  • ทำไมถึงฮิตมาอย่างยาวนานจนเกือบถึงศตวรรษ?

ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา มีรองเท้านานารุ่นจากยี่ห้อนับไม่ถ้วนที่ถูกผลิตขึ้นในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เริ่มจากการตอบโจทย์ทางด้านการใช้งาน โดยเฉพาะกับกีฬา และค่อย ๆ วิวัฒน์เข้าสู่การสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์ในแง่ของแฟชั่นและการแต่งตัวจนเป็นเรื่องยากที่จะจดจำชื่อทั้งหมดไหว หากไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่คลุกคลีอยู่ในแวดวง

ทว่ากลับมีรองเท้าอยู่รุ่นหนึ่ง ที่ไม่เพียงชื่อของมันได้คงกระพันต่อกาลเวลามานานหลายทศวรรษ แต่ตัวของมันเองยังอยู่คู่เท้าของผู้คนมากมายทั่วโลกมาตลอดหลายปีตั้งแต่ตัวของมันได้ถือกำเนิดขึ้น ทั้งถูกยกให้เป็นหนึ่งใน ‘Icon’ ที่มีเอกลักษณ์และความคลาสสิกเฉพาะตัวชัดที่สุด และมีรุ่นมีการคอลแลปส์กันกับศิลปินหรือผู้มีชื่อเสียงอื่น ๆ อีกหลายรุ่นอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้เอง จึงไม่แปลกที่หลายครั้งหลายครา รองเท้ารุ่นที่ว่านี้จึงกลายเป็นตัวเลือกของใครหลายคน ไม่เพียงแค่ดาราหรือเซเลบริตี แต่รวมถึงคนธรรมดาทั่วไป

รองเท้าที่เรากำลังกล่าวถึงอยู่นั้นคือ ‘แซมบา’ (Samba) หนึ่งในรองเท้าจาก ‘Adidas’ ที่เก่าแก่ที่สุดและโด่งดังเคียงบ่าเคียงไหล่ไม่แพ้กับอีกหนึ่งรุ่นอย่าง ‘Stan Smith’ เลยแม้แต่น้อย

แต่เพราะอะไรแน่ ที่ทำให้ Samba กลายเป็นหนึ่งในรองเท้า Icon ที่ถูกพัฒนาเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้? ทำไมถึงใช้ชื่อว่า ‘Samba’ รองเท้าที่ว่านี้มีความเกี่ยวข้องกับการเต้นแซมบาหรือเปล่า? ในบทความนี้ The People จะพาไปย้อนสำรวจเรื่องราวของรองเท้ารุ่นขลังที่ทรงพลังมายาวนานเกิน 70 ปี

สตั๊ดรุ่นแรกจาก Adidas

ถ้าหากถามว่ารองเท้ารุ่นไหนคือรองเท้ารุ่นแรก ๆ ของแบรนด์อย่าง Adidas ชื่อของ ‘Samba’ ย่อมอยู่ในนั้นด้วย เพราะนับจากปีที่มันถือกำเนิดและวางขายครั้งแรกในปี 1949 มาจนถึงทุกวันนี้ รองเท้ารุ่นนี้ก็มีอายุกว่า 75 ปีเข้าไปแล้ว 

รองเท้ารุ่น Samba ถือกำเนิดขึ้นในฐานะ ‘รองเท้าสตั๊ด’ เพื่อใช้ในการเตะฟุตบอลของแบรนด์รองเท้าเยอรมนีที่ทุกวันนี้เรารู้จักในนาม Adidas และแน่นอนว่าหน้าที่ของรองเท้าสตั๊ดคือการยึดเกาะกับผืนสนามหญ้าเพื่อเป็นตัวช่วยในการยึดหลักและการเคลื่อนตัวในการเล่นฟุตบอล

ทว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในการเล่นฟุตบอลในประเทศเยอรมนี หรือหลาย ๆ ประเทศที่อุณหภูมิต่ำจนเกิดหิมะหรือหยาดน้ำค้างที่เยือกแข็งบนพื้นผิวของสนามหญ้า เพราะย้อนกลับไปในยุคนั้น แม้ว่ารองเท้าสตั๊ดดั้งเดิมจะช่วยยึดหลักคุณกับผืนหญ้าได้ แต่หากมีน้ำแข็งหรือเศษหิมะเคลือบคลุมอยู่ก็จะทำให้มันลื่นกว่าปกติได้

อดอล์ฟ ดาสเลอร์’ (Adolf Dassler) ผู้ก่อตั้ง Adidas ที่ตระหนักได้ถึง Pain Point นี้ จึงได้พยายามคิดหาวิธีการสร้างรองเท้าที่จะมาตอบโจทย์ปัญหาที่นักกีฬาหลายคนเผชิญ ดาสเลอร์จึงได้ประดิษฐ์รองเท้าหุ้มข้อ ถักร้อยด้วยหนังจิงโจ้สีดำ ตัดด้วยลวดลายและขีดสีขาว เพิ่มพลังยึดเกาะด้วยพื้นยางแบบ Gum Soe จนเกิดเป็น Samba รุ่นแรกสุด ที่ทำให้นักกีฬาสามารถเคลื่อนไหวบนสนามหญ้าที่มีน้ำแข็งเกาะได้ดียิ่งขึ้น

ไฉนใช้ชื่อ ‘Samba’

ทำไมต้อง Samba?’ ผู้อ่านอาจสงสัย

เราย่อมคุ้นชินกับคำว่า ‘แซมบา’ ในฐานะการเต้นรำแบบหนึ่งจากประเทศบราซิล ที่อาศัยทักษะและความพลิ้วไหวค่อนข้างมากในการจะเต้นรำแบบนั้น ที่มาของมันก็ไม่ได้อยู่ห่างจากนิยามของแซมบาที่เราเพิ่งเอ่ยถึงไปนี้นัก 

แต่ว่ามันก็ไม่ได้มาจากการที่ดาสเลอร์ไปอินกับการเต้นรำแซมบาจนเอามันมาตั้งชื่อให้สินค้าชิ้นใหม่ของเขาหรอกนะครับ แต่มาจากการเป็นเพราะในปีนั้น (1950) กำลังจะมีฟุตบอลโลกจัดที่ประเทศบราซิล และดาสเลอร์ก็มองว่ามันจะเป็นโอกาสทองทางการตลาดที่จะขายรองเท้ารุ่นใหม่ของเขา

ทว่าบราซิลไม่ได้มีหิมะเฉกเช่นประเทศในโซนยุโรป การจะขายยาแก้ปวดให้คนที่ไม่ได้ปวดหัวย่อมเป็นเรื่องเหนือจริง สิ่งนี้จึงได้กลายเป็นโจทย์ต่อไปของดาสเลอร์ ว่าเขาจะขายรองเท้านี้อย่างไร ถ้าไม่ได้มีใครมี Pain Point ตามที่สินค้าของเขากำเนิดมาเพื่อกำจัด

ดังนั้นถ้าเจาะกลุ่มเป้าหมายในด้านของความต้องการไม่ได้ ก็เจาะในด้านของ Perception ของผู้บริโภคไปเสียเลย ดาสเลอร์จึงได้ไปหยิบเอาชื่อการเต้นรำของบราซิลอย่างแซมบามาตั้งเพื่อให้ผู้คนรู้สึกว่า ถ้ามาเล่นที่บราซิล ก็ต้องใส่ Samba 

ด้วยเหตุนี้ ทั้งเหล่านักบอลบราซิลหรือนักบอลต่างชาติที่ไปเยือนบราซิลก็ล้วนรู้สึกว่าถ้าจะหารองเท้าสตั๊ดที่เหมาะเตะในบราซิล ก็ต้องซื้อรุ่น Samba สิ หรือแม้แต่กลุ่มลูกค้าในประเทศบราซิลเองก็อาจมีความรู้สึกที่ว่า การใส่ Adidas รุ่น Samba น่าจะเป็นภาพแทนของการที่ฟุตบอลโลกได้มาเยือนบราซิล จนมีรองเท้ายี่ห้อหนึ่งตั้งชื่อตัวเองตามวัฒนธรรมของบราซิล

กลยุทธ์การตลาดของดาสเลอร์ที่อ้อมเข้าตีกลุ่มผู้บริโภคนี้สำเร็จลุล่วงปานพลุแตก ไม่เพียงแค่ยอดขายของ Samba เป็นไปอย่างถล่มทลาย แต่ยังเป็นตัวอย่างที่ทำให้เราได้เห็นถึงความพลิ้วไหวของแนวคิดทางการตลาดอีกว่า ทางหนึ่งไม่ได้ ก็ใช่ว่าอีกทางหนึ่งไม่ได้ 

ถ้าเราจะขายยาแก้ปวดให้กลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้ปวดหัว ทางเลือกหนึ่งนอกจากการเดินจากไปและเปลี่ยนเป้าหมายอาจเป็นกลยุทธ์การตลาดที่บอกเขาว่า ‘หากพกยาของเราติดตัวไป คุณจะไม่ปวดหัว’ ก็เป็นได้… นี่แหละคุณค่าและหน้าที่ของสิ่งที่เรียกว่า ‘การตลาด

 

คงกระพันความดังมาค่อนศตวรรษ

แน่นอนว่าฟุตบอลโลกในปี 1950 ถือเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Samba ก้าวขึ้นสู่รองเท้าสนีคเกอร์ที่ฮิตที่สุดตลอดกาล แต่สาเหตุดังกล่าวก็ยังไม่ได้ช่วยตอบว่าทำไมรองเท้าที่ถูกสร้างขึ้นมาแบบ ‘เฉพาะทาง’ มาก ๆ อย่าง Samba ถึงได้อยู่ยงคงกระพันมานานถึง 75 ปี?

แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะหนังจิงโจ้ที่ทำให้มันยืนยงมาได้นานขนาดนี้ เพราะแม้ว่า Adidas Samba จะอยู่มาอย่างยาวนาน แต่ในตัวของมันเองก็มีวิวัฒนาการเกิดขึ้นอยู่ในทุก ๆ รุ่น ถึงกระนั้น ในทุก ๆ รุ่นก็กลับมีเสน่ห์ที่เป็นแกนพลังสำคัญที่มัดใจคนมาได้หลายทศวรรษขนาดนี้

ลักษณะประการแรกก็ต้องยกให้ความ ‘ลำลอง’ (Casual) ของ Samba ที่ทำให้มีผู้คนมากมายรู้สึกว่าต้องมีรองเท้านี้ติดตู้เอาไว้ เพราะไม่ว่าจะใส่กับชุดไหน ๆ ความนิ่งและธรรมดาของมันกลับสามารถปรับตัวเข้าได้กับเสื้อผ้าในหลากหลายสไตล์ ในขณะที่ไม่ได้ดูเด่นเลินเล่อ

ประการต่อมาก็คงหนีไม่พ้น ‘ฟังก์ชัน’ ของมันที่เป็นแก่นหลักสำคัญจากรุ่นแรกเดินหน้ามาถึงรุ่นปัจจุบันอย่าง ‘พื้นยาง’ ของ Samba แม้ว่ามันจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์สนามหญ้าน้ำแข็งเกาะ แต่ต่อมามันก็ถูกขยายฟังก์ชันของมันให้ใช้ได้กว้างขวางมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฟุตซอล, สเก็ตบอร์ด ในขณะเดียวกันก็สามารถใช้ได้แม้ไม่ได้เล่นกีฬา จนทำให้เสน่ห์ของความลำลองของ Adidas Samba เข้าถึงผู้คนได้กว้างขึ้น

ตัวอย่างที่ชัดเจนก็ต้องยกให้กับบทสัมภาษณ์ผู้ใช้งานจริงจากช่อง NachoAverageFinds ที่ได้พูดคุยกับผู้ใช้งานรองเท้า Samba และเขาก็ได้ยืนยันว่าเหล่าพนักงานส่งของหรือบุรุษไปรษณีย์ก็ล้วนใช้ Samba กันจนเป็นเรื่องธรรมดา เพราะความเข้าถึงง่ายและพลังในการยึดเกาะของมัน

ท้ายที่สุดก็ต้องยกให้กับความยืดหยุ่นของ Adidas Samba แต่ความยืดหยุ่นที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึงความยืดหยุ่นทางกายภาพ แต่เป็นความยืดหยุ่นในลักษณะของ Samba ที่เปิดรับและดูเข้าที่เข้าทางเมื่อมีการ Collaboration กับศิลปินมากมายหลายคน จนเป็นการสร้างลูกเล่นให้กับความหลากหลายในสินค้าตัวเดียว

นอกจากเราจะได้ทราบถึงเส้นทางการเกิดขึ้นและการเติบโตของรองเท้าในตำนานแล้ว เรื่องราวของ Adidas Samba ก็ยังเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจในแง่ของความยืดหยุ่นทางการตลาด ที่ทำให้รองเท้ารุ่นนี้เข้าถึงผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะชาติไหน ๆ ทำอาชีพอะไร หรือต้องการรองเท้าแบบใด

อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Adidas Samba ฮิตติดชาร์ตรองเท้ายอดนิยมก็คงหนีไม่พ้นเหล่าศิลปิน - คนดัง ที่หยิบ Adidas Samba มาสวมใส่จนทำให้ใครหลายคนต่างพากันสนใจและนิยมชมชอบรองเท้าคู่นี้ ไม่ว่าจะจากเยอรมนี อังกฤษ ฮอลลีวูด หรือ สุขุมวิท 11…