22 ก.พ. 2566 | 10:49 น.
- ปี 2019 The Mall เคยเปิดตัว AR Game เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่มาก่อน และค่อยข้างประสบความสำเร็จ
- กลยุทธ์ใหม่ปี 2023 The Mall เปิดตัว MNIVERSE แพลตฟอร์มโลกเสมือนเชื่อมโลกออฟไลน์กับออนไลน์
- The Mall ตั้งเป้าขยายกลุ่ม Gen Z จากปัจจุบันแค่ 7% อยากเป็น first relationship ของนักช้อป
“ถ้ามันจะเฟลอย่างน้อยเราก็ได้ลอง ได้เรียนรู้ ได้พัฒนา”
คำพูดของ ‘วรลักษณ์ ตุลาภรณ์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด พูดเกี่ยวกับกลยุทธ์ใหม่ที่จะเปิดตัวในเดือนมีนาคมนี้ (อย่างเร็วที่สุด) ซึ่งก็คือ ‘MNIVERSE’ โลกเสมือนจริงในอุตสาหกรรมรีเทลจาก The Mall เป็นรายแรกในประเทศไทย
ทั้งนี้ MNIVERSE เป็นการเชื่อมต่อระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน โดยจะใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 3D – IMMERSIVE - INTERACTIVE WEB 3.0 ในคอนเซ็ปต์ “BE VIRTUAL FOR REAL EXPERIENCES”
ความน่าสนใจของ MNIVERSE ก็คือ ในอนาคตผู้ใช้แพลตฟอร์มนี้สามารถเก็บเหรียญ, สะสมส่วนลด ไปจนถึงการลุ้นรับรถยนต์ในโลกเสมือนได้ โดยจะนำมาใช้กับโลกออฟไลน์ ถือเป็นการสร้างประสบการณ์อย่างหนึ่งให้กับผู้บริโภค
เหตุผลซ่อนของ MNIVERSE
ในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ loyalty หรือ ความภักดีในแบรนด์ที่ลดลง เหตุผลเพราะว่าในช่วงที่มีคนไทยประสบปัญหาขาดแคลนสินค้าอย่างหนัก ทำให้เกิดการข้ามแบรนด์ได้ง่ายขึ้น และเปิดใจใช้สินค้าจากแบรนด์อื่นได้
ขณะเดียวกัน โควิด-19 ก็เหมือนเป็นการฝึกให้ผู้ใช้มือถือต่างวัยสามารถเข้าใจและเรียนรู้โลกดิจิทัลได้ ขณะเดียวกันก็ยังคิดถึงการเดินห้างสรรพสินค้า ดังนั้น การที่ The Mall พัฒนาแพลตฟอร์มที่สามารถเชื่อมต่อทั้งสองโลกเข้าด้วยกันได้ ก็เหมือนเป็นการซื้อใจนักช้อปได้อย่างหนึ่ง
อีกหนึ่งเหตุผลที่ The Mall เลือกที่จะพัฒนา MNIVERSE เพราะว่า กลุ่มเป้าหมาย Gen Z ที่มีสัดส่วนค่อนข้างต่ำแค่ 7% เทียบกับ Gen Y หรือ รุ่น Baby Boomer
วรลักษณ์ อธิบายว่า “ในโลกที่เต็มไปด้วยสังคมสูงวัย การปรับโฟกัสไปที่ Gen Z ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ The Mall จำเป็นต้องโฟกัสกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น แม้ว่า Gen Y และ Baby Boomer มีกำลังซื้อที่สูงกว่า แต่ Gen Z ก็เป็นกลุ่มที่เริ่มทำงานและมีรายได้พื้นฐานแล้ว”
“เราเชื่อใน first relationship ก็คือ เชื่อว่าไม่มีใครลืมอะไรที่เป็นครั้งแรก ยกตัวอย่าง เช่น แฟนคนแรก, เงินเดือนก้อนแรก, ของขวัญชิ้นแรก ดังนั้น The Mall จึงอยากเข้าไปอยู่ในตำแหน่งนั้นของคน Gen Z”
ไม่มีอะไรสมบูรณ์
แพลตฟอร์ม MNIVERSE ที่จะเปิดตัวครั้งแรกเร็ว ๆ นี้ วรลักษณ์ ได้พูดย้ำว่า “ทีมของเราได้ทดลองระบบมาแล้วเกือบ 1 ปี ซึ่งมันจะเป็นเวอร์ชั่นที่เราพอใจระดับหนึ่งถึงเลือกที่จะเปิดตัว”
“อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่จะสมบูรณ์ 100% ขนาด iOS ของ Apple ยังต้องอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่เรื่อย ๆ ก็เหมือนกับ MNIVERSE ที่ในอนาคตอาจจะมีการอัพเดทเวอร์ชั่นเป็น 1.0, 2.0 ต่อไป ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้” (เปรยว่าอาจอัพเดททุก 1 ปี หรือ 6 เดือน)
ความน่าสนใจของ MNIVERSE ไม่ได้มีแค่โซนให้ช้อปปิ้ง หรือ ดูเสื้อผ้าที่อยู่ในห้างฯ The Mall แต่จะมีอีกหลายโซนจำลองในแพลตฟอร์มนี้ด้วย
เช่น มีโซนที่ให้ชมสตรีมมิ่งภาพยนตร์และคอนเสิร์ต, โซนเสริมทักษะกับกิจกรรมสัมมนา อบรมหลักสูตรต่าง ๆ ไปจนถึง โซนดิจิทัลอาร์ตแกลเลอรี่ อารมณ์เหมือนเราไปดูงานนิทรรศการภาพวาดในโลกแห่งความจริงนั่นเอง
ที่บอกว่ามีโซนคลาสอบรม หรือ งานคอนเสิร์ตในอนาคต เพราะว่า MNIVERSE สามารถเปิด ‘ฟังก์ชั่นเสียง’ (VOICE) เพื่อคุยกับเพื่อน ๆ ใน MNIVERSE ได้ หรือ TEXT CHAT ได้เช่นกัน (จินตนาการเหมือนเรากำลังเข้าโปรแกรม Zoom กับเพื่อนร่วมงานและเปิดไมค์พูดคุยกันได้)
นอกจากนี้ ในอนาคตโลกใน MNIVERSE เราอาจได้พบกับศิลปินในดวงใจในรูปแบบ AVATAR ก็ได้ ซึ่งก็เป็นการจำลองสถานการณ์ของ LIVE MEET & GREET
ขณะเดียวกัน The Mall ก็ไม่ทิ้งความสำคัญเรื่องการศึกษากับโลกเสมือนเช่นกัน โดยได้ร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งมีอาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านโลกเสมือนจริง เพื่อต้องการสร้างคอร์สเรียนออนไลน์จาก SkillLane แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ชั้นนำของไทยอีกด้วย
ความน่าสนใจของ MNIVERSE ยังมีอีกหลายอย่าง และคิดว่าในอนาคตจะมีฟังก์ชั่นใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาด้วย
วรลักษณ์ ได้พูดถึงความคืบหน้าของการตลาดของ The Mall ครั้งนี้ว่า “ไม่มีอะไรที่ทำแล้วจะ success เลย การตลาดตอนนี้มันยากขึ้นมาก เราต้องพยายามครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายให้ครบ”
“และเชื่อว่า MNIVERSE จะเปิดพื้นที่เปิดเพื่อให้ลูกค้าได้เป็นตัวเองในแบบที่อยากเป็นผ่านตัวอวตาร ในเมื่อเราอยากเจาะกลุ่ม Gen Z เราก็ต้อง offer ในสิ่งที่พวกเขาชอบและสนใจ”