07 เม.ย. 2568 | 01:56 น.
“ผู้ที่รู้ว่าตนจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร ย่อมสามารถทนรับสิ่งต่าง ๆ ได้เกือบทุกอย่างบนโลกใบนี้”
คำพูดนี้ของ ‘วิกเตอร์ อี. แฟรงเคิล’ จากหนังสือ ‘Man's Search for Meaning’ ไม่ใช่แค่คำปลอบใจธรรมดา แต่เป็นเหมือนแสงเทียนในห้องมืด ที่ส่องสว่างให้เราเห็นทางออกในยามที่ชีวิตเต็มไปด้วยความมืดมน…
แฟรงเคิลเผชิญกับความโหดร้ายของค่ายกักกัน สถานที่ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แทบไม่เหลืออยู่ แต่ท่ามกลางความทุกข์ทรมานนั้น เขากลับค้นพบความจริงที่ว่า ในเมื่อเราไม่อาจควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะตอบสนองต่อมันอย่างไร
แฟรงเคิลบอกเราว่า มีสามวิธีที่จะช่วยให้เราค้นพบความหมายในชีวิต หนึ่ง ผ่านการสร้างสรรค์ผลงาน สอง ผ่านความสัมพันธ์และความรัก และสาม ผ่านทัศนคติที่เรามีต่อความทุกข์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
นี่ไม่ใช่ทฤษฎีที่ถูกเขียนขึ้นในห้องทำงานที่สะดวกสบาย แต่เป็นบทเรียนที่ถูกหล่อหลอมผ่านประสบการณ์อันแสนเจ็บปวด
เคยรู้สึกไหม เวลาที่คุณพลาดโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ถูกย้ายไปแผนกที่ไม่ถนัด หรือได้รับมอบหมายงานที่ยากเกินความสามารถ ความผิดหวังเหล่านี้ราวกับเมฆหมอกทึบที่บดบังแสงอาทิตย์ แต่แฟรงเคิลพยายามบอกเราว่า ความทุกข์ยากเหล่านี้อาจเป็นประตูบานใหม่ที่นำไปสู่การเติบโต การเรียนรู้ หรือการค้นพบความสามารถที่เราไม่เคยรู้ว่ามี “ชีวิตมีความหมายในทุก ๆ สถานการณ์ แม้แต่ชีวิตที่น่าสังเวชที่สุด” ดังนั้น ไม่ว่าจะเจออะไร อย่าด่วนตัดสินว่ามันเลวร้าย บางทีมันอาจเป็นคำถามที่ชีวิตถามเรา เพื่อให้เราค้นพบคำตอบที่จะทำให้เราเติบโตขึ้น
“เมื่อเราไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ได้ เราจะถูกท้าทายให้เปลี่ยนตัวเอง” คำพูดนี้ราวกับเข็มทิศสำหรับคนทำงานทุกคน โดยเฉพาะในยามที่เราติดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย เมื่อทางตันอยู่ตรงหน้า หลายคนเลือกที่จะยอมแพ้ แต่แฟรงเคิลเลือกที่จะมองหาทางออกผ่านการปรับเปลี่ยนตัวเอง เช่นเดียวกับต้นไม้ที่งอกงามแม้ในพื้นที่แคบ ด้วยการปรับตัวให้เติบโตในทิศทางที่มีช่องว่าง บางทีเจ้านายที่เข้มงวดอาจเป็นโอกาสให้คุณเรียนรู้ที่จะทำงานอย่างละเอียดรอบคอบ หรือเพื่อนร่วมงานที่ยากจะเข้าใจอาจสอนให้คุณอดทนและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น
แฟรงเคิลเชื่อว่า “การช่วยเหลือมนุษย์ผ่านความรักและในความรักคือเป้าหมายสูงสุด” ในวันที่คุณรู้สึกอ่อนล้า ความรักจากครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงตัวน้อย อาจเป็นพลังที่ทำให้คุณลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ลองนึกถึงช่วงเวลาที่คุณทำงานอย่างมีความสุขที่สุด นั่นอาจเป็นเพราะคุณกำลังทำงานเพื่อคนที่คุณรัก หรือกำลังทำในสิ่งที่คุณรัก การระลึกถึงความรักนี้จะเป็นแรงผลักดันที่ช่วยให้คุณฝ่าฟันความยากลำบากได้
“ทุกสิ่งสามารถถูกพรากไปจากมนุษย์ได้ ยกเว้นสิ่งหนึ่ง นั่นคือ เสรีภาพสุดท้ายของมนุษย์ การเลือกทัศนคติในสถานการณ์ใด ๆ” นี่คือความจริงที่ลึกซึ้งที่สุด ไม่ว่าชีวิตจะโยนอะไรมาให้คุณ คุณยังมีอิสระที่จะเลือกว่าจะมองมันอย่างไร เมื่องานหนักเกินไป แทนที่จะบ่นว่า “ทำไมต้องเป็นฉัน” ลองเปลี่ยนเป็น “นี่คือโอกาสที่จะแสดงให้เห็นว่าฉันทำได้” การเปลี่ยนมุมมองนี้ไม่ได้เปลี่ยนสถานการณ์ แต่เปลี่ยนพลังงานและความรู้สึกของคุณต่อมัน ทำให้คุณเห็นทางออกที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“อย่าเล็งไปที่ความสำเร็จ เพราะยิ่งคุณเล็งไปที่มัน คุณจะยิ่งพลาดมัน” บางทีปัญหาของคนทำงานยุคนี้อาจเป็นเพราะเราหมกมุ่นกับเป้าหมายและความสำเร็จมากเกินไป จนลืมเพลิดเพลินกับกระบวนการและการเรียนรู้ระหว่างทาง เหมือนการเดินทางท่องเที่ยว หากคุณมุ่งหน้าไปที่จุดหมายอย่างเดียว คุณอาจพลาดวิวทิวทัศน์ที่สวยงามระหว่างทาง มีอะไรที่น่าเรียนรู้มากมายในทุก ๆ วัน แม้แต่ในวันที่ล้มเหลว ลองมองการทำงานแต่ละวันเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา แล้วความสำเร็จจะตามมาเอง
“ชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราคาดหวังจากมัน แต่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ชีวิตคาดหวังจากเรา” หลายครั้งที่เราผิดหวังเพราะชีวิตไม่เป็นไปตามที่หวัง เราอาจถามว่า “ทำไมฉันต้องเจอแบบนี้?” แต่คำถามที่ควรถามคือ “ชีวิตต้องการให้ฉันเรียนรู้อะไรจากสถานการณ์นี้?” เมื่อเปลี่ยนมุมมอง คุณจะพบว่าทุกสถานการณ์มีบทเรียนซ่อนอยู่ และเมื่อคุณเรียนรู้ที่จะตอบสนองต่อสิ่งที่ชีวิตคาดหวัง คุณจะพบว่าชีวิตมีความหมายและคุณค่ามากขึ้น
แฟรงเคิลเคยเล่าเรื่องผู้คนในค่ายกักกันที่มีเป้าหมายชัดเจน เช่น การกลับไปหาครอบครัว หรือการสร้างผลงานหลังสงคราม พวกเขามีแนวโน้มที่จะมีชีวิตรอดมากกว่า นี่เป็นเพราะพลังของการมีเป้าหมายที่ชัดเจน เปรียบเสมือนดาวเหนือที่นำทางในคืนอันมืดมิด ลองถามตัวเองว่า อะไรคือสิ่งที่คุณตื่นเต้นที่จะทำในอนาคต? อะไรคือผลงานที่คุณอยากสร้างก่อนจากโลกนี้ไป? เมื่อคุณมีคำตอบ จงยึดมั่นในมันและใช้มันเป็นแรงผลักดันในทุก ๆ วัน
สุดท้ายนี้ คำสอนของแฟรงเคิลไม่ใช่เพียงทฤษฎี แต่เป็นแผนที่นำทางสำหรับชีวิตที่มีความหมาย แม้ในวันที่มืดมน ยามที่คุณรู้สึกว่าไม่มีทางออก ขอให้จำไว้ว่า ความทุกข์ไม่ได้ปราศจากความหมาย มันเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางที่จะนำเราไปสู่การค้นพบตัวตนที่แท้จริง การเติบโต และการมีชีวิตที่สมบูรณ์มากขึ้น
ในห้วงเวลาแห่งความเจ็บปวดและความท้าทาย ขอให้จำไว้ว่า คุณไม่ได้เดินทางคนเดียว เรามักเกิดมาโดยไม่ได้เลือก แต่เราเลือกได้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร จะตอบสนองต่ออุปสรรคแต่ละอย่างอย่างไร ความหมายของชีวิตไม่ได้ปรากฏชัดเจน แต่ซ่อนอยู่ในหัวใจของเรา รอให้เราค้นพบผ่านการใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างเต็มที่ ด้วยความรัก ความหวัง และความกล้าหาญ ยามที่คุณล้มลง จงลุกขึ้นใหม่ ไม่ใช่เพราะความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้า แต่เพราะการลุกขึ้นครั้งนี้ คือความหมายของชีวิตที่คุณกำลังเขียนขึ้นด้วยตัวคุณเอง
สวัสดีวันจันทร์ที่ฝนกำลังโปรยปราย
พาฝัน ศรีเริงหล้า