สวัสดีวันจันทร์: “เลือกคนที่เหมาะสม มาทำงานที่เหมาะสม สำเร็จไปแล้วครึ่งทาง”

สวัสดีวันจันทร์: “เลือกคนที่เหมาะสม มาทำงานที่เหมาะสม สำเร็จไปแล้วครึ่งทาง”

สวัสดีวันจันทร์สัปดาห์นี้เป็นการหยิบยกคำพูดของ ผู้ร่วมก่อตั้ง ‘Pinterest’ ที่กล่าวว่า “เลือกคนที่เหมาะสม มาทำงานที่เหมาะสม สำเร็จไปแล้วครึ่งทาง”

“เลือกคนที่เหมาะสม มาทำงานที่เหมาะสม สำเร็จไปแล้วครึ่งทาง” 

ประโยคนี้ของ ‘เบน ซิลเบอร์แมนน์’ ผู้ร่วมก่อตั้ง ‘Pinterest’ บอกอะไรเราได้มากกว่าที่คิด 

ชายผู้นี้ไม่ได้แค่สร้าง Pinterest แพลตฟอร์มที่เต็มไปด้วยภาพสวยงามและแรงบันดาลใจ แต่ยังมอบปรัชญาการทำงานให้กับคนทำงานทุกระดับ

คำพูดที่ว่า “โฟกัสที่ ‘ใคร’ มากกว่า ‘อะไร’ ในทุกการตัดสินใจ” สวนทางกับสิ่งที่หลายองค์กรสอนพนักงาน เพราะองค์กรส่วนใหญ่มักเน้นย้ำเรื่องงาน กระบวนการ เป้าหมาย หรือประสิทธิภาพ แต่เบนกลับมองว่า ‘คน’ ต่างหากที่สำคัญที่สุด

ใครที่เคยทำงานในตำแหน่งที่ไม่เหมาะกับตัวเองคงเข้าใจความรู้สึกนี้ดี การพยายามฝืนทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเรานั้น ไม่ต่างอะไรกับการว่ายน้ำทวนกระแส เหนื่อยมาก แต่ไปได้ไม่ถึตงไหน หนำซ้ำคนอื่นอาจมองว่าเราพยายามไม่พอ แต่ความจริงคือเราอาจอยู่ผิดที่

งานวิจัยจาก ‘Gallup’ ในปี 2018 ที่สำรวจพนักงานกว่า 7,000 คน ยืนยันว่า คนที่ได้ทำงานที่ใช้จุดแข็งของตัวเองเป็นประจำมีโอกาสไม่ถึง 15% ที่จะลาออก และมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงกว่าคนที่ไม่ได้ใช้จุดแข็งถึง 38%

แต่เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ความรับผิดชอบของตัวพนักงานเท่านั้น ผู้นำและหัวหน้าก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน

บ่อยครั้งที่ผู้นำล้มเหลวในการมองเห็นศักยภาพที่แท้จริงของลูกทีม พวกเขามักจะมองเห็นแค่ ‘ประวัติการศึกษา’ หรือ ‘ประสบการณ์’ โดยไม่มอง ‘ความสามารถที่ซ่อนอยู่’ หนำซ้ำหัวหน้าบางคนยังยึดติดกับโครงสร้างองค์กรมากเกินไป จนลืมว่าคนเก่งอาจทำงานข้ามสายงานได้ดีกว่า
 

หัวหน้าอีกไม่น้อยที่ยังขาดการรับฟังอย่างแท้จริงเวลาที่พนักงานบอกว่าอยากลองทำอะไรใหม่ ๆ และเป็นเพราะกลัวการเปลี่ยนแปลง จึงปล่อยให้ ‘คนที่ไม่เหมาะกับงาน’ ทำงานนั้นต่อไป แม้จะรู้ว่าทั้งงานและคนจะได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลง

หัวหน้าที่ดีจึงต้องเป็นเหมือนช่างปั้น ที่เห็นศักยภาพในก้อนหินและช่วยสลักให้มันเผยความงามออกมา ไม่ใช่พยายามบังคับให้ทุกคนเป็นเหมือนกันหมด

หากเป็นพนักงานที่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทาง การพูดคุยอย่างตรงไปตรงมากับหัวหน้าอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี บอกพวกเขาถึงสิ่งที่เราถนัดจริง ๆ และอธิบายว่าทำไมการปรับเปลี่ยนจะทำให้องค์กรได้ประโยชน์ด้วย

ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้เมื่อทั้งสองฝ่ายเปิดใจ ทั้งหัวหน้าที่กล้าเปลี่ยนแปลงการวางคนและพนักงานที่กล้าบอกความต้องการที่แท้จริงของตนเอง

องค์กรที่ทำเรื่องนี้ได้ดีจะมีทั้งประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง บริษัทอย่าง Google, Zappos หรือแม้แต่ Pinterest เองก็ให้ความสำคัญกับการจับคู่คนกับงานที่เหมาะสม พวกเขาเข้าใจว่าเมื่อคนได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก พวกเขาไม่เพียงแค่ทำงานได้ดีขึ้น แต่ยังมีความสุขและความผูกพันกับองค์กรมากขึ้นด้วย
 

ความจริงอันเรียบง่ายคือ เมื่อทำสิ่งที่ถนัดและรัก งานจะไม่รู้สึกเหมือนภาระ แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต มันไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความท้าทาย แต่ความยากนั้นจะมาพร้อมกับความรู้สึกว่ามัน ‘คุ้มค่า’ คุ้มค่าที่จะฝ่าฟัน คุ้มค่าที่จะอดทน และคุ้มค่าที่จะพัฒนาตัวเอง

ในโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน การวางคนให้เหมาะกับงานไม่ใช่แค่เรื่องของการจัดการทรัพยากร แต่เป็นเรื่องของการเห็นคุณค่าในความเป็นมนุษย์

สำหรับผู้บริหารและหัวหน้างาน การเริ่มต้นง่าย ๆ คือการชวนพูดคุยกับทีมแบบไม่เป็นทางการ ถามคำถามที่ลึกกว่า “คุณชอบงานของตัวเองไหม?” แต่เป็น “อะไรที่ทำให้คุณตื่นเต้นที่จะมาทำงาน?” หรือ “ถ้าคุณสามารถเปลี่ยนอะไรในงานของคุณได้ คุณจะเปลี่ยนอะไร?”

และสำหรับคนที่กำลังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้อยู่ในที่ที่เหมาะสม อาจถึงเวลาแล้วที่ต้องพูดออกมา บางครั้งการพูดความจริงอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่คุณไม่เคยคิดฝันว่าจะเป็นไปได้

สุดท้าย เมื่อคนที่ใช่ ได้อยู่ในที่ที่ใช่ ทุกคนจะได้เติบโตในแบบที่ตัวเองเป็น ไม่ใช่แค่องค์กรที่จะเติบโต แต่หัวใจของทุกคนด้วย

 

สวัสดีวันจันทร์ค่ะ
พาฝัน ศรีเริงหล้า