ชีวิตขึ้นสุด-ลงสุดของ ‘ฟ่านปิงปิง’ และการกลับมาเล่นหนัง ทวงคืนสถานะราชินีหนังเอเชีย

ชีวิตขึ้นสุด-ลงสุดของ ‘ฟ่านปิงปิง’ และการกลับมาเล่นหนัง ทวงคืนสถานะราชินีหนังเอเชีย

‘ฟ่านปิงปิง’ นักแสดงหญิงที่เคยโด่งดังถึงขีดสุด แต่คดีเรื่องภาษีส่งผลต่องานในวงการจนหายหน้าไปหลายปี ในปี 2023 เธอกลับมาเล่นหนังอีกครั้ง เป็นผลงานที่เดิมพันการทวงคืนสถานะราชินีหนังเอเชียก็ว่าได้

  • ‘ฟ่านปิงปิง’ เคยมีผลงานโดดเด่นทั้งด้านการแสดงและแฟชั่น จนถูกจับตามองทั้งเอเชียและระดับโลก
  • คดี ‘สัญญาหยินหยาง’ ส่งผลกระทบต่องานในวงการจนหายหน้าไปหลายปี กระทั่งปี 2023 เธอกลับมามีผลงานภาพยนตร์แนวความสัมพันธ์ระหว่างเพศหญิงกับหญิง

“แล้วพบกันปีหน้า” คือคำประกาศของ ‘ฟ่านปิงปิง’ ในงาน Busan International Film Festival ครั้งที่ 27 ที่ประกาศด้วยความหวังว่าจะได้ร่วมมือกับผู้สร้างภาพยนตร์ชาวเกาหลีมากขึ้น

เกือบห้าปีแล้วหลังจากที่ ‘ฟ่านปิงปิง’ ถูกแบนเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับภาษีตั้งแต่ปี 2018 เป็นช่วงเวลาห้าปีที่ฟ่านปิงปิงพยายามหาทางกลับมาทวงตำแหน่งนางเอกอันดับหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่ การรับงานแสดงที่เกาหลีใต้ สื่อมวลชนต่างมองว่าฟ่านปิงปิง กำลังจะใช้เส้นทางเดียวกันกับ ทังเหวย นางเอกสาวอีกคนที่ถูกจีนแผ่นดินใหญ่แบนเพราะการแสดงฉากวาบหวิวใน ‘เล่ห์ราคะ’ (Lust Caution, 2007) จนต้องมาเอาดีกับการแสดงที่เกาหลีใต้จนประสบความสำเร็จจากภาพยนตร์ ‘ฆาตกรรมรัก หลังเขา’ (Decision to Leave 2022)

“ฉันไม่ใช่ตัวแทนของทังเหวย” ฟ่านปิงปิง กล่าว

‘ฟ่านปิงปิง’ ยังคงเป็น ฟ่านปิงปิง ก่อนที่เธอจะมีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์นั้น ฟ่านปิงปิงใช้ความพยายามอย่างที่สุด กว่าจะกลายเป็นนักแสดงหญิงเบอร์หนึ่งของจีน ทั้งถูกเหยียดหยามโดยซูเปอร์สตาร์อย่างกงลี่ มีการสร้างข่าวลือเพื่อทำลายชื่อเสียง และผลงานที่สร้างชื่อให้เธอก็ถูกจัดเรตเป็นภาพยนตร์เกรดสามในฮ่องกง และถูกแบนในจีนแผ่นดินใหญ่

‘ฟ่านปิงปิง’ เกิดเมื่อวันที่ 16 กันยายน 1981 ในเมืองชิงเต่า มณฑลซานตง  ฟ่านเต๋า พ่อของเธอเคยเป็นนักร้องของคณะศิลปกรรมกรมการเมืองของกองทัพเรือ กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ส่วนจางฉวนเหม่ย แม่ของเธอเป็นนักเต้น ฟ่านปิงปิง นับว่าเติบโตขึ้นมาในครอบครัวของนักแสดง

ฟ่านปิงปิง เข้าวงการตั้งแต่อายุ 15 ปี กับผลงานแสดงแรกในละครโทรทัศน์ 女强人 (Strong Woman, 1996) ที่นำแสดงโดยหลิวเซียะหัว (นางเอก ซูสีไทเฮา เวอร์ชั่นปี 1983) ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีของฟ่านปิงปิง เพราะว่าในปี 1997 ฉงเหยา (ผู้เขียนตำนานรักดอกเหมย และองค์หญิงกำมะลอ) ได้โทรหาหลิวเซียะหัว เพื่อหานักแสดงมาแสดงในนิยายเรื่องใหม่ของเธอที่กำลังจะดัดแปลงมาเป็นละครโทรทัศน์ หลิวเซียะหัว ก็คิดถึงฟ่านปิงปิง ขึ้นมา

ในการถ่ายละคร ‘Strong Woman’ หลิวเซียะหัว ได้พบกับเด็กสาววัยเพียง 15 ปี ชื่อ ฟ่านปิงปิง ที่มารับบทเป็นตัวประกอบ ในวันนั้น ฟ่านปิงปิง นั่งอยู่บันไดขั้นบนสุดเพื่อรอการถ่ายทำ หลิวเซียะหัว เมื่อเดินผ่าน เธอหยุดมองตากลมโต ผมดำขลับของเด็กสาว แล้วก็ขอรูปถ่ายและที่อยู่ของเธอเก็บไว้ แล้วบอกกับเด็กสาวฟ่านปิงปิงว่า เธอมีลักษณะนางเอกของฉงเหยา ฉันจะแนะนำเธอให้กับฉงเหยา เมื่อมีโอกาส 

เมื่อมีการถ่ายทำ Princess Pearl หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ‘องค์หญิงกำมะลอ’ นั้น ทางฉงเหยาไว้วางใจให้ หลิวเซียะหัว คัดเลือกนักแสดงทั่วประเทศเพื่อมารับบทต่าง ๆ และก็เป็นหลิวเซียะหัว ที่เลือกฟ่านปิงปิง ที่ตอนนั้นเธอกำลังเรียนอยู่ที่สถาบันสอนการแสดงเซี่ยจิ้นเหิงทง ในนครเซี่ยงไฮ้(ที่เดียวกับจ้าวเหว่ย) มารับบท ‘จินสั่ว’ สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์ของ ‘จื่อเวย’

เมื่อ ‘องค์หญิงกำมะลอ’ ออกอากาศ ก็ทำลายสถิติสูงสุดด้วยเรตติ้งเฉลี่ยถึง 47% (สูงสุดอยู่ที่ 62.8%) นับว่าเป็นสถิติยอดผู้ชมสูงสุดในยุคนั้น จนทำให้ชื่อฟ่านปิงปิง เป็นรู้จักมากขึ้น

จากความสำเร็จของ ‘องค์หญิงกำมะลอ’ ทำให้จ้าวเหว่ย และ หลินซินหยู กลายเป็นนักแสดงสาวที่เนื้อหอมในฮ่องกง ไต้หวัน และจีนแผ่นดินใหญ่ บทนางเอกในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ต่างพิจารณาแต่ชื่อของจ้าวเหว่ย และ หลินซินหยู แต่ไม่มีชื่อของฟ่านปิงปิง

ฟ่านปิงปิง เข้าสู่วงการภาพยนตร์ด้วยผลงานภาพยนตร์เล็ก ๆ อย่าง 手足情 (Reunion) ในปี 2002 ที่เธอนำแสดงคู่กับจางจื้อหลิน และ ซูโหย่วเผิง ก่อนที่จะรับบทเป็นองค์หญิงผิงอัน ในภาพยนตร์ ‘บ้านสิงโต คำรามรักให้ลั่นโลก (The Lion Roars, 2002)  ที่นำแสดงโดยกู่เทียนเล่อ และ จาป๋อจือ ก่อนที่จะมีผลงานกับบทรับเชิญใน ‘คู่ใหญ่พายุฟัด 2’ (The Twins Effect II 2004)

ในช่วงเวลาที่ฟ่านปิงปิง กำลังไล่ตามความสำเร็จ เป็นช่วงเวลาที่วงการภาพยนตร์ฮ่องกงกำลังตกต่ำ และส่วนใหญ่ เธอยังไม่สามารถรับบทนางเอกในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ได้เสียที สิ่งที่ฟ่านปิงปิง คิดและทำในช่วงเวลานั้น คือการเดินพรมแดงตามเทศกาลภาพยนตร์

ฟ่านปิงปิง ใช้เวลาไปร่วมเดินพรมแดงตามเทศกาลภาพยนตร์ต่าง ๆ ด้วยความงามและชุดที่เธอสวมใส่ดึงดูดทั้งนักข่าวและผู้สร้างภาพยนตร์ให้สนใจเพียงแต่เธอ แม้เธอจะไม่มีภาพยนตร์ที่เธอแสดงร่วมในงานเทศกาลภาพยนตร์นั้น ๆ เลยก็ตาม การกระทำของฟ่านปิงปิง ทำให้วงการแฟชั่นหันมาสนใจงานพรมแดงในเทศกาลภาพยนตร์มากขึ้น และหันมาเป็นสปอนเซอร์ให้กับเทศกาลภาพยนตร์ เพื่อที่จะได้นำแฟชั่นของตนเองมาให้บรรดานักแสดงมาสวมใส่เพื่อร่วมงาน

การเดินพรมแดงของฟ่านปิงปิง ในช่วงเวลานั้น สร้างความไม่พอใจให้กับนักแสดงหลายคน โดยเฉพาะนักแสดงหญิงชั้นนำอย่างกงลี่ ที่กล่าวว่า “นักแสดงหญิงบางคนไม่มีผลงานเข้าร่วมในเทศกาลภาพยนตร์ด้วยซ้ำ แต่กลับมาเดินพรมแดงแย่งซีนนักแสดงคนอื่นที่มีผลงานเข้าชิงรางวัลกลับไม่ได้รับความสนใจเลย”

แม้ว่าจะถูกนักแสดงหญิงร่วมวงการหลายคนค่อนขอด ฟ่านปิงปิง ก็ไม่ได้สนใจ เพราะว่าในปี 2007 เธอมีผลงานการแสดงภาพยนตร์ถึง 7 เรื่อง เทียบกับสามปีก่อนหน้านั้น เธอมีผลงานการแสดงเพียงปีละเรื่องเท่านั้น

ในปี 2007 ฟ่านปิงปิง มีผลงานภาพยนตร์เรื่องสำคัญต่ออาชีพนักแสดงของเธออย่าง ‘เกมรักหักหลัง’ (Lost in Beijing, 2007) ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ ฟ่านปิงปิง ต้องแสดงฉากเลิฟซีนที่ต้องโชว์เนื้อหนังมังสา ทำให้เมื่อออกฉายที่ฮ่องกง ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงถูกจัดอยู่ในหมวดหนังเกรดสาม (ห้ามผู้ชมที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี รับชม) 

‘เกมรักหักหลัง’ ฉายในรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2007 และได้รับคำชื่นชมจากบรรดานักวิจารณ์ แต่เมื่อออกฉายในจีนแผ่นดินใหญ่ ทางสำนักงานวิทยุ ภาพยนตร์ และโทรทัศน์แห่งรัฐเชื่อว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกสงสัยว่าเผยแพร่เนื้อหาอนาจาร ดังนั้นจึงถูกแบนโดยสิ้นเชิงในจีนแผ่นดินใหญ่ และ Beijing Luolei Film and Television Culture Co., Ltd. บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ถูกตัดสิทธิ์ในการสร้างภาพยนตร์ภายในสองปี 

อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ฟ่านปิงปิง ได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติยูเรเซียครั้งที่ 4 และเทศกาลภาพยนตร์คาซัคสถาน 

หลังจากนั้นฟ่านปิงปิง ได้ทะยานขึ้นสู่เป็นดาราอันดับหนึ่งของจีน ฟ่านปิงปิง นับว่าเป็นนักแสดงหญิงที่มีผลงานทั้งภาพยนตร์ ซีรีส์ และมีอิทธิพลอย่างสูงในวงการแฟชั่นของจีน ในปี 2012 หลุยส์ วิตตอง (LouisVuitton) ได้เชิญฟ่านปิงปิง อย่างเป็นทางการให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของจีนและเป็นพรีเซนเตอร์เอเชียคนแรกของซีรีส์กระเป๋าถือรุ่น LV Alma ข้อมูลจากนิตยสาร Forbes ซึ่งได้มีการจัดอันดับนักแสดงชาวจีนที่มีรายได้สูงที่สุด ประจำปี 2017 นางเอกสาว ฟ่านปิงปิง ได้อันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 โดยเธอทำรายได้สูงถึง 300 ล้านหยวน หรือประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งถือได้ว่าเธอเป็นนักแสดงที่ทำรายได้สูงมากที่สุดของประเทศจีน

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 ฟ่านปิงปิง ปรากฏตัวบนหน้าปกนิตยสารไทม์ ฉบับเอเชีย ในเดือนมิถุนายน สถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์ (ออสการ์) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าฟ่านปิงปิง กลายเป็นสมาชิกใหม่ของ ‘ออสการ์ 2017’ และในเดือนกันยายนปีเดียวกัน ฟ่านปิงปิง ก็รับรางวัล China Film Golden Rooster Award ครั้งที่ 31 สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากเรื่อง  ‘อย่าคิดหลอกเจ้’ (I AM NOT MADAME BOVARY)

แต่ในขณะที่ชื่อเสียงของฟ่านปิงปิง กำลังขึ้นสู่จุดสูงสุดนั้น ชุ่ยหยงหยวน อดีตพิธีกรของ CCTV ก็ออกมาเปิดโปง ‘สัญญาหยินหยาง’ สำหรับการหลบเลี่ยงภาษีของบรรดานักแสดงระดับซูเปอร์สตาร์ของจีน โดยมุ่งเป้ามาที่ฟ่านปิงปิง โดยตรง

สัญญาหยินหยาง คือสัญญาที่ทางเอเยนซี่จะทำสัญญากับผู้จ้างงานไว้สองฉบับ ฉบับแรกคือฉบับที่ส่งสรรพากรเพื่อจ่ายภาษี และเปิดเผยต่อสาธารณะ ส่วนสัญญาฉบับที่สองคือ สัญญาที่ไว้จ่ายเป็นค่าตัวนักแสดงตามความเป็นจริง

เรื่องราวสัญญาหยินหยางของฟ่านปิงปิง นับว่าเป็นเรื่องที่ร้อนแรงมากทางอินเตอร์เน็ต แม้ว่าตัวแทนของฟ่านปิงปิง จะออกมาปฏิเสธ แต่วันที่ 1 มิถุนายน 2018 นายหาน เจิ้ง รองนายกรัฐมนตรีแห่งสภาแห่งรัฐ ได้สั่งให้หน่วยงานด้านภาษีในมณฑลเจียงซู ดำเนินการสอบสวนและตรวจสอบคดีสัญญาหยินหยางของฟ่านปิงปิง หากพบการละเมิดกฎหมายและข้อบังคับด้านภาษี พวกเขาจะถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทำให้ฟ่านปิงปิง และน้องชายของเธอ ฟ่านเฉิงเฉิง ถูกจับกุมและถูกจำกัดไม่ให้ออกนอกประเทศ 

วันที่ 3 ตุลาคม 2018 สำนักข่าวซินหัวของจีนระบุว่า สำนักงานจัดเก็บภาษีของรัฐได้ทราบข้อเท็จจริงของคดีนี้แล้ว ฟ่านปิงปิง ได้เลี่ยงภาษีจริง ๆ จำนวนภาษีและค่าปรับทั้งหมดที่ได้รับคืนสูงถึง 883 ล้านหยวน โดยแบ่งเป็นภาษีที่เรียกคืนมีจำนวน 255 ล้านหยวน ซึ่งเป็นภาษีที่ฟ่านปิงปิง และบริษัทของเธอที่หลีกเลี่ยงการชำระ บวกกับค่าปรับที่ค้างชำระคือ 33 ล้านหยวน (คำนวณเป็นรายวัน) และค่าปรับเกือบ 600 ล้านหยวนเพื่อลงโทษพฤติกรรมการเลี่ยงภาษีต่าง ๆ ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนสี่เท่าของเงินภาษีที่หลบเลี่ยง สำหรับการปกปิดรายได้ที่แท้จริงของ ‘สัญญาหยินหยาง’

หลังจากมีรายงานออกมา ฟ่านปิงปิง ขอโทษต่อสาธารณชนสำหรับพฤติกรรมเลี่ยงภาษีของเธอเป็นครั้งแรกหลังจากหายไป 123 วัน โดยกล่าวว่าได้ไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งและยอมรับการตัดสินใจลงโทษโดยหน่วยงานด้านภาษีอย่างเต็มที่ หลังเหตุการณ์ดังกล่าว สำนักข่าวซินหัวได้ออกจดหมายระบุว่า กรณีของฟ่านปิงปิง มีความสำคัญต่อการเตือนสติผู้ปฏิบัติงานด้านวรรณกรรม ศิลปะ ภาพยนตร์ และโทรทัศน์ควรปฏิบัติตามระเบียบวินัยและกฎหมาย

แม้ว่าเรื่องราวการถูกลงโทษของฟ่านปิงปิง จะผ่านไปเกือบห้าปีแล้วก็ตาม แต่สำหรับในจีนแผ่นดินใหญ่ นักแสดงที่ถูกทางการจีนแบน ทางเจ้าของแบรนด์สินค้า หรือผู้สร้างภาพยนตร์และซีรีส์จะไม่นิยมใช้นักแสดงกลุ่มนี้เท่าไหร่ เพราะกลัวว่าผลงานของพวกเขาจะถูกรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเป็นพิเศษ ทำให้ฟ่านปิงปิง ตกอยู่สภาวะเหมือนถูกแช่แข็ง

จนกระทั่งล่าสุดกับผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเธอ Green Night (2023) ซึ่งเป็นภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีใต้ กำกับโดยผู้กำกับหญิง ฮั่นฉ่วย (韩帅) ซึ่งเล่าถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของหญิงสาวอพยพชาวจีนที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสนามบิน และหญิงสาวรุ่นน้อง

Green Night (2023) เป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในรูปแบบของหญิงรักหญิง นำแสดงโดยฟ่านปิงปิง และ อีจูยอง (Lee Joo Young) นักแสดงสาวเกาหลีจากซีรีส์ ‘ธุรกิจปิดเกมแค้น’ (Itaewon Class, 2020) ซึ่งเนื้อหาภาพยนตร์แนวนี้มักจะถูกแบนในจีนแผ่นดินใหญ่ หลายฝ่ายจึงมองว่า นี่จะเป็นก้าวสำคัญที่เดิมพันชีวิตทางการแสดงของฟ่านปิงปิง อีกครั้งว่า เธอจะกลับมาเป็นราชินีหนังเอเชียอีกครั้งได้หรือไม่

Green Night (2023) นับเป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองของฟ่านปิงปิง นับจาก ‘เกมรักหักหลัง’ (Lost in Beijing, 2007) ที่เปิดตัวรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน