08 ส.ค. 2565 | 11:30 น.
- คิระ ยะมะโตะ คือพระเอกผู้ประสบกับเหตุการณ์บังเอิญมาทั้งชีวิต และเพราะความบังเอิญนี่เองที่ทำให้เขาเข้ามากอบกู้โลก
- อาจเป็นเพราะความเก่งกาจของเขาทำให้แฟนสาวของเพื่อน อย่าง 'เฟรย์' และ 'ลักซ์' ตกหลุมรักเข้าอย่างจัง
“ฉันไม่อยากฆ่าใคร อย่าบังคับให้ฉันทำ! (討ちたくない、討たせないで)”
แต่พอพระเอกพูดไดอะล็อกประมาณนี้จบทีไร พี่แกก็ยิงเหี้ยนเตียนล้าง map แทบจะทุกครั้งไป แน่นอนว่าวันนี้จะพูดถึงใครไปไม่ได้ นอกจากพี่เทพ คิระ ยะมะโตะ แห่ง Gundam Seed ทั้ง 2 ภาคนั่นเอง
เรื่อง Gundam Seed ภาคแรกนั้นออกอากาศตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ. 2002 ถึงวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 2003 ปีนี้ก็กำลังจะครบรอบ 20 ปีพอดีที่เริ่มออกอากาศ แต่เชื่อว่าแฟน ๆ หลายคนคงจำวีรกรรมต่าง ๆ ของตัวละครหลายตัวในเรื่องนี้ได้มิรู้ลืม
ซีรีส์ Gundam แม้จะมีมานานหลายทศวรรษแล้ว แต่ในยุคเก่าจะเป็นศักราช UC หรือที่เรียกว่าจักรวาล UC ในขณะที่ Gundam ภาคใหม่ ๆ หลายภาคจะมีศักราชและมีเนื้อเรื่องเป็นของตัวเอง ซึ่ง Gundam Seed ก็เช่นกัน พอดีกับในโลกแห่งความจริงช่วงนั้น กระแสทั่วโลกจับตามองประเด็นทางพันธุกรรมทั้งด้านพืชตัดต่อพันธุกรรม รวมทั้งมนุษย์ตัดต่อพันธุกรรม จึง “อาจ” เป็นแรงบันดาลใจให้ Gundam Seed มีเนื้อเรื่องที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับประเด็นทางพันธุกรรมในเรื่อง (แม้ว่าเจตนารมณ์แท้จริงของ Gundam ทุกภาคคือการขาย Gunpla ให้ได้เยอะ ๆ ก็ตามที ตามบัญชาของ BANDAI)
เรื่องนี้กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ธรรมดาสายพันธุ์ดั้งเดิมที่เรียกว่า Natural และมนุษย์พันธุ์ใหม่ที่เกิดจากการตัดต่อพันธุกรรมที่เรียกว่า Coordinator ซึ่งชาว Coordinator นั้นจะมีความสามารถต่าง ๆ เหนือกว่า Natural โดยเฉลี่ยอยู่มาก ทั้งไม่ป่วยเป็นโรคร้ายแรงถึงชีวิต และมีสมรรถนะทางกายที่ค่อนข้างเหนือกว่า Natural อีกด้วย
แน่นอน เนื่องจากเป็นเรื่อง Gundam ก็เลยต้องเกิดสงครามระหว่าง Natural และ Coordinator ซึ่งพระเอกของเรื่องอย่าง คิระ ยะมะโตะ ก็มีอันตกกระไดพลอยโจนต้องไปอยู่ท่ามกลางไฟสงคราม เมื่อชาว Coordinator ส่งทหารเข้ามาขโมย Gundam ทั้ง 5 ตัว แต่คิระ บังเอิญอยู่ในพื้นที่ที่มีการปะทะกันพอดี, บังเอิญว่าคิระไปเจอ Gundam ตัวสุดท้ายที่ยังไม่โดนขโมย, บังเอิญว่าคิระดันเป็น Coordinator ขั้นเทพที่ดันมาใช้ชีวิตท่ามกลางเหล่า Natural, บังเอิญที่คิระเก่งคอมมากถึงขั้นที่เขียน Operating System ของ Gundam ขึ้นมาใหม่ได้ในขณะที่กำลังต่อสู้ไปด้วย
เหตุการณ์บังเอิญแสนบังเอิญหลายบังเอิญซ้อนกัน คิระจึงโดนสถานการณ์พาไปให้กลายเป็นนักบินแห่ง GAT-X105 Strike Gundam ไปแบบงง ๆ (ยึดหุ่นชาวบ้านมาขับดื้อ ๆ แล้วชาวบ้านคนอื่นก็ยังเป็น Natural ไปอีก ก็เลยขับไม่ได้เพราะคิระดันเขียน OS ทับระบบเดิมไปแล้ว มีแต่ Coordinator ถึงจะขับได้)
การฉก Strike Gundam ยังอาจนับได้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่การฉก “เฟรย์” ที่เป็นคู่หมั้นของ “ไซ” มา One-night Stand กันดื้อ ๆ นี่น่าจะไม่ใช่เหตุบังเอิญแล้วมั้ย? ซึ่งไซ ก็เป็นเพื่อนของคิระเองที่โรงเรียนอีกต่างหาก แถมที่ทำให้ไซต้องเจ็บแค้นยิ่งกว่าแค้นคือ พอคิระแย่งคู่หมั้นตัวเองไปแล้วมีปากเสียงกัน คิระยังดันบอกกับไซว่า
“หยุดเถอะ ถ้าเราสู้กันจริง ๆ ไซก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางชนะฉันหรอก (やめてよね。本気でケンカしたら、サイが僕にかなうはずないだろ)”
เหมือนเป็นการบอกใบ้กับไซว่า “เพราะฉันคือมหาเทพแห่ง Coordinator ไงล่ะ! ฉันเก่งกว่าแกมากนะ แกจงหุบปากแล้วส่งแฟนแกมาให้ฉันซะดี ๆ”
แหม คนอะไร แย่งแฟนชาวบ้านแล้วยังไปมีเรื่องวิวาท ไปขู่ทำร้ายชาวบ้านอีกแน่ะ!
หลังจากศึกนองเลือดกับเพื่อนสนิทวัยเด็กอีกคนอย่าง “อัสรัน” แล้วคิระบาดเจ็บสาหัส ก็ยังไปมีประสบการณ์แสนหวานกับ “ลักซ์” ที่ช่วยชีวิตและช่วยดูแลคิระในยามบาดเจ็บ ซึ่งลักซ์ยังเป็นคู่หมั้นของอัสรันอีก แน่นอนว่า ลักซ์หลงเสน่ห์คิระเข้าให้ (อีกแล้ว) และมหกรรมการฉกคู่หมั้นชาวบ้านก็เริ่มขึ้นอีกครั้งอย่างจงใจ รอบนี้ลักซ์ถึงขั้นนำทางคิระไปขโมยหุ่นชาวบ้านมาอีกตัวคือ ZGMF-X10A Freedom Gundam ให้คิระเอาไปเปิดตัวแบบโคตรเท่ และใช้ทำมาหากินต่อไปจนจบซีรีส์
จบภาคแรก คิระฉกคู่หมั้นชาวบ้านไป 2 คน และ ขโมยหุ่นชาวบ้านไป 2 ตัว นับเป็นวีรกรรมอันยากจะลืมเลือน (นอกเหนือไปจากการวีรกรรม “ไม่อยากฆ่าใคร” แล้วยิงเหี้ยนเตียนล้างบางยกฉาก แม้ว่าคิระจะจงใจยิงไม่ให้ตาย แต่หุ่นยนต์ของฝ่ายปรปักษ์ส่วนใหญ่ก็หมดสภาพและต้องลอยเท้งเต้งกลางอวกาศรอวันตายอยู่ดีถ้าไม่มีหน่วยกู้ภัยมาตามเก็บซาก ไม่ต่างจาก Andromeda Shun จากเรื่อง Saint Seiya เท่าไรนักที่พอพูดว่า “ไม่อยากทำร้ายใคร” ฝ่ายตรงข้ามคือปักธงตาย)
ความเป็นจอมฉกดูเหมือนจะจบลงในภาคแรก แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เมื่อเปิดตัวภาค 2 คือ Gundam Seed Destiny และมีการเปิดตัวพระเอกคือ “ชิน อะสึกะ” ที่ได้รับการวางตัวให้เป็นพระเอกของภาค 2 นี้ และยังมีการตั้งชื่อภาคว่า Destiny ซึ่งตามขนบการตั้งชื่อของซีรีส์ Gundam แล้ว การเอาชื่อหุ่นมาเป็นชื่อภาค ก็มักจะเป็นหุ่นของพระเอก เช่น G-Gundam หุ่นพระเอกคือ God Gundam, ภาค Gundam Wing หุ่นพระเอกก็คือ Gundam Wing, ส่วนภาค Gundam X หุ่นพระเอกก็คือ Gundam X เป็นต้น
แต่เนื่องจากความเทพของพี่เทพคิระ เรตติ้งของชิน อะสึกะ น่าจะไม่ดีเท่าพี่เทพคิระ ทำให้ระหว่างที่ดำเนินเนื้อเรื่อง คิระค่อย ๆ แทรกซึม ค่อย ๆ แย่งบทพระเอกไปทีละนิด จนในช่วงท้ายของภาค Destiny นั้น หุ่น Destiny Gundam กลายเป็นตัวร้ายระดับ Last Boss ไปเฉยเลย นับเป็นการแหกขนบ Gundam อย่างมากที่เอาชื่อ ZGMF-X42S Destiny Gundam ที่เป็นฝ่ายตัวร้ายมาตั้งเป็นชื่อภาค 2 เฉยเลย แฟน ๆ คงรู้อยู่เต็มอกว่าจริง ๆ แล้วผู้สร้างคงอยากให้ Destiny เป็นหุ่นพระเอกภาค 2 แต่เรตติ้งของชินนั้นสู้คิระไม่ได้ เลยจบภาคลงด้วยการที่ คิระขโมยบทพระเอกไปจากชิน แบบงงในงงมาก
สรุปวีรกรรมของคิระจาก Gundam Seed ทั้ง 2 ภาคคือ ฉกคู่หมั้นชาวบ้านไป 2 คน, ขโมยหุ่นชาวบ้านไป 2 ตัว, ขโมยบทพระเอกจากชิน อะสึกะ, และหุ่น ZGMF-X20A Strike Freedom Gundam ของคิระในภาค 2 ก็ขโมยบทพระเอกไปจากหุ่น ZGMF-X42S Destiny Gundam ซึ่งเดิมควรจะได้เป็นหุ่นพระเอกไปอีก เรียกว่าทำเอาสับสนว่าคิระเป็นพระเอกเรื่อง Gundam หรือเป็นพระเอกที่ชื่อ Locke Cole จาก Final Fantasy VI กันแน่ที่มีอาชีพเป็นหัวขโมย จึงต้องมอบตำแหน่ง “พระเอกจอมฉก” แห่ง Gundam ไปให้คิระครอบครองอย่างไร้ข้อกังขาใด ๆ
เรื่อง: วีรยุทธ พจน์เสถียรกุล
ภาพ: (ซ้าย) การจัดแสดง Gundam Seed ที่ญี่ปุ่น (ขวา) คิระ จาก gundam.fandom