กิสเลน ราซา : จากเด็กชีวิตพังเพราะมีม ‘Star Wars Kid’ สู่ทนายผู้ปกป้องเหยื่อไซเบอร์บูลลี่

กิสเลน ราซา : จากเด็กชีวิตพังเพราะมีม ‘Star Wars Kid’ สู่ทนายผู้ปกป้องเหยื่อไซเบอร์บูลลี่

‘กิสเลน ราซา’ (Ghyslain Raza) เจ้าของคลิปไวรัลสุดโด่งดังบนโลกอินเทอร์เน็ตยุคแรก ๆ อย่าง ‘Star Wars Kid’ ซึ่งมีผู้ชมมากกว่า 37 ล้านคนบน YouTube แต่คลิปดังกล่าวกลับทำลายชีวิตเขาจนไม่เหลือชิ้นดี

  • จากคลิปวิดีโอที่ ‘กิสเลน ราซา’ ถ่ายเก็บไว้ส่วนตัว กลับถูกนำไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์ ทำให้ชีวิตของราซาต้องเปลี่ยนไป
  • ราซาถูกสังคมล้อเลียนและมองว่าเป็นตัวตลก จนต้องลาออกจากโรงเรียน 
  • เมื่อเวลาผ่านไป ราซาเริ่มยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น และหันมาให้คำแนะนำกับผู้คน เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของไซเบอร์บูลลี่ โดยใช้เรื่องราวของตัวเองเป็นตัวอย่าง 

บนโลกอินเทอร์เน็ตปัจจุบันเต็มไปด้วยมีม (Meme) มากมาย มีมบางมีมอาจเป็นเพียงแค่ภาพนิ่ง หรือบ้างก็เป็นแค่คลิปวิดีโอสั้น ๆ ไม่กี่วินาที แต่ภาพและวิดีโอเหล่านั้นกลับทำให้เราหัวเราะและคลายเครียดได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่นั่นก็อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด เพราะบางมีมอาจมีเบื้องหลังอันน่าขมขื่นจนเราอาจจะหัวเราะไม่ออกก็ได้ 

เช่นเดียวกับกรณีของ ‘กิสเลน ราซา’ (Ghyslain Raza) เจ้าของคลิปไวรัลสุดโด่งดังบนโลกอินเทอร์เน็ตยุคแรก ๆ อย่าง ‘Star Wars Kid’ ที่ในคลิปจะปรากฏเด็กชายคนหนึ่ง กำลังควงท่อนเหล็กไปมาอย่างสนุกสนานด้วยตัวคนเดียว ซึ่งมีผู้ชมมากกว่า 37 ล้านคนบน YouTube 

แต่แท้จริงแล้ว คลิปวิดีโอนั้น เป็นคลิปที่ราซาถ่ายเก็บไว้ส่วนตัว แต่กลับถูกนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต จนสังคมต่างพากันล้อเลียนและทำให้เขากลายเป็นตัวตลก จากชีวิตที่ปกติของราซา ต้องกลายเป็นโลกที่แสนมืดหม่น

จุดเริ่มต้นของหายนะ

ย้อนช่วงเวลากลับไปในปี 2002 ‘กิสเลน ราซา’ ในวัย 14 ปี เข้าเรียนที่โรงเรียน ‘Séminaire Saint-Joseph’ ณ เมือง ‘Trois-Rivières’ ประเทศแคนาดา ซึ่งกำลังง่วนกับงานวิชวลเอฟเฟกต์ที่ได้รับมอบหมาย 

ราซาเหลือบไปเห็นท่อนเหล็กท่อนหนึ่งคล้ายไม้กอล์ฟที่อยู่ใกล้ ๆ จึงหยิบมาควงเล่น เพื่อเลียนแบบ ‘ดาร์ธ มอล’ (Darth Maul) ตัวละครจากเรื่อง Star Wars บวกกับมีกล้องบันทึกวิดีโอพอดี จึงตั้งกล้องถ่ายและควงท่อนเหล็กไปมา

หลังจากราซาถ่ายวิดีโอนั้นเสร็จเรียบร้อย เขาจึงรีบเก็บของและเก็บอุปกรณ์เข้าที่เดิมก่อนกลับบ้าน แต่สิ่งที่เขาลืมอย่างหนึ่ง คือเขาลืมเก็บเทปวิดีโอที่ตัวเองถ่ายไปด้วย 

ราซาใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งเวลาผ่านไปหลายเดือน ซึ่งในเดือนเมษายนของปี 2003 เพื่อนร่วมชั้นของราซาบังเอิญไปพบเข้ากับเทปที่ราซาได้ทิ้งเอาไว้ เมื่อเขาเปิดดู ก็เห็นราซาที่กำลังควงท่อนเหล็กไปมาด้วยความสนุก 

เพื่อน ๆ ที่เห็นต่างพากันหัวเราะตลกขบขันกับท่าทางของราซา จนคิดอุตริ นำเอาคลิปดังกล่าว เผยแพร่บนเว็บไซต์ออนไลน์ที่ชื่อ Waxy.org ในทันที โดยตั้งชื่อคลิปว่า ‘Star Wars Kid’ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของความหายนะที่ราซาจะต้องพบเจอ

คลิปเปลี่ยนชีวิต

ไม่นานนัก วิดีโอดังกล่าวก็มีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งราซารู้ตัวว่าตัวเองกำลังถูกผู้คนหัวเราะเยาะบนออนไลน์ รวมถึงผู้คนที่โรงเรียนต่างพากันล้อเลียน ไม่ว่าราซาจะไปที่ไหน ผู้คนก็จะตะโกนด่าเขาอยู่เสมอ 

รวมถึงทุกครั้งที่ราซาเล่นอินเทอร์เน็ต ก็จะพบเจอรูปภาพและวิดีโอของตัวเอง ถูกนำไปล้อเลียนต่าง ๆ มากมาย รวมถึงบางครั้งที่เขาต้องออกไปไหนมาไหน ผู้คนก็จะเรียกเขาว่า Star Wars Kid แทนการเรียกชื่อของเขา นั่นจึงทำให้ราซากลายเป็นเด็กที่ชอบเก็บตัว จนไม่กล้าออกไปเข้าสังคม ด้วยระยะเวลาตลอดหลายเดือนที่ราซาต้องพบกับความน่าขมขื่นเช่นนั้น ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน อีกทั้งยังต้องเผชิญกับโรคซึมเศร้า 

แม้ราซาจะต้องจำใจลาออกจากโรงเรียน ถึงกระนั้นทุกครั้งที่อยู่ที่บ้าน ก็จะมีสายโทรศัพท์จากสำนักข่าวต่าง ๆ โทรฯ มารบกวนไม่เว้นแต่ละวัน 

จากวิดีโอดังกล่าว ถูกส่งต่ออย่างรวดเร็ว มีการนำไปตัดต่อเล่นกันเต็มบ้านเต็มเมือง ทำให้คลิปต้นฉบับมีผู้ชมมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งในแต่ละวันจะมีผู้เข้าชมตั้งแต่หลักพัน บางวันก็พุ่งไปถึงหลักแสนคน จน ‘The Viral Factory’ ที่รวบรวมสถิติยอดผู้เข้าชมคลิปวิดีโอบนออนไลน์ ได้บันทึกว่า คลิป Star Wars Kid ของราซา กลายเป็นคลิปที่มีผู้เข้าชมสูงที่สุดในปี 2006 ซึ่งมียอดผู้เข้าชมสูงถึง 900 กว่าล้านครั้ง 

สื่อข่าวหลายสำนักต่างนำประเด็นของราซามาล้อเลียนเพื่อเรียกยอดผู้ชม ทั้งรายการซีรีส์โทรทัศน์อย่าง ‘Arrested Development’ ซีรีส์การ์ตูน ‘American Dad!’ รวมถึงสื่อเกมก็นำเอาท่าทางของราซาที่กำลังควงท่อนเหล็กไปใส่ในตัวเกมอีกด้วย อย่างเกม ‘Tony Hawk’s Underground 2’ และเกม ‘South Park’ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการจิกกัดสังคม และล้อเลียนคนมีชื่อเสียง ก็นำเอาราซามาใส่ในตัวเกมด้วยเช่นกัน

ราซาเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยถูกรับเชิญให้ออกรายการทอล์กโชว์ ซึ่งฟังดูเป็นเรื่องที่ดี แต่แท้จริงแล้วพวกเขามองว่าราซาเป็นแค่ตัวตลกที่จะเอามาเรียกสีสันให้กับรายการ และหวังจะเห็นเรตติ้งพุ่งกระฉูดเพราะความน่าขันของชายคนนี้เพียงเท่านั้น

“ผมเคยได้รับเชิญจาก ‘เจย์ เลโน่’ (Jay Leno) ให้ออกรายการ รวมถึงรายการทีวีหลาย ๆ แห่ง ซึ่งรายการญี่ปุ่นก็เคยเชิญผมด้วย เขาเสนอจำนวนเงินที่สูงมาก ๆ ทำไมเขาถึงชวนผมน่ะเหรอ? ก็เพราะพวกเขาเห็นผมเป็นตัวตลกยังไงล่ะ การได้ออกทีวี 15 นาที มันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมนะ แต่มันไม่ใช่สำหรับการที่คุณต้องเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น

“มันเป็นช่วงเวลาที่มืดหม่นมาก ผมพยายามเพิกเฉยต่อคำดูถูกและคำด่าของผู้คน รวมถึงบางคนก็ไล่ให้ผมไปตายด้วยซ้ำ มันก็อดคิดไม่ได้ที่ผมจะรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า มันเหมือนกับว่าผมไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อบนโลกนี้”

จนเมื่อวันหนึ่ง พ่อแม่ของราซาที่มิอาจทนเห็นลูกของตนต้องมีชีวิตที่มืดมน จึงตัดสินใจยื่นฟ้องเพื่อนร่วมชั้นของเขา ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกร้องจำนวนเงิน 250,000 ดอลลาร์ (หรือประมาณ 9,015,125 บาท) แต่สุดท้ายจบที่การยอมความ และตกลงกันนอกศาล

ยอมรับและลุกขึ้นสู้

ราซายังคงใช้ชีวิตท่ามกลางคำล้อเลียนจากสังคมมาตลอดหลายปี รวมถึงคำเชิญจากรายการต่าง ๆ ที่ขอให้เขาไปออกรายการ แต่ราซาเลือกที่จะทำหูทวนลม และก้มหน้าก้มตามุ่งมั่นกับสิ่งที่ตัวเองสนใจ จนสุดท้ายเขาได้เข้าเรียนที่ McGill มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดของแคนาดา และได้รับปริญญาด้านกฎหมาย

ราซาทำงานเป็นทนายความและเป็นประธานสมาคมมรดกของ ‘Patrimoine Trois-Rivières’ และยังช่วยเหลือพร้อมกับเป็นกระบอกเสียงให้กับเหยื่อที่ถูกกลั่นแกล้งบนอินเทอร์เน็ต

เมื่อกาลเวลาผ่านไป ราซาเริ่มทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ จนในปัจจุบันทุกครั้งที่ราซาไปให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งทางออนไลน์ ก็จะนำเรื่องราวของตนเองมาเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้คน เพื่อให้รับรู้ถึงความอันตรายของสังคมออนไลน์ และชี้แนะแนวทางในการป้องกัน เพื่อไม่ให้ใครก็ตามตกอยู่ในห้วงเวลาอันน่าเศร้าเช่นเดียวกับที่เขาเคยเผชิญมาในอดีต

“คุณจะสามารถผ่านมันไปได้ คุณไม่ได้ตัวคนเดียว ยังมีผู้คนอีกหลายคนที่ยังรักคุณ ผมหวังว่าประสบการณ์ของผมจะช่วยให้คนอื่น ๆ สามารถรับมือกับการถูกกลั่นแกล้งได้”

รวมถึงปี 2022 เรื่องราวของเขายังถูกนำมาทำเป็นสารคดีที่มีชื่อว่า ‘Star Wars Kid: The Rise of the Digital Shadows’ และในเดือนมีนาคม 2022 ราซาได้พบกับ ‘แอนดี้ ไบโอ’ (Andy Baio) หนึ่งในเพื่อนที่นำคลิปของเขามาเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งได้พูดคุยและขอโทษกับสิ่งที่ตัวเองเคยทำในอดีต

“ฉันรู้สึกผิดมาก ๆ ที่เผยแพร่คลิปนั้นบนโลกออนไลน์  ฉันไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใครเลย และนี่เป็นครั้งแรก ฉันขอโทษจริง ๆ” แอนดี้กล่าวต่อราซา

เช่นเดียวกับหลายคน เมื่อได้รับรู้เรื่องราวเบื้องหลังแสนมืดหม่นของมีมที่โด่งดังไปทั่วโลกนี้ ทำให้ตระหนักและระมัดระวังกับการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์กันมากขึ้น มิฉะนั้น เราอาจจะได้เห็นเด็กที่ต้องพบเจอเรื่องราวอันน่าหดหู่ใจเช่นเดียวกับราซาในอดีตก็ได้

 

เรื่อง : กรัณย์กร วุฒิชัยวงศ์ (The People Junior)

ภาพ : 

 

อ้างอิง :

http://news.bbc.co.uk/2/hi/technology/3095385.stm

https://www.dailystar.co.uk/news/latest-news/what-happened-star-wars-kid-24029944

https://www.businessinsider.com/where-are-they-now-the-star-wars-kid-2010-5

https://globalnews.ca/news/8722712/the-star-wars-kid-breaks-his-silence-in-new-documentary/

https://macleans.ca/news/canada/10-years-later-the-star-wars-kid-speaks-out/

https://mashable.com/article/star-wars-kid-cyberbullying

https://www.youtube.com/watch?app=desktop&v=OrC8URQgOTg