28 ธ.ค. 2565 | 16:53 น.
โหย่ว ชูเค็ง (Yeoh Choo-Kheng) หรือที่อาจจะคุ้นเคยกับชื่อที่เรียกกันจนคุ้นหูว่า มิเชล โหย่ว (Michelle Yeoh) กับบทบาทติดตาที่มาพร้อมฉายา ซือเจ๊ ในหนังอินดี้สุดแมสจากค่าย A24 โดยผู้กำกับสองคนที่ชื่อเหมือนกันอย่าง แดเนียล(ส์) (Daniels) นามว่า Everything Everywhere All at Once ภาพยนตร์อินดี้ม้ามืดที่ก้าวเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globe Award) ในหลากหลายสาขา รวมถึงซีรีส์ภาคย้อนจากจักรวาล The Witcher ในชื่อ The Witcher: Blood Origin ก็ถือเป็นผลงานชิ้นล่าสุดของเธอที่ฉายผ่าน Netflix
ดั้งเดิมนั้นเธอเป็นคนมาเลเซียโดยกำเนิด ก่อนจะย้ายถิ่นฐานไปอยู่ลอนดอนเพราะอยากเรียนบัลเลต์ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตอนอายุ 16 โหย่ว ไม่ได้กระโดดม้วนหน้าหรือประลองกับหุ่นไม้เพื่อฝึกกังฟูตั้งแต่ตอนนั้น หากย้อนไปอาชีพการเป็นสตันท์อาจจะแทบไม่ได้อยู่ในแผนชีวิตของเธอเลยก็ได้ เพราะความใฝ่ฝันที่ยิ่งใหญ่ของเธอในตอนนั้นคือการบรรเลงท่วงท่าที่สวยงามในศาสตร์บัลเลต์ แต่หลังจากที่ได้ผ่านการประเมินร่างกาย ผสานกับการบาดเจ็บที่หลัง จึงทำให้ฝันของเธอในตอนนั้นจำต้องพับเก็บไป
แต่แม้ว่าประตูสู่ฝันแรกได้ถูกปิดไป อีกหนึ่งประตูสู่อีกเส้นทางกลับถูกเปิดขึ้น เมื่อแม่ของเธอได้ส่งเธอเข้าประกวดนางงามมิสมาเลเซีย (Miss Malaysia) ในปี 1983 ซึ่งเธอก็ได้ก็คือบุคคลที่ชนะเลิศในปีนั้นไป ความสวยสง่าของนางงามแห่งมาเลเซียในปีนั้นจึงปลิวไปเข้าตาใครหลายคนจนทำให้เธอได้ไปแสดงโฆษณาประกบคู่กับ เฉินหลง (Jackie Chan)
และโฆษณาตัวนั้นเองที่เปรียบเสมือนเป็นประตูที่นำเธอไปสู่เส้นทางอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮ่องกงที่จะนำพาชีวิตเธอไปพบเผชิญกับความโลดโผนสุดขีดที่เกือบต้องแลกมาด้วยชีวิตจนเธอเคยให้สัมภาษณ์เมื่อลองมองย้อนกลับไปไว้ว่า
“ฉันจะไม่บ้าพอที่จะกลับเล่นสตันท์แบบนั้นอีกแล้ว”
ประตูสู่สตันท์
แรกเริ่มเดิมที โหย่วไม่ได้ถูกทาบทามให้มาเล่นแนวแอคชั่น-สตันท์ตั้งแต่ทีแรก เพราะเธอถูกแคสท์มาในบทสาวสวย แต่เห็นอย่างนั้นเธอก็คิดขึ้นได้ว่า ฉากแอคชั่นพวกนี้ก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงของสักเท่าไหร่นัก เพราะเธอเองก็มีทักษะการเต้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ปรับ ๆ อีกนิดหน่อยก็น่าจะชกต่อยระบำคิวบู๊ได้ไม่ยากเกินมือ
ไม่นานหลังจากที่ปรากฎตัวบนโฆษณาคู่กับเฉินหลง หนึ่งปีถัดมา ในปี 1984 โหย่วก็ได้รับหนึ่งในบทนำของภาพยนตร์แอคชั่นฮ่องกงเรื่อง Yes, Madam! ประกบคู่กับ ซินเธีย โรธรอค (Cynthia Rothrock) นักแสดงชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในด้านศิลปะการต่อสู้ ซึ่งบทบาทนักสืบสาวสุดแกร่งนี้เองก็ทำให้ผู้ชมอ้าปากค้างกันไปหลายคน
โหย่วเล่าว่าการไล่จับผู้ร้ายของเธอคงจะเป็นการควักปืนออกมา เล็งไปที่คนเหล่านั้นแล้วตะโกนให้หยุด แต่ทำแบบนั้นเธอคงไม่ได้เป็นตัวแม่สายสตันท์ดังทุกวันนี้ เพราะแทนที่จะจ่อปืนแบบง่าย ๆ โหย่วต่อกรกับผู้ร้ายเหล่านั้นด้วยการพลิกหน้า ม้วนหลัง กระโดดตีลังกา ปีนป่ายจากชั้นหนึ่งขึ้นสู่สอง ม้วนตัวทะลุกระจก จนถึงขั้นพุ่งหลาข้ามบันไดเลื่อนไปกระโดดถีบตัวร้ายเหล่านั้น
เควนติน ทารันติโน พนักงานร้านเช่าหนังผู้ผันตัวก้าวกระโดดเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ใครหลายคนก็หลงใหลในสไตล์ก็เป็นแฟนตัวยงของเธอคนนี้ ถึงขั้นว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเอ่ยชมฉากแอคชั่นของ มิเชล โหย่วใน Yes, Madam! ว่า
“มือเธอแตะกระจกอยู่ก่อนที่มันจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ซึ่งนั่นก็พิสูจน์ชัดเลยว่านั่นมือเธอจริง!”
หลังจากภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวโหย่วก็ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ของเธอต่อมาอีกราวสองเรื่อง จนกระทั่งเธอก็ได้พบรักกับโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์คนหนึ่ง จนทำให้เธอต้องจำใจวางมือจากความโลดโผนทั้งหลายไป เหตุเพราะตามขนบธรรมเนียม ณ ตอนนั้น ผู้เป็นภรรยาควรอยู่ดูแลบ้านและครอบครัว
แต่เมื่อเครื่องกำลังร้อน แรงกำลังมา มือกำลังขึ้น ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะฉุดรั้งโหย่วจากอาชีพสตันท์ซึ่งเธอกำลังตื่นเต้น ไม่นานหลังจากนั้นทั้งคู่ก็หย่ากัน และมิเชล โหย่วก็คืนวงการหนังแอคชั่นแบบดังปังเหมือนระเบิดจากหนัง ไมเคิล เบย์ เพราะโปรเจคแรกของการกลับมาของเธอคือภาพยนตร์เรื่อง Supercop แอคชั่นในตำนานประกบคู่กับอดีตเพื่อนร่วมงานอย่าง เฉินหลง ในปี 1992
ภาพยนตร์เรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นสำคัญของวงการหนังฮ่องกงและเป็นหมุดหมายสำคัญของเส้นทางสายสตันท์ของเธอ จากการที่เธอทลายขีดจำกัดของตัวเองผ่านสตันท์สุดโลดโผนอันตรายที่เธอเล่นเองจนพี่เฉินถึงกับบอกว่า “นี่มิเชล… เธอจะฆ่าฉันหรือยังไง!” นอกจากนั้นมันก็ยังเป็นภาพยนตร์ที่เกือบพรากชีวิตของเธอไปอีกด้วย
มอเตอร์ไซค์วิบากไต่รถไฟ
เมื่อนึกถึงมอเตอร์ไซค์วิบาก แน่นอนว่าเราก็คงนึกถึงสถานที่และพื้นผิวที่ขรุขระ ออฟโร้ด หรือการผจญเข้าไปในป่าเขาไม่ใช่ทางปกติ และแน่นอนว่าความยากของมันต้องมากกว่าการขี่มอเตอร์ไซค์ตามเส้นทางจราจรปกติอย่างแน่นอน ในภาพยนตร์เรื่อง Supercop เธอก็ได้รับบทเป็น สารวัตรหยาง (Inspector Jessica Yang)
ฉากแอคชั่นฉากหนึ่งที่เรียกเสียงว้าวจากผู้ชมหลายคนได้อย่างแน่นอนก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคงเป็นวินาทีที่เธอควบมอเตอร์ไซค์วิบากคันสีเขียว บิดไล่ตามรถไฟไปอย่างคล่องแคล่ว ซึ่งไฮไลท์ก็อยู่ตรงวินาทีที่เธอบิดมอเตอร์ไซค์วิบากของเธอขึ้นเนินเขาที่อยู่ขนานกับรถไฟ จนส่งให้ตัวมอเตอร์ไซค์และเธอขึ้นไปอยู่บนรถไฟอย่างน่ามหัศจรรย์ ก่อนที่เธอจะสไลด์กลิ้งไปทรงตรงบนรถไฟขบวนนั้น
การขี่มอเตอร์ไซค์บนทางวิบากไล่ตามรถไฟก็ว่ายากแล้ว แต่การบิดขึ้นเนินเพื่อส่งตัวเองไปอยู่บนรถไฟขบวนนั้นก็แน่นอนว่ายากกว่า แถมฉาก ๆ นั้นเธอแสดงด้วยตัวเอง! แต่ถึงกระนั้นความสุดก็ยังไม่ได้หยุดอยู่ตรงนั้น เพราะอย่างที่ผู้ชมหลายคนเห็นว่าเธอบิดมอเตอร์ไซค์เซียน ๆ ขึ้นไปบนหลังรถไฟแบบนั้น แต่ก่อนหน้านี้
‘มิเชล โหย่วขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็น’
เธอเพิ่งไปเรียนก่อนถ่ายทำในระยะเวลาเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น ซึ่งความบ้าระห่ำของเธอก็ทำให้นักแสดงรุ่นพี่อย่างเฉินหลงถึงกับกล่าวกับเธอว่าโหย่วจะฆ่าเขารึเปล่า!
สาเหตุที่เขาพูดแบบนั้นไม่ใช่เพราะเขาอยู่ในฉากสตันท์นั้นด้วย แต่การที่เธอโลดโผนแบบนั้นมันกระทบเขาโดยอ้อม ๆ เหตุเพราะเมื่อโหย่วถึงขั้นบิดมอไซค์ไต่หลังรถไฟแบบนั้น เฉินหลงก็คงทำอะไรง่าย ๆ ธรรมดา ๆ ไม่ได้ ซึ่งผลพวงจากฉาก ๆ นั้นก็ทำให้เฉินหลงต้องลุยแสดงฉากสุดหวาดเสียวที่ต้องกระโดดเกาะบันไดเชือกที่ห้อยมาจากเฮลิคอปเตอร์อีกที
เรียกได้ว่าแข่งกันเสี่ยงตายกับความอันตรายโลดโผนสตันท์ของแต่ละคนนี่เอง นับว่านี่ก็เป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เราเห็นว่าการแข่งขันจะทำให้เราผลักเพดานตัวเองขึ้นไปอีก! (แข่งกันไปแข่งกันมาระวังไปจบที่การห้อยบันไดจากเฮลิคอปเตอร์แล้วกันล่ะครับ)
เฉินหลงช่วยชีวิต
แต่อีกฉากที่เรียกได้ว่าเป็นวินาทีชีวิตที่ตัดสินความเป็นความตายของชีวิตมิเชล โหย่ว ก็อยู่ในเรื่อง Supercop นี้เช่นเดียวกัน ซึ่งใครหลายคนที่ได้ดูฉากดังกล่าวก็คงอ้าปากค้างไปตาม ๆ กันเมื่อได้รู้ว่าฉากเหล่านั้นเธอแสดงเองจริง ๆ
ฉากดังกล่าวจะเป็นการไล่ล่ากันกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งโหย่วต้องเกาะอยู่บนคานที่จับบนหลังคารถตู้ที่วิ่งไล่ล่ากันกันจริง ๆ! และชนกันจริง! ไม่เพียงแค่เธอต้องพยายามยึดมือให้แน่นเพื่อไม่ให้ร่วงหล่นไปกลางถนนที่มีรถอย่างชุกชุม แต่เธอต้องยกช่วงขาของเธอขึ้นเพื่อหลบรถในเลนส์ที่สวนเข้ามาอีกด้วย
เธอเคยให้สัมภาษณ์ในวิดีโอกับ GQ ว่า ที่ผู้ชมเห็นเธอแกว่งไปแกว่งมาระหว่างเกาะอยู่บนรถตู้ใน Supercop นั้นไม่ได้อยู่ในคิวที่ซ้อมกันเลยแม้แต่น้อย เพราะที่เห็นว่าเธอแกว่งจากคานจับหลังรถเป็นเพราะอุบัติเหตุ หากยึดเอาตามคิวที่ตกลงกันไว้ รถจะไม่ได้หักเลี้ยวจนทำรถแกว่งถึงขนาดนั้น แต่โหย่วเล่าว่าพอถึงเวลาจริงน่าจะมีการเลี้ยวผิดคิว จนทำให้รถต้องหักหลบแรงกว่าเดิมจนทำให้เธอแกว่งอย่างรุนแรง
แต่ฉากที่เรียกได้ว่าวินาทีชีวิตจริง ๆ ก็คงเป็นช่วงหลังจากที่เธอสามารถกระโดดไปอยู่บนหลังคารถตู้เรียบร้อยแล้ว แล้วเป็นจังหวะที่เธอต้องกระโดดลงจาก ณ ตำแหน่งนั้นโดยมีรถเปิดประทุนคันสีแดงที่ขับโดยเฉินหลงรองรับไว้ด้านหลัง ซึ่งตามคิวที่ตกลงกันไว้ เมื่อเธอกระโดดลงมาแล้ว กระจกหน้ารถคันดังกล่าวที่เป็นส่วนที่รองรับตัวเธอจะแตก และช่วยดันให้เธอกระเด็นไปอยู่เบื้องหน้าของรถหลังจากที่เฉินหลงเหยียบเบรค
แต่พอถึงเวลาจริง ๆ มันกลับไม่เป็นเหมือนที่คิด!
“พอขึ้นไปบนรถจริง ๆ แล้วมันไม่เหมือนที่คิดเลย ตอนนั้นสิ่งที่ฉันคิดคือ ‘โอ้ มันไม่นิ่งเหมือนที่คิดแฮะ’ ตัวฉันเองก็เคลื่อนไปมา รถก็ส่ายไปมา ทุกอย่างขยับไปหมดเลย! แต่ฉันก็ยังมองในแง่บวกว่าถ้าไม่ลองก็คงไม่รู้ ฉันก็เลยลองกลิ้งตัวลงตามคิวที่นัดกันเลย แล้วทุกอย่างก็บ้งสุด ๆ!”
หลังจากที่เธอกลิ้งตัวลงไปตามที่นัดกันไว้ แต่ดูเหมือนว่ากระจกรถที่สมควรจะแตกลงไม่ได้เล่นตามคิวที่นัดกันไว้ เพราะหลังจากที่โหย่วกลิ้งลงไปกองอยู่ที่หน้ารถที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแล้ว กระจกหน้ารถไม่แตกลง ด้วยเหตุนี้ แทนที่เธอจะกระเด็นไปหน้ารถ เธอกลับไหลตกไปข้าง ๆ แทน
แต่ยังโชคดีที่วินาทีนั้นเฉินหลงยังสามารถคว้าตัวไว้ได้จังหวะหนึ่ง ก่อนที่เธอจะร่วงตกลงไปอยู่ดี แต่การที่คว้าเธอไว้ทันก็ทำให้หัวของเธอไม่ได้กระแทกกับพื้นโดยตรง ซึ่งจะเป็นการเสี่ยงต่อชีวิตอย่างมาก โหย่วถึงกลับบอกว่าเฉินหลงช่วยชีวิตเธอเอาไว้
แต่แม้ว่าจะประสบอุบัติที่เกือบพรากชีวิตเธอไป โหย่วก็ยังไม่ได้ขวัญเสียจนล้มเลิกไป เธอขอต่อเทคสองทันที ด้วยเหตุผลที่ว่า เมื่อเธอได้ลองไปทีนึง ทีนี้เธอจะจับทางได้แล้ว เรามาถ่ายอีกเทคกันเลยดีกว่า ซึ่งเทคต่อไปเธอก็สามารถเล่นตามคิวที่ซ้อมกันไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ใครจะคิดว่าฉากอลังการและเสี่ยงอันตรายขนาดนั้น มิเชล โหย่ว สามารถทำมันสำเร็จได้ภายในสองเทคเท่านั้น
แต่ท้ายที่สุด มิเชล โหย่ว ก็ต้องวางมือสายสตันท์ไปหลังจากประสบอุบัติเหตุที่สะเทือนถึงสุขภาพเธอจริง ๆ จากการเล่นสตันท์ในภาพยนตร์เรื่อง The Stunt Woman ในปี 1996 แต่เธอก็ยังคงดำเนินเส้นทางสายการแสดงเรื่อยมาอย่างไม่หยุดยั้งดังที่เราเห็นในทุกวันนี้
ทำไมไม่ได้เล่น Kill Bill?
ย้อนกลับไปในปี 2003 เควนติน ทารันติโน ได้ปล่อยภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่เป็นคารวะภาพยนตร์กำลังภายในและการสร้างสรรค์ซีนแอคชั่นแบบภาพยนตร์ฮ่องกง โดยมี อูมา เธอร์แมน (Uma Thurman) สวมชุดสีเหลือง ถือดาบซามูไร ไล่ตะลุยตามล้างแค้น ‘บิล’
เหตุที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมากล่าวถึงก็เป็นเพราะว่า คงมีผู้คนหลายคนสงสัยว่าเหตุใดหนังเรื่องนี้ มิเชล โหย่วถึงไม่ได้อยู่ในนั้นด้วย เพราะไม่เพียงแค่เควนติน ทารันติโน เป็นแฟนตัวยงของเธอ แต่ถ้ามีคิวบู๊แบบบู๊แบบนี้ ทำไมมิเชล โหย่วถึงไม่อยู่ในนั้นด้วย? เธอได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าวเอาไว้ว่า
“ฉันเคยถามเควนตินด้วยคำถามเดียวกัน แล้วเขาก็บอกฉันว่า ‘ถ้าเอาคุณไปแสดง ใครจะเชื่อล่ะครับว่าอูมา เธอร์แมน สามารถสยบคุณได้?’”
ภาพ:
Ruby Wallau / Contributor - Getty Images
ภาพยนตร์ Police Story 3: Supercop
อ้างอิง:
Michelle Yeoh Breaks Down Her Most Iconic Characters | GQ
Michelle Yeoh remembers the stunt that almost killed her - EW
One Stunt Gone Wrong Wasn't Going To Stop Supercop's Michelle Yeoh - Slash Film