08 ก.พ. 2566 | 16:46 น.
- วิโอล่า เดวิส เพิ่งคว้ารางวัลจากเวทีแกรมมี่ อวอร์ดส เป็นรางวัลสำคัญที่สำคัญเธอประสบความสำเร็จสถานะ EGOT
- ภูมิหลังชีวิตของเธอเดิมทีมาจากครอบครัวฐานะยากจน แต่สามารถหาเส้นทางของตัวเองและทุ่มเทจนประสบความสำเร็จ
จบไปแล้วกับงานประกาศรางวัลแกรมมี่ อวอร์ดส (Grammy Awards) ประจำปี 2023 บรรดาศิลปินมากมายที่กวาดรางวัลกลับบ้านไปได้ ในเหล่าผู้ชนะรางวัลทั้งหลายนั้น ‘วิโอล่า เดวิส’ (Viola Davis) ไม่เพียงแค่ชนะรางวัลสำหรับหนังสือเสียง หรือ audiobook จากหนังสืออัตชีวประวัติของเธอเองในชื่อ ‘Finding Me’ เท่านั้น แต่การชนะรางวัลแกรมมี่ของเธอในครั้งนี้ยังทำให้เธอกลายเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่ประสบความสำเร็จขั้นสูง เรียกกันว่าเป็นความสำเร็จในสถานะ EGOT ให้เธออีกด้วย
สถานะดังกล่าวคือการชนะรางวัลอันทรงเกียรติ 4 รางวัลจากเวทีหลักของอุตสาหกรรมบันเทิงระดับโลก ได้แก่ Emmy, Grammy, Oscar และ Tony โดยวิโอล่า เดวิส ถือเป็นศิลปินคนล่าสุดที่ประสบความสำเร็จขั้นสูงของวงการบันเทิงขนาดนี้
‘วิโอลา เดวิส’ (Viola Davis) นักแสดงหญิงชาวอเมริกัน เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ปี 1965 วิโอล่า เติบโตขึ้นที่ Central Falls ในโรดไอส์แลนด์ (Rhode Island) เนื่องจากพ่อของเธอได้งานเป็นคนเลี้ยงม้าที่นั่น ส่วนแม่ของเธอรับงานทำความสำอาด และงานโรงงาน แต่รายได้ที่ได้รับไม่มากพ่อที่จะเยียวยาเลี้ยงดูครอบครัว อะพาร์ตเมนต์ที่ทั้งครอบครัวอาศัยอยู่มีหนูวิ่งไปทั่ว และต้องอยู่อย่างอดมื้อกินมื้อ
จากความลำบากยากเข็ญที่เคยพบเจอมาในวัยเด็ก ทำให้เธออยากมอบโอกาสให้กับเด็กคนอื่น ๆ ที่กำลังต่อสู้เหมือนกับเธอสมัยยังเด็ก
“มีเด็ก 17 ล้านคนในประเทศนี้ และหนึ่งในห้าของเด็กเหล่านั้น ต้องเข้านอนทั้งที่ท้องยังหิว ฉันเองก็เคยเป็นเด็กเหล่านั้น เพราะฉันเติบโตมากับความยากจนข้นแค้น ฉันพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะนึกออกและเป็นไปได้เพื่อให้ได้มาซึ่งอาหาร ฉันคุ้ยถังขยะ เอาแต่ขโมยของจากร้านค้า”
นั่นทำให้ตั้งแต่เมื่อปี 2014 วิโอล่า จับมือกับแคมเปญ ‘Hunger Is’ เพื่อช่วยเหลือเด็กที่เผชิญความอดอยากทั่วอเมริกา
สถานะทางบ้านไม่ใช่มีเพียงความยากลำบากอย่างเดียวที่หลอกหลอนและจ้องจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ แต่ยังมีเรื่องสภาพแวดล้อมด้วย ตอนที่เธอเรียนอยู่เกรด 3 นั้น กลุ่มเด็กผู้ชาย 8-9 คน จะรวมตัวกันเล่นเกมไล่จับเธอระหว่างทางกลับบ้านหลังโรงเรียนเลิก และเด็กพวกนั้นมักจะตะคอก ดูถูก เหยียดหยามเธอ ขว้างปาทั้งก้อนหินและก้อนอิฐใส่เธอ ในขณะที่วิโอล่า พยายามหันหน้าหนีและร้องไห้
หรือคุณครูที่คอยประจานเธอเพราะเนื้อตัวเธอสกปรกแต่ไม่เคยถามสาเหตุที่แท้จริง ครั้งหนึ่ง เธอขอคุณครูไปเข้าห้องน้ำ แต่ครูไม่สนใจคำขอนั้น จนเธอต้องปัสสาวะทั้ง ๆ ที่ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะ และวันต่อมา ที่นั่งของเธอก็ยังคงเปื้อนอยู่แบบนั้น และเธอก็คิดได้ว่า ตัวเธอนั้นช่างน่ารังเกียจ ที่น่าเศร้าคือนั่นเป็นความคิดของเด็กอายุ 6 ขวบ
พี่สาวคนโตของเธอ ‘ไดแอน’ (Dianne) เป็นที่พึ่งของเธอ เป็นคนที่หาเสื้อผ้าสะอาด ๆ ให้เธอได้ใส่ และตัดสินใจว่า วิโอล่า จะต้องหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ให้ได้ เธอจึงตั้งคำถามถึงเป้าหมายในชีวิตของวิโอลาว่า
“เธอต้องมีไอเดียชัด ๆ นะว่า จะทำอะไรต่อไป ถ้าเธอไม่อยากยากจนไปทั้งชีวิต เธอต้องตัดสินใจว่าอยากจะเป็นอะไร จากนั้นก็ทุ่มเต็มที่เพื่อมัน”
ตอนที่วิโอล่า ยังเรียนอยู่ ความฝันของเธอก็เริ่มปรากฏและค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่าง เพราะเธอเริ่มแสดงละครในโรงเรียนและงานประกวดละคร หลังจากนั้น เธอเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่ Rhode Island College เอกด้านการละครและจบการศึกษาในปี 1988
เธอเข้าศึกษาต่อในสถาบันการแสดงอีกแห่ง Young Peoples School for the Performing Arts ในโรดไอส์แลนด์ในฐานะนักเรียนทุน ต่อด้วยการเข้าศึกษาที่ Juiliard School และสำเร็จการศึกษาในปี 1994
หลังจากนั้นสองปี ผลงานแรกของเธอก็ปรากฏสู่สายตาสาธารณะชนในที่สุด นั่นคือละคร Broadway เรื่อง Seven Guitars และบทบาทนี้เองที่ทำให้เธอได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Tony Awards และนี่ก็ถือว่าเป็นก้าวแรกที่สวยงาม และเป็นหลักฐานว่า ความสามารถของเธอนั้นควรค่าแก่การเป็นที่ยอมรับ
วิโอล่า ยังคงมีผลงานด้านการแสดงที่น่าจดจำมามากมายจนถึงปัจจุบัน เช่นเรื่องล่าสุดที่เธอได้รับบทนำอย่าง ‘The Woman King’ (2022) มหากาพย์ที่อิงประวัติศาสตร์ในช่วงยุค 1820 เกี่ยวกับหน่วยรบหญิงล้วนซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีอยู่จริง
ในส่วนของชีวิตส่วนตัว เมื่อในปี 2003 วิโอล่า แต่งงานกับ ‘จูเลียส เทนนอน’ (Julius Tennon) นักแสดงในวงการ หลังจากนั้น 8 ปี พวกเขารับเลี้ยงเด็กสาวซึ่งทั้งคู่เรียกเธอว่า ‘เจเนซิส’ (Genesis) วิโอล่า ยังได้กลายมาเป็นแม่เลี้ยงให้กับลูก ๆ ของจูเลียส ได้แก่ ‘Sheavonda Tennon’ และ ‘Duriel Tennon’
จนมาถึงปี 2023 นี้ วิโอล่า ได้กลายมาเป็นหนึ่งในศิลปินและนักแสดงชั้นสูงของวงการ เพราะความสำเร็จระดับ EGOT ที่เธอได้รับเมื่อชนะรางวัลอันทรงเกียรติของวงการจากทั้ง 4 เวที ได้แก่ Emmy, Grammy, Oscar และ Tony ที่สำคัญคือในวงการตอนนี้มีศิลปินเพียง 17 คนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะมันไม่ง่ายเลยที่จะมีผลงานที่คู่ควรกับรางวัลทั้งหมดนี้
ศิลปินที่มีสถานะ EGOT เช่นเดียวกันกับวิโอล่า อาทิ แอนครูว์ ลอยด์ เวบเบอร์ (Andrew Lloyd Webber), จอห์น เลเจนด์ (John Legend), ทิม ไรซ์ (Tim Rice), รีตา โมเรโน (Rita Moreno), ออเดรย์ เฮปเบิร์น (Audrey Hepburn), เมล บรูคส์ (Mel Brooks), ไมค์ นิโคลส์ (Mike Nichols), วูปี โกลด์เบิร์ก (Whoopi Goldberg), เฮเลน เฮย์ส (Helen Hayes), มาร์วิน แฮมลิช (Marvin Hamlisch), โรเบิร์ต โลเปซ (Robert Lopez), ริชาร์ด โรเจอร์ส (Richard Rogers), จอห์น กิลกัด (John Gielgud), โจนาธาน ทูนิค (Jonathan Tunick), อลัน เมนเคน (Alan Menken), เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน (Jennifer Hudson) และ สกอตต์ รูดิน (Scott Rudin)
วิโอล่า เคยได้รับรางวัล Tony Awards 2 รางวัล จากผลงานการแสดงเรื่อง ‘King Hedley II’ และเรื่อง ‘Fences’ ต่อมาก็เป็นรางวัล Primetime Emmy จากเรื่อง ‘How to Get Away With Murder’ และรางวัล Oscar สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เมื่อปี 2016 เรื่อง ‘Fences’
และผลงานที่แสดงในซีรีส์ ‘How to Get Away With Murder’ ทำให้เธอกลายเป็นนักแสดงหญิงผิวดำคนแรกที่คว้ารางวัล Emmyในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม และอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ที่เธอเขียนขึ้นคือการเป็นศิลปินผิวดำคนแรกที่ได้สถานะ ‘Tripple Crown’ จากการชนะสามรางวัลทรงเกียรติดังที่กล่าวไป (Oscar, Emmy และ Tony)
จากรางวัลเวทีแกรมมี่ เวลานี้เธอกลายมาเป็นหนึ่งในรายชื่อศิลปินที่ประสบความสำเร็จขั้น EGOT คนที่ 18 เรียบร้อยแล้ว จากผลงานหนังสือเสียง หรือ audiobook จากหนังสือเรื่อง ‘Finding Me’ ที่บอกเล่าเรื่องราวในชีวิตที่น่าหดหู่ของเธอราวกับกำลังนั่งฟังวิโอล่า เดวิส เล่าทุกอย่างให้ฟังอยู่ตรงหน้า
ปรากฏการณ์นี้ถือเป็นข่าวดีครั้งใหญ่ที่มีศิลปินหญิงที่มากความสามารถและผลงานน่าทึ่งเป็นที่ยอมรับก้าวขึ้นมาอยู่บนจุดสูงสุดอีกคนหนึ่งในวงการ
เรื่อง: ปิยวรรณ พลพุทธ (The People Junior)
อ้างอิง: