13 ก.พ. 2566 | 13:00 น.
- ‘มารี เบรินเนอร์’ ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ลูกสาวนักการทูตชาวเยอรมัน ชีวิตวัยเด็กของเธอมักเดินทางไปต่างประเทศกับผู้เป็นพ่ออยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งอายุ 10 ขวบ เธอและครอบครัวย้ายกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยถาวร
- นอกจาก ผลงานการแสดงแล้ว ‘มารี เบรินเนอร์’ ยังหลงใหลในความเร็วเป็นที่หนึ่ง นักแสดงสาวจึงมีอีกบทบาทคือ การเป็นนักแข่งรถ ซึ่งในปี 2020 เธอสามารถคว้ารางวัลที่ 5 มาครอง หลังจากลงเล่นเป็นสนามที่ 3 ที่จังหวัดบุรีรัมย์
- ล่าสุด เธอได้แสดงทัศนคติเรื่องพฤติกรรมการใช้เงินของคนไทยว่า เป็นสังคมที่ชอบผ่อนจ่าย มากกว่าใช้เงินสด
‘มารี เบรินเนอร์’ นักแสดงสาวลูกครึ่งไทย-เยอรมัน กำลังตกเป็นกระแสวิพากษ์อย่างหนักจากสังคม หลังจากออกความคิดเห็นเรื่องการใช้จ่ายเงินของคนไทยที่ชอบผ่อน มากกว่าการจ่ายสด เพราะในมุมมองของเธอเชื่อว่า การจ่ายสดทีเดียวจะช่วยให้ซื้อของชิ้นนั้นในราคาถูกกว่า เมื่อบวกลบกับอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในแต่ละปี
ซึ่งการแสดงทัศนคติเช่นนี้ของมารี ถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะทุกคนย่อมถูกรายล้อมและอยู่ในสังคมที่ต่างกัน แต่สิ่งที่ทำให้เธอโดนโจมตีอย่างหนักจากสังคม ก็คงเป็นการมองโลกมิติเดียวของนักแสดงสาว จึงเป็นประเด็นร้อนที่ทำให้คนไทย ออกมาต่อว่าเธอต่าง ๆ นานา
ก่อนที่นักแสดงสาวมากความสามารถอย่าง มารี เบรินเนอร์ จะก้าวขึ้นมาเป็นนางเอก ผู้ชื่นชอบการแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจ เธอต้องผ่านบททดสอบอะไรมาบ้าง
นักแสดงสาวผู้เคยรู้สึก ‘ไม่รัก’ การแสดง
มารี เบรินเนอร์ เกิดวันที่ 2 พฤษภาคม 1992 ณ ประเทศเยอรมนี เธอเกิดมาในครอบครัวนักการทูต โดยมี ‘มันเฟรด เบรินเนอร์’ (Manfred Broeunner) คุณพ่อผู้เป็นทูตวัฒนธรรมของเยอรมนี และคุณแม่ ‘เฉิดฉวี แสงจันทร์’ นักแปล เจ้าของผลงานแปลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น งานเขียนของแฮร์มัน เฮสเส, ยูดิธ แฮร์มันน์, โวล์ฟกัง โฮลไบน์, เอ.เท.อา ฮอฟฟ์มันน์ และแฟร์ดินันด์ ฟอน ชีรัค
การเป็นลูกสาวนักการทูต ทำให้ชีวิตวัยเด็กของมารี ต้องติดสอยห้อยตามพ่อไปหลายสิบประเทศ จนกระทั่ง พ่อของเธอเกษียณอายุ แล้วตัดสินใจกลับมาใช้บั้นปลายชีวิตที่เมืองไทยร่วมกับคุณแม่นักแปลผู้มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาเยอรมัน มารีในวัย 10 ขวบ จึงอาศัยอยู่ที่ประเทศไทยนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
มารี จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี และจบปริญญาตรีจาก คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (วิทยาลัยนานาชาติ) ถูกทาบทามเข้าวงการบันเทิงตอนอายุ 17 ปี โดยผลงานชิ้นแรกของเธอ คือการถ่ายโฆษณา และได้เป็นนางเอกมิวสิกวิดีโอของ ‘รุจ - ศุภรุจ เตชะตานนท์’ (รุจ เดอะสตาร์ 4)
ส่วนผลงานละครเรื่องแรก คือ สามหนุ่มเนื้อทอง รับบท สุพรรณิการ์ หลังจากสั่งสมประสบการณ์ได้ระยะหนึ่ง มารีได้รับบทเป็นนางเอกครั้งแรกในละครเรื่อง แม่เปียดื้อ ออกอากาศผ่านช่อง 3 แต่ชีวิตในโลกมายาของเธอไม่ราบรื่นนัก เพราะในปี 2012 มีภาพหลุดตอนสูบบุหรี่ และภาพจูบกับเพื่อนผู้หญิง ซึ่งเธอได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า ภาพที่หลุดออกมาเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จากกระแสที่ถาโถมเข้ามาภายในไม่กี่ปี มารีจึงตัดสินใจยกเลิกสัญญากับทางช่อง 3 ในปี 2014
ก่อนที่จะหวนคืนจอแก้วอีกครั้งในอีก 2 ปีให้หลัง ซึ่งเธอได้เปิดใจกับ The People เรื่องความกดดันในวงการบันเทิง เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2020 ไว้ว่า
“ตอนนั้นเหมือนเราฝืนตัวเองไปเรื่อย ๆ ว่าโอเค ทำก็ทำ ถ้าเขายังมีละครให้ ผู้ใหญ่อยากให้เล่นเรื่องนี้เราก็จะเล่น แต่ว่าใจมันไม่รักแล้ว ช่วงหนึ่งที่ไม่เล่นละครเลย ก็คือออกไปเลย แล้วก็ไปเรียน กะว่าไม่เล่นแล้ว อยากทำอย่างอื่นแล้ว”
จากนางเอก มารีพลิกบทบาทครั้งใหญ่ เป็นนางร้ายเรื่องแรกใน เมีย 2018 และเซ็นสัญญาเข้าสังกัดช่องวัน พร้อมกับสวมบทบาทเป็นยูทูปเบอร์สาว โดยใช้ชื่อช่องว่า Marie Broenner หนึ่งในรายการที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้คือ ว่ามาดิ with Lily and Marie จัดคู่กับ ‘ลิลลี่ - ภัณฑิลา ปานสิริธนาโชติ’
กระแสดราม่าคนไทยชอบผ่อน
“คือคนไทยอะ ติดนิสัยผ่อนมาก ๆ เลย คือประเทศอื่นไม่เป็นหนักขนาดนี้นะ ทุกคนจะซื้ออะไรแล้วไม่มีใครคิด คิดแค่ยอดผ่อนต่อเดือนเท่าไหร่ แต่ถ้าเราลองคำนวณดู ซื้อบ้านเนาะ ส่วนใหญ่ก็ทำสัญญา 20-30 ปี ลองคูณดูดิ จากบ้านราคา 10 กลายเป็น 20 ล้านอะ”
หลังจาก มารี แสดงทัศนคติเกี่ยวกับการใช้เงินของคนไทย ผ่านรายการ ว่ามาดิ with Lily and Marie EP.43 พูดคุยกับ ‘ปุ้มปุ้ย - พรรรณทิพา อรุณวัฒนชัย’ ในหัวข้อ ‘ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา’ รับบทหัวหน้าครอบครัวเเทนสามี?? เธอก็โดนสังคมกระหน่ำคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์ใส่ไม่หยุด เพราะไม่เห็นด้วยที่นางเอกสาวแสดงทัศนคติแบบนี้ออกมา
หนึ่งในคอมเมนต์ที่มีคนกดถูกใจมากที่สุด แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “ขอบคุณน้องมารีมาก ที่แสดงความคิดเห็นของคนรวยที่ลอยตัวอยู่เหนือปัญหาเศรษฐกิจออกมา เข้าใจว่าน้องมีความรู้ด้านการเงิน รบกวนให้สนใจปัญหาความเลื่อมล้ำทางสังคมด้วยนิดนึง ไม่มีใครอยากผ่อนหรอกค่ะ แต่ค่าครองชีพที่ต่ำมากและสวัสดิการที่ไม่เอื้ออำนวยให้คนชนชั้นกลางต้องดิ้นรน เป็นราชาราชินีเงินผ่อนกันอยู่อย่างนี้ 10-20ปี ก็ต้องยอม ไม่งั้นก็คงไม่มีสมบัติเป็นของตัวเองแน่ ไม่ว่าบ้านหรือรถ ไม่ได้ดราม่านะคะ ยอมรับความจริงเรื่องต้นทุนชีวิตที่ไม่เท่ากัน แต่แสดงความคิดเห็นเผื่อไว้ เผื่ิอคนที่มีสตางค์เข้ามาชมคลิปนี้แล้วเห็นด้วยกับน้องมารีจะได้รับรู้อีกมุมหนึ่งของคนที่จำเป็นต้องผ่อนด้วย”
ซึ่ง มารี เคยแสดงทัศนะเช่นนี้ใน Ep.41 ที่ได้เชิญ ‘ฝน - ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล’ มาเป็นแขกรับเชิญ ไว้คล้ายกันว่า คนไทยชอบสนับสนุนให้ผ่อน จนกลายเป็นหนี้ และล้มละลายในที่สุด
“คนไทยอะ ชอบสนับสนุนให้ผ่อน ผ่อนทุกอย่างจนกลายเป็นว่าเดือนนึงมียอดมันสะสม แล้วพวกที่ล้มละลายอะก็เพราะว่าติดนิสัยผ่อนนี่แหละ... คนไทยหาเงินเก่งนะ และหลาย ๆ คนก็ประสบความสำเร็จเร็ว และเร็วกว่าต่างประเทศ แต่ใช้เงินไม่เป็น”
ในขณะที่ฝน - ศนันธฉัตร ออกความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า “จริง ๆ มันเป็นเรื่องของการบริหารจัดการเนาะ บัตรเครดิตก็มีข้อดีของมัน ใครจัดการอยู่ก็อาจจะได้คะแนนสะสมแต้ม ก็จะมีสิทธิประโยชน์ที่บัตรเขามอบให้”
ส่วนนิสัยคนไทยชอบผ่อนจริงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอายุ อาชีพการงาน ภาระผูกพันทางครอบครัว และเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจากงานวิจัยกรุงศรีวิเคราะห์คลื่นลูกใหม่แห่งวงการสินเชื่อ ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง Buy Now Pay Later (BNPL) ใน Research Intelligence ฉบับเดือนพฤษภาคม 2566 ระบุไว้ว่า
หลังจากหลายประเทศเจอกับโรคระบาดโควิด-19 พฤติกรรมการใช้เงินของทั้งคนไทยและต่างประเทศเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด มีการซื้อสินค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด โดยในปี 2020 เศรษฐกิจไทยหดตัวถึงร้อยละ -6.1 แม้ว่าจะฟื้นตัวในปี 2021 และ 2022 โดยขยายตัวได้ที่ร้อยละ 1.5 และ 3.3 ตามลำดับ
แต่ผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนเมื่อต้นปี 2022 ก็ทำให้ปัญหาเงินเฟ้อในไทยทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่เคยสูงเพียงร้อยละ 1.2 ในปี 2564 ได้พุ่งไปแตะที่ระดับร้อยละ 6.3 ในปี 2022 ซึ่งมีนัยยะว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคโดยรวมลดลงด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้บริโภคย่อมแสวงหาทางออกเฉพาะหน้า และ BNPL ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกของการเพิ่มกำลังซื้อในระยะสั้น
ส่วนในงานวิจัยของ ภาชินี ยิ่งเลิศ และ ธนารักษ์ เหล่าสุทธิ ศึกษาเรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการออมและการก่อหนี้ของวัยทำงาน ก่อนและหลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยด้านรายได้ มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของภาระหนี้สินสะสมก่อนและหลังสถานการณ์ Covid-19 โดยมีผลทำให้หนี้สินสะสมหลังสถานการณ์Covid-19 ลดลง
ขณะที่ ปัจจัยด้านอายุ ด้านระดับการศึกษา และด้านจำนวนผู้พึ่งพิงในครอบครัว/ภาระผูกพัน สัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของภาระหนี้สินที่ต้องชำระต่อเดือนก่อนและหลังสถานการณ์ Covid-19 โดยมีผลทำให้ภาระหนี้สินที่ต้องชำระต่อเดือนหลังสถานการณ์ Covid-19 ลดลง
สรุปแล้ว ไม่ว่าคนไทยจะชอบผ่อนจ่าย เพื่อรอวันก่อหนี้ในอนาคตหรือไม่ คงต้องดูปัจจัยแวดล้อมว่า พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบไหน เพราะหากไล่อ่านคอมเมนต์ที่ปรากฏใต้คลิปของนักแสดงสาว ส่วนใหญ่จะมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกันว่า
ไม่มีใครอยากผ่อน แต่ไม่มีกำลังซื้อสดต่างหาก เลยต้องตกอยู่ในสภาวะจำยอม ยอมจ่ายแพงขึ้นอีกเท่าตัว เพื่อนำเงินที่เหลือไปหมุนใช้ในชีวิตประจำวันได้ก็พอแล้ว
อ้างอิง
ว่ามาดิ with Lily and Marie EP.43 : “ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา” รับบทหัวหน้าครอบครัวเเทนสามี?? https://www.youtube.com/watch?v=9W92STQ5eOM
ว่ามาดิ with Lily and Marie EP.41 : เค้าหาว่าหนูเเอ๊บเเบ๊ว “ฝน ศนันธฉัตร” https://www.youtube.com/watch?v=kXUNpViTPTA
วิจัยกรุงศรีวิเคราะห์ ‘ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง’ คลื่นลูกใหม่แห่งวงการสินเชื่อ. https://thaipublica.org/2023/01/krungsri-research-on-buy-now-pay-later/
https://www.komchadluek.net/entertainment/thai-entertainment/542817
“มารี” เมินถูกโยงดราม่านางเอกเรื่องเยอะ ไม่กระทบใจ เผยแพชชันฝันแข่งรถ. https://www.thairath.co.th/entertain/news/2399316
รู้จัก 'มารี เบรินเนอร์' นางเอกสาว นักแข่งรถ และเจ้าของรายการ ว่ามาดิ. https://www.komchadluek.net/entertainment/thai-entertainment/542817