‘มิว ศุภศิษฏ์’ นักแสดงที่ถูกใส่กรอบ ‘คู่จิ้น’ จนต้องออกมาโต้แฟนคลับที่อินกับ Fan Service

‘มิว ศุภศิษฏ์’ นักแสดงที่ถูกใส่กรอบ ‘คู่จิ้น’ จนต้องออกมาโต้แฟนคลับที่อินกับ Fan Service

‘มิว ศุภศิษฏ์’ นักแสดงผู้เป็นที่รู้จักจากซีรีส์วายเรื่อง TharnType the Series เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดี ๆ ออกมาพูดถึงกรณีแฟนคลับที่ยังคง ‘อิน’ กับความสัมพันธ์ ‘คู่จิ้น’ ระหว่างเขาและนักแสดงรุ่นน้อง จนทำให้โลกออนไลน์ลุกเป็นไฟ

  • ‘มิว - ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์’ คือนักแสดงที่แจ้งเกิดจากซีรีส์วายเรื่อง TharnType the Series เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดี ๆ 
  • หลังจากซีรีส์ออกอากาศไปเมื่อปี พ.ศ.2562 ชื่อของเขาและนักแสดงรุ่นน้อง ‘กลัฟ - คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์’ ก็ถูกยกให้เป็นคู่จิ้นแห่งปี จนเกิดเป็นแฮชแท็ก #หวานใจมิวกลัฟ
  • กระแสดราม่าครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก ‘มิว - ศุภศิษฏ์’  ประกาศว่าความสัมพันธ์เขาและคนรักกำลังเป็นไปได้ด้วยดี ทำให้แฟนคลับที่ยังคงติดภาพ ‘มิว-กลัฟ’ เกิดความไม่พอใจ จนก่อให้เกิดกระแสดราม่าขึ้น แม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้ร่วมงานกันมา 2-3 ปีแล้วก็ตาม

แม้ว่า ‘มิว - ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์’ และ ‘กลัฟ - คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์’ จากซีรีส์วาย TharnType the Series เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดี ๆ ออกอากาศเมื่อปี 2562 ต่างแยกย้ายกันไปเติบโตกันเป็นเวลานานนับปี แต่แฟน ๆ ของทั้งคู่ยังคงไม่ลืมโมเมนท์น่ารัก ๆ ของ #หวานใจมิวกลัฟ ราวกับว่าความสัมพันธ์ ‘มิว-กลัฟ’ ไม่เคยถูกลบให้หายไปจากความทรงจำ

ถึงจะเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่ ‘มิว - ศุภศิษฏ์’ สามารถสร้างภาพจำให้แฟนคลับ เชื่ออย่างสุดใจว่าทั้งคู่รักกันจริงนอกจอ แต่หลังจากนักแสดงหนุ่มให้สัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับความรักครั้งใหม่ของเขา ว่ากำลังเป็นไปได้ด้วยดี เลยอยากจะขอเก็บเรื่องราวของคนรักไว้เป็นความลับก่อน พร้อมทั้งพูดเป็นนัยว่าอาจจะแต่งงานตอนอายุ 35 ตามหมอดูบอก

หลังจากบทสัมภาษณ์ของเขาเผยแพร่ออกไป เหล่าแฟนคลับที่ยังคง ‘อิน’ กับคู่ มิว-กลัฟ ต่างรู้สึกราวกับกำลังถูกทำลายความไว้วางใจ จนออกมาโพสต์ตัดพ้อ ต่อว่า และแสดงความโกรธเคืองมิวที่ทำลายความเชื่อมั่น ที่พวกเขามอบให้กับหวานใจคู่นี้มาโดยตลอด ผ่านทางโซเชียลมีเดียแทบทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Instagram, Twitter ไปจนถึง TikTok

ซึ่ง มิว เองก็ได้ออกมาทวีตตอบโต้ เพื่อไขความเข้าใจผิดของแฟนคลับ แต่ดูเหมือนว่าถ้อยคำที่เขาเลือกใช้ กลับยิ่งกระทุ้งไฟแห่งความโกรธแค้นยิ่งปะทุหนักขึ้น “ทำให้คิดยังไงครับ บอกจนไม่รู้จะบอกยังไงแล้ว ไม่ได้คุยกับน้องมา 2 ปีได้แล้วมั้งครับ คิดเองเออเองก็มาโทษผมตลอด ขอโทษไว้ตรงนี้เลยครับที่เมื่อก่อน fan service แต่เราเป็นพี่น้องกันมาโดยตลอดครับ”

โดยไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณแฟนคลับกลุ่มที่เข้าใจความสัมพันธ์ของเขาและนักแสดงรุ่นน้อง “แฟนคลับคู่ที่น่ารักก็เยอะมาก ๆ ต้องขอบคุณมาก ๆ เลยนะครับ บอกไปแล้วว่าจิ้นได้ ไม่ว่า มันเป็นพื้นที่ของคุณ แต่บางคนแยกจินตนาการกับความจริงไม่ออก แล้วมาว่าทั้งผมทั้งน้องเสียหาย ก็ไม่ใช่แล้วนะครับ การศึกษาถึงสำคัญมาก ๆ ฝากรัฐบาลพัฒนาระบบการศึกษาด้วยครับ”

ก่อนจะปิดท้ายว่า ถึงศิลปินจะเลือกแฟนคลับไม่ได้ แต่เขาเชื่อว่าสุดท้ายแล้วคนที่ต้องรักษาไว้คือตัวเอง “...คำที่บอกว่าศิลปินเลือกแฟนคลับไม่ได้ เป็นเรื่องจริง คนที่เข้ามา มาจากครอบครัว สังคม การศึกษา ที่หลากหลาย แต่สุดท้ายคนที่เราต้องรักษาไว้คือตัวเองกับคนที่เข้าใจความเป็นคุณและพร้อมที่จะซัพพอร์ตคุณ ขอบคุณครับ

“pls try to search “what is queerbaiting?”

ซึ่งก่อนหน้านั้น มิว ได้ผ่านมรสุมดราม่ามาแล้วครั้งหนึ่ง จนเกิดเป็นแฮชแท็กร้อน ไม่ว่าจะเป็นกรณี #มิวศุภศิษฏ์ชอบก๊อปงานคนอื่น #Mewlions2getherwithMEW #MSSsaysorrytoJAEHYUN จนมาถึงกรณีล่าสุดที่เขาออกมาตอบโต้เรื่องแฟนคลับที่ยังไม่มูฟออนจากความสัมพันธ์คู่จิ้นในอดีต

ดราม่าครั้งแรกของเขาเริ่มขึ้นหลังจาก เขาเปิดตัว ‘มิว ศุภศิษฏ์ สตูดิโอ’ ขึ้น โดยสตูดิโอนี้จะผลิตเอ็มวี คลิปวิดีโอ และสื่อต่าง ๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวของเขาโดยเฉพาะ แต่หลังจากปล่อยเอ็มวีคัฟเวอร์เพลง Afterglow กลับทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยถึงงานชิ้นนี้ของมิว ว่ามีความคล้ายคลึงกับเอ็มวีเพลง I Like Me Better ของศิลปินเกาหลี ‘แจฮยอน วง NCT’

และยังมีคนตั้งข้อสังเกตว่าในเอ็มวีเพลงนี้ของเขามีจุดที่คล้ายกับศิลปินคนอื่น ๆ อีก จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ดันให้แฮชแท็ก #มิวศุภศิษฏ์ชอบก๊อปงานคนอื่น ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ของประเทศไทยในช่วงเวลานั้น หลังจากกระแสต่อต้านหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ เขาได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงและลบเอ็มวี แต่ยังคงยืนยันว่าไม่ได้ลอกเลียนแบบงานของใคร

หากตัดเรื่องราวดราม่าออกไป เหตุผลที่ทำให้นักแสดงหนุ่มคนนี้เป็นที่รักและชื่นชอบมาจนถึงทุกวันนี้ เป็นเพราะทุกครั้งที่เขาออกมาให้สัมภาษณ์ สิ่งแรกที่เขามักพูดขอบคุณอยู่เสมอคือ ‘แฟนคลับ’ เขายังได้แต่งเพลง ทุกฤดู (Season of You) เพื่อมอบความรู้สึกขอบคุณที่แฟนคลับยังคงอยู่เคียงข้างและไม่ทิ้งเขาไปไหน

"เพลงนี้เป็นเพลงที่ให้ฟีลแบบอบอุ่น ต้องการให้คนที่รู้สึกเหงา เศร้า หยิบเพลงขึ้นมาฟังแล้วอบอุ่น มีคนอยู่ข้างๆ มีพี่เอก ซีซั่นไฟว์ เป็นคนแต่งเพลงให้ และพี่เบนซ์ เป็นโปรดิวเซอร์ให้ครับ ก็คุยกับพี่เค้าว่า ช่วงโควิดที่ผ่านมาทุกคนดูเครียด ดูเศร้า ดูเหนื่อย ก็อยากได้เพลงที่มอบกำลังใจให้เค้า

"เป็นเพลงพอสซิทีฟ ที่ฟังแล้วรู้สึกกินใจ อยากได้เพลงที่อบอุ่น ทั้งดนตรี ทั้งตัวเนื้อร้อง ทั้งเพลง อยากให้ทุกคนที่สัมผัสเพลงนี้แล้วเค้ารู้สึกดีขึ้น รู้สึกอบอุ่นเหมือนมีคนอยู่ข้างๆ ครับ" (จากบทสัมภาษณ์ เปิดชีวิต มิว ศุภศิษฏ์ 11 ปีไม่ท้อ ผ่านเรื่องร้ายที่ไม่อยากให้ กลัฟ เจอ เผยแพร่เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2563 จาก ไทยรัฐออนไลน์)

แม้ว่าชื่อของเขาจะเริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกราวปี พ.ศ.2562 แต่เมื่อย้อนกลับไปยังเส้นทางการเข้าสู่วงการบันเทิงของเขา มิว เติบโตมาในเส้นทางนี้มานานกว่าสิบปี สิบปีแห่งความพยายามที่นักแสดงหนุ่มพยายามพิสูจน์ตัวตนของตัวเองมาโดยตลอด จนกระทั่งซีรีส์ TharnType The Series เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดี ๆ กลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักทั้งในไทยและดังไกลไปทั่วเอเชีย

ส่วนทางด้านชีวิตส่วนตัว มิวเองก็ถอืได้ว่าเป็นนักแสดงที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ เพราะนอกจากจะทุ่มเวลาให้กับงานแสดงแล้ว เขายังใส่ใจการเรียนชนิดที่ว่าผลการเรียนไม่มีตก เพราะหลังจากจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แผนการเรียนวิทย์-คณิต เขาก็เข้าสู่วงการบันเทิงทันทีตั้งแต่อายุ 18 จากนั้นจึงต่อระดับปริญญาตรี ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เรียบจบด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ รุ่น KU69

ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เขายังเรียนต่อปริญญาโท และปริญญาเอก ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเขาได้เผยเหตุผลที่เลือกเรียนแต่คณะวิศวะเป็นเพราะว่า ที่บ้านอยากให้เรียนแค่สองอย่าง ไม่หมอก็วิศวะ

“จริงๆ เหมือนโดนที่บ้านบังคับให้เรียน ตอน ป.ตรี คือมีให้เลือกสองอย่างระหว่างวิศวะกับหมอ แล้วช่วงนั้นผมเริ่มมีแคสต์งานแล้ว ก็เลยคิดว่าหมอเรียนตั้ง 6 ปี ค่อนข้างนาน ถ้าเรียนวิศวะจบไปยังเอาไปปรับใช้งานได้หลากหลาย เลยเลือกเรียนวิศวะแทน แต่ปรากฏว่าปัจจุบันเรียนมาแปดเก้าปีแล้ว เรียนนานกว่าหมออีก (หัวเราะ) พอจบ ป.ตรี เราแคสต์งานแต่ไม่ค่อยได้ ปาป๊าเห็นว่าเราอยู่ว่างเป็นปี ค้นหาตัวเองไม่เจอหรือเปล่า ก็เลยตัดสินใจเรียนต่อ ป.โท ด้วยเลยก็แล้วกัน” (บทสัมภาษณ์ สำรวจวิธีคิดของ มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ กับชีวิตที่ไขว่คว้าความเป็นไปได้ เขียนโดย อริญชัย วีรดุษฎีนนท์ เผยแพร่เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564 จาก GQ Thailand)

อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่หนึ่งในทวีตตอบโต้แฟนคลับของเขา หยิบโยงเรื่องการศึกษาเข้ามาเกี่ยวข้อง จนทำให้โลกโซเชียลลุกเป็นไฟ ซึ่ง มิว ก็ได้ออกมาทวีตภายหลังว่า เขาอยากให้ทุกคนนำกรณีของเขาไปเป็นกรณีศึกษาเพิ่มเติม เพื่อผลักดันวงการบันเทิงไทยว่าควรจะมีทิศทางต่อจากนี้อย่างไร

“เอาเรื่องผมเป็น case study เลย คิดว่าเราจะผลักดันวงการบันเทิงยังไง ให้ส่งเสริมคอมมู แจก 2 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท ปิดรับพรุ่งนี้เที่ยงครับ quote แล้วพิมพ์คำตอบไว้เลยครับ”

 

ภาพ: Instagram - mewsuppasit

 

อ้างอิง

https://www.thairath.co.th/entertain/news/1910616

https://www.amarintv.com/news/detail/102407

https://www.thaipost.net/main/detail/112941

https://www.gqthailand.com/views/article/the-possibilities-are-endless

https://www.thairath.co.th/entertain/news/2043985

https://adaymagazine.com/mew-suppasit/