28 ก.พ. 2566 | 17:30 น.
“เบ้าหน้าฟ้าประทาน แต่เพิ่งหาคู่มือการใช้งานเจอ”
“เป็นแฟนคลับมา 20 ปี ไม่เห็นลุคเท่มาแล้ว 19 ปี”
“คิดไม่ถึงว่าตัวเราจะมาถึงจุดนี้ จุดที่อยากให้เค้าขัดสนตลอดไป”
ทั้งหมดนี้คือความคิดเห็นที่กระหน่ำเข้ามาไม่ขาดสาย หลังจากเซ็ตภาพของ ‘แน็ก - ชาลี ไตรรัตน์’ หรือ ‘แน็ก แฟนฉัน’ ถูกปล่อยออกมา สลัดภาพหนุ่มสุดเซอร์กลายเป็นผู้เป็นคน ยอมหั่นผมสั้น แต่งตัวเนี๊ยบ บวกกับใบหน้านิ่ง ๆ ขณะถ่ายแบบยิ่งทำให้เสน่ห์ของชายคนนี้เป็นที่ต้องตาของใครหลายคนชนิดที่ต้องกรีดร้องว่า อย่าเพิ่งเป็นตัวเองได้ไหม ตอนนี้หล่อมาก ซึ่งการที่เราจะเห็นเขายอมเปลี่ยนลุคเพื่อมารับงานนั้น เรียกได้ว่าเป็นยิ่งกว่าปาฏิหาริย์ เพราะแน็กไม่ใช่คนที่จะยอมทำงานได้ง่าย ๆ ขนาดเงินหลักล้านเจ้าตัวยังปฏิเสธมาแล้ว
เหตุผลเดียวที่เขาจะทำงาน คือ ไม่มีเงินซื้ออาหารสัตว์สารพัดชนิดที่อยู่ในความดูแลของเขา ไม่ว่าจะเป็นแมว สุนัข งู หนูบ้าน ตุ๊กแก แมลงสาบ จิ้งจก กระรอก ไปจนถึงตัวเงินตัวทอง ที่เขายอมวางระบบท่อทำทางพิเศษให้พวกมัน สามารถเดินมากินไก่ที่แน็กวางไว้ได้โดยไม่ต้องเสี่ยงขึ้นมาบนบก
แม้เรื่องราวชีวิตของ แน็ก ชาลี จะดูไม่ค่อยคล้อยตามไปกับค่านิยมหรือกรอบการดำเนินชีวิตของสังคมไทยเท่าไหร่นัก จนบางครั้งเขาก็ถูกสังคมตราหน้าหาว่าหลุดโลกไปไกล
The People ชวนมาทำความรู้จักชายผู้ไม่ยอมก้มหัวให้กับโลกมายาและอำนาจเงิน จนกว่าสัตว์เลี้ยงของเขาจะไม่มีกิน ผ่านบทความชิ้นนี้
ดาราเด็กผู้เข้าสู่วงการตั้งแต่อายุ 4 เดือน
แน็ก ชาลี เกิดวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2536 เป็นลูกชายคนเล็กของ อัลเฟรด ปอทเจส เชื้อสายดัตช์ กับ วราภรณ์ ไตรรัตน์ คุณแม่ผู้มีญาณหยั่งรู้พิเศษ และนำความสามารถนี้มาช่วยเลี้ยงดูลูกชายจอมรั้นให้เติบโตมาเป็นชาลีอย่างที่เราเห็น ส่วนพี่น้องของเขาต่างแยกย้ายกันไปเติบโต ทุกคนจบการศึกษาระดับปริญญาโท จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะที่น้องคนสุดท้องอย่างแน็ก ขอเลือกทางเดินชีวิตเองมากกว่าฝืนทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ โดยเขาได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในรายการ ภารกิจจบตั้งแต่ 19 คุยลับ "แน็ก ชาลี" หรรมใหญ่ ตื่น 24 ชม.ที่แรก THAIRATH TALK ออกอากาศเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562 ไว้ว่า ชีวิตของเขาถูกเลี้ยงดูมาอย่างโชกโชน อาจเป็นเพราะไม่ชอบให้ใครมาดูแลเป็นพิเศษ เขาจึงกลายเป็นเด็กที่มีความเป็นตัวของตัวเองค่อนข้างสูง
“ผมโดนเลี้ยงมาแบบโชกโชน (หัวเราะ) ไม่หรอก ผมไม่ชอบให้ใครมาโอ๋ผม เปลี่ยนเสื้อผ้าตั้งแต่เด็กไม่ให้ใครยุ่ง ลุยตั้งแต่เด็ก เราเล่นกีฬาหนักมากตั้งแต่เด็กแล้ว สิ่งที่พ่อแม่ขอจริง ๆ คืออยากให้เรียนจบมหาวิทยาลัยนั่นแหละ ซึ่งไม่ทำดีกว่า ผมก็ว่ามันก็ดีนะ ต่างจากพี่น้องผมเขาจบโท จุฬาฯ นะ ยกเว้นผมคนเดียวที่ไม่ได้จริง ๆ ผมไม่ได้เรื่องเรียนจริง ๆ
“ถ้าไม่ได้เข้าวงการ ผมว่าผมคงเรียนจบ แต่มันเป็นเป็นปัญหาที่ตัวเรามากกว่า เพราะว่าถ้าเป็นระบบการศึกษาเด็กคงเรียนไม่จบกันหมดแล้ว อันนี้มันเป็นแค่ตัวเรา เราเป็นส่วนน้อย เพราะไม่ชอบจริง ๆ ผมไม่เคยเข้าข้างตัวเองหรือว่าเข้าข้างคนที่เข้าข้างผม บางคนบอกว่าอย่าไปนับมันสิ มันไม่เรียนแต่มันทำงานนะ ผมไม่เคยดีใจคอมเมนท์ที่มาเข้าข้างผมเลย ผมจะบอกว่ามันไม่ได้ ยังไงคุณก็ต้องเรียนนะ เรียนให้ได้ปริญญาอันแรกก่อน แล้วหลังจากนั้นอยากทำอะไรก็ทำ”
กว่าแน็กจะเติบโตมาเป็นชายหนุ่มที่ไม่ยึดติดกับอำนาจเงินตรา และพร้อมปฏิเสธทุกโอกาสที่เข้ามา เขามีจุดเริ่มต้นอย่างเรียบง่าย ทุกคนรู้จัก ด.ช. แน็ก จากหนังไทยที่สร้างปรากฏการณ์แห่งยุค ‘แฟนฉัน’ เมื่อ พ.ศ.2546 แต่ในความเป็นจริงแล้ว โลกเซลลูลอยด์ต้อนรับเด็กชายแน็กตั้งแต่แบเบาะ เขาแสดงในหนังเรื่อง ‘กาลครั้งหนึ่งเมื่อเช้านี้’ (2537) เป็นน้องคนสุดท้องที่โดนลักพาตัวไป
และครอบครัว (พี่ชายคนรองรับบทโดย ฟลุค เดอะสตาร์) ต้องตามหา อายุเพียงขวบเดียวไม่ได้ฉายแววการแสดงอะไรมากมายนัก แต่หนังของบัณฑิต ฤทธ์ถกล เรื่องนี้ ก็เป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของหนังไทยคุณภาพ บทบาทของแน็กเพียงแสดงแววตาน่ารักสะท้อนภาพความบริสุทธิ์ของเด็กที่สะท้อนปัญหาการค้ามนุษย์ในยุคนั้นท่ามกลางการยื้อแย่งเด็ก แววตาที่แสดงความสุขความอ่อนโยนของเขาคือความงดงามของหนังเรื่องนี้ท่ามกลางความจริงอันแสนโหดร้าย
หลังจากนั้นอีก 8 ปี จากชีวิตในวัยเด็กอันสดใส เขาก็กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ร้อยล้านตอนอายุยังน้อยทันที หลังจากรับบทหนังพลิกประวัติศาสตร์เรื่อง...แฟนฉัน
ส่วนความฝันวัยเด็กของ ด.ช.แน็ก คือการเป็นนักบิน เขาไม่ได้อยากมีชื่อเสียง ไม่ต้องการเป็นจุดสนใจ สิ่งที่ดึงความสนใจจากเขาได้มีเพียงเรื่องที่เขาอยากทำเท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมชายคนนี้ถึงเลือกที่จะทำทุกอย่างตามใจตัวเองไปเสียหมด
“ตอนเด็ก ๆ อยากเป็นนักบิน ผมก็อยู่กับเครื่องบินมาตั้งแต่เด็กแล้วแหละ แต่แบบเป็นสิ่งเดียวที่เราไม่เคยพูดยกเว้นกลุ่มเล็ก ๆ ที่เขาอยู่กับเราเขาก็จะรู้ จริงๆ ผมก็ชอบมาก คำว่านักบินของผมมันต่างกัน พอโตมามันไม่ได้อยากเป็นนักบินพาณิชย์ เราอยากบินผาดโผนเราอยากบินสนุก ถ้าผมว่าง ผมก็ไปขับเครื่องบินเล่น ผมรักเครื่องบิน ทุกวันนี้ก็ยังชอบเครื่องบินมาก”
(จากบทสัมภาษณ์ในรายการ ภารกิจจบตั้งแต่ 19 คุยลับ "แน็ก ชาลี" หรรมใหญ่ ตื่น 24 ชม.ที่แรก THAIRATH TALK ออกอากาศเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562)
พระเอกหนัง 100 ล้านตอนอายุ 9 ขวบ
“ก่อนอื่นขอบพระคุณมากนะครับที่เชิญผมไปดู นั่นคือหน้าผมมีความสุขมากจริง ๆ นะ ในหัวคิดอะไรเต็มไปหมด ตื่นเต้น”
สัตว์ เด็ก เอฟเฟกต์ สลิง เป็นประเภทที่คนสร้างหนังทั่วไปไม่อยากจะไปแตะต้อง แต่แล้วก็มีกลุ่มผู้กำกับใหม่ไฟแรงในยุคนั้นกล้าลองดีกับการทำหนังที่ดำเนินเรื่องโดยเด็ก โดยใช้ความทรงจำในอดีตช่วงยุค 80s มาขัดเกลา จนทำให้หนังเรื่องแฟนฉันกลายเป็นปรากฏการณ์เรียกความทรงจำสีจางจากผู้คนมากมาย จนหนังเล็ก ๆ แต่ทะเยอทะยานเรื่องนี้ กลายเป็นหนังที่พลิกประวัติศาสตร์และทำรายได้ถล่มทลายถึง 137 ล้านบาทในตอนนั้น แจ้งเกิดผู้กำกับทั้ง 6 ให้กลายเป็นผู้กำกับแถวหน้า นำพาค่ายหนัง feel good อย่าง GTH ให้กลายเป็นค่ายหนังเบอร์ต้น ๆ ของเมืองไทย และหนึ่งในผู้ที่มีส่วนพาหนังเรื่องนี้ให้โด่งดังคือความน่ารักของพระเอกในเรื่องที่รับบทโดย แน็ก นั่นเอง
แน็ก รับบทเป็น ‘เจี๊ยบ’ เด็กหนุ่มขี้อายที่มีความทรงจำในวัยเด็กทั้งสุข สนุก และเศร้า โดยมีเพื่อนซี้อย่างน้อยหน่าที่เป็นภาพความทรงจำที่งดงามและน่าจดจำ หากไม่นับหนังเรื่องก่อนหน้าที่แน็กรับบทตอนยังไม่รู้ความ หนังแฟนฉันก็ฉายแววให้เห็นการแสดงอันยอดเยี่ยมของเขา ที่นำพาภาพเด็กน้อยขี้อาย ไม่มีความมั่นใจ ติดเพื่อน และยังเขินอายกับเพศตรงข้าม ได้อย่างเป็นธรรมชาติและยอดเยี่ยม ทุกคนมองว่าแน็กจะมีอนาคตที่สดใสในวงการบันเทิงในอนาคตอย่างแน่นอน เพราะฝีมือการแสดงในวัยเพียง 9 ขวบถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่ได้พบเห็นมานานในหนังไทย แต่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้ ว่าจริง ๆ แล้วแน็กไม่ได้มาจากการแคสติง แต่ทีมงานได้เจอแน็กเตะบอลอยู่กับเพื่อนที่แม่พระฟาติมา แววตาอันสดใสและขี้เล่นของเด็กคนนี้เข้าตาผู้กำกับอย่างจัง จนพาเขาเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างไม่รู้ตัว
หลังจากนั้น เราก็ได้รู้จักแน็ก และเห็นการเจริญเติบโตของเด็กน้อยผ่านจอหนัง ไม่ว่าจะเป็น เด็กหอ ที่ได้เห็นศักยภาพการแสดงในหนังสยองขวัญดราม่า จนคว้ารางวัลตุ๊กตาทองในปี 2549 หรือบทกุ๊กกิ๊กน่ารักใน ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น ก็แสดงให้เห็นว่าแน็กสามารถสวมได้ทุกบทบาทการแสดง
แต่เขาก็ไม่ใช่เด็กหนุ่มที่อยากใช้ชีวิตท่ามกลางแสงไฟสปอร์ตไลท์ตลอดไป มีช่วงหนึ่งเขาห่างหายไปจากวงการบันเทิงไปเป็นเวลา 1 ปีเต็ม ซึ่งช่วงที่หายไปของเขา หลายคนอาจจะคาดเดาว่าเขาอาจจะหมดอายุหรือเบื่อวงการบันเทิงไปแล้ว แต่คิดผิด เมื่อเขาได้เปิดตัวเพลงที่เขาทำอย่างตั้งใจ ซึ่งเบื้องหลังมาจากการที่เขาฝึกฝนและตั้งใจในการทำเพลงซึ่งขัดแย้งกับตัวตนสบาย ๆ ของเขา
“...ผมมั่นใจในตัวผมเอง ผมจะเลิกหยุดทำงาน(การแสดง)ผมก็ไม่กลัว ผมไม่มีงาน ผมก็ไปรับทำดนตรีก็ได้ สนุกกว่าเยอะเลย” (จากบทสัมภาษณ์ในรายการ ภารกิจจบตั้งแต่ 19 คุยลับ "แน็ก ชาลี" หรรมใหญ่ ตื่น 24 ชม.ที่แรก THAIRATH TALK ออกอากาศเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562)
แม้จะแลกด้วยผลลัพธ์ที่เงียบเชียบ แต่ก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า แน็ก ชาลี ไม่ใช่เด็กที่มาพร้อมชื่อเสียง และนามสกุล ‘แฟนฉัน’ ก็ไม่อาจทำให้เขาต้องจมจ่อมอยู่กับมันไปจนวันตาย เขายังหาสิ่งที่น่าสนใจและทำมันไปแบบไม่หยุดยั้งอยู่สม่ำเสมอ
ความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับอาการนอนไม่หลับ
“ผมเป็นโรคนอนไม่หลับ ผมตื่นตลอด 24 ชั่วโมง ผมหลับยากมาก มันจะมาทรมานตอนต้องทำงานนั่นแหละ สมมติตีห้า ผมเริ่มจะขึ้นบนเตียงนอนละ แล้วก็หลับครึ่งชั่วโมง ตื่นออกไปทำนู่นทำนี่... ร่างกายผม ผมไม่รู้ว่ามันต้องการอะไร (หัวเราะ)”
แน็ก ในวัยเกือบสามสิบเผยให้เห็นถึงอีกด้านที่เขาต้องประสบมาโดยตลอด ยิ่งเขาพยายามมอบเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มให้กับคนรอบข้างมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งจมดิ่งไปในโลกอันดำมืดจนไม่อาจข่มตานอน แต่ถึงอย่างไรเขาก็พร้อมจะมอบความสุขให้คนรอบข้างอยู่ดี เพราะตลอดเวลาแน็กก็คือแน็ก ทุกแพลตฟอร์มที่ใช้ฉายวิถีชีวิตของเขาล้วนเป็นตัวตนของ ‘อดีต’ นักแสดงคนนี้จริง ๆ ซึ่งเขามักจะบอกทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์ในหลายสื่อว่า เขาเป็นคนที่โชคดี... โชคดีที่ไม่ต้องเสแสร้งแสดงเป็นคนอื่นที่เขาไม่รู้จัก ไม่เฉพาะความโชคดีเท่านั้นที่ผลักดันให้แน็กยังคงถูกพูดถึง แต่เป็นเพราะเขามีความรับผิดชอบที่สูงชนิดที่ว่าหากไม่เคยใช้สินค้านั้น เขาจะไม่เลือกรับรีวิว ถึงขนาดเคยปฏิเสธงานโฆษณาหลักล้าน เพราะไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ของผู้ว่าจ้าง ซึ่งเขาไม่เคยรู้สึกเสียดายแม้แต่วินาทีเดียว
“ผมเป็นคนจริงจังเรื่องนึงด้วยคือของอะไรที่เราไม่เคยใช้ ไม่ได้ลองมาก่อน ผมจะแบบไม่อยากทำ แต่ตอนหลังผมจะเปิดใจขึ้นนะ ผมจะลองดูว่าแบบพี่ครับส่งมาก่อนเดือนนึง ส่งมาก่อนครึ่งเดือน ลองใช้ถ้าผมไม่แพ้ก็รีวิวให้”
“เพราะฉะนั้นถ้าผมตัดสินใจแล้วเนี่ย ผมไม่เคยผิดคำพูด ถ้าสมมติว่าเราคุยเราเริ่มการถ่ายงานแล้วเนี่ย ผมไม่เคยผิด ยังไม่เคยทิ้งงานหรืออะไรเลย เป็นคนรับผิดชอบมาก ๆ เลยครับผม ความรับผิดชอบของผมอย่างงี้ (ยกนิ้วโป้ง)”
แน็ก ให้สัมภาษณ์ในรายการ แฉ “แน็ก ชาลี” รีวิวชีวิต แทบหมดตัวเพราะความไว้ใจ และดีเกินไป ออกอากาศเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2565 ทางช่อง GMM25 ซึ่งเขาได้เล่าเสริมว่าทุกครั้งที่มีคิวไปกองถ่าย เขาจะเป็นคนแรกที่เดินทางถึงกองก่อนเสมอ
“ผมไปกองนัด 10 โมง ถามได้เลยกองละครนัด 10 โมง ผมไปถึงตีห้าครึ่ง ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าไปทำอะไร อันนี้เขาบอกว่าเป็นโรคจิตมั้งพี่ ถามกองละครได้เลยแต่ก่อนอะ ทุกคนจะเห็นเลยว่าเวลาผมไปกองผมจะชอบไปนอนหลังโซฟา ถึงกองแม่งนินทาผมกันชิบหายเลย 10 โมงปุ๊ปผมลุกขึ้นมาเงียบกันหมด”
“ผมอะเป็นคนถึงกองคนแรก ไม่ว่าจะนัดยังไง ใครจะนัดใครยังไง ผมถึงกองก่อนช่างไฟอะ เพราะผมนอนไม่หลับ เออ ๆ ข้อดีของผมคือผมจะนอนไม่หลับ ผมเป็นโรคนอนไม่หลับตั้งแต่เด็ก แต่ผมจะง่วง ง่วงมาก อยู่กองถ่ายผมจะหลับตลอด ผมก็เลยต้องมานอนที่กองก่อนตอนเช้า อยู่ที่บ้านนอนไม่หลับจริง ๆ ผมก็เลยแบบว่านัดกอง 10 โมง นัดกองเที่ยงผมจะมาก่อน นอนหลังโซฟา ใต้อะไรผมนอนได้ทุกที่”
แน็ก ชาลี ผู้ชายแสนดีที่มีเงินเท่าไหร่ก็ให้คนอื่นจนหมดตัว
มีครั้งหนึ่งเขาเคยไปออกรายการได้เงินค่าตัวมาราวสามหมื่นบาท แต่เหลือกลับบ้านเพียง 780 บาท ไม่ใช่เพราะเขาเอาเงินไปใช้สุรุ่ยสุร่าย แต่เขานำเงินค่าตัวไปแจกจ่ายให้คนที่กำลังลำบาก ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องแปลกหากแน็ก จะนำเงินค่าเหนื่อยไปให้คนอื่น เพราะเขายังเคยนำเงินหลายแสนไปตระเวนซื้อกุ้งซื้อปลา นำมาปล่อยให้พวกมันได้ใช้ชีวิตอยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งเราสามารถเห็นความรักสัตว์ของชายคนนี้ผ่านช่องยูทูป ที่เขาตระเวนถ่ายเกี่ยวกับสัตว์ โดยตั้งใจจะทำเทปแรกด้วยการส่องตัวเหี้ย แต่น่าเสียดายที่กล้องตกน้ำ ทำให้เขาต้องชะลอความฝันในการทำช่องไปก่อน
“ผมไม่ชอบพูดเลย ผมอะช่วยเหลือคนเยอะมากนะ แต่ไม่เคยถ่าย ผมให้เงินใครจนหมดตัวจริง... แต่เราไม่เรียกว่าความสงสารหรอก เราช่วยเหลือได้เราก็ช่วยเหลือ” (จากบทสัมภาษณ์ในรายการ แฉ “แน็ก ชาลี” รีวิวชีวิต แทบหมดตัวเพราะความไว้ใจ และดีเกินไป ออกอากาศเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2565 ทางช่อง GMM25)
"จุดมุ่งหมายในชีวิตคืออยากมีเงินเลี้ยงสัตว์ พ่อแม่เราเลี้ยงหมาแมวข้างถนนตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เราก็ทำงานเลี้ยงแต่หมาแมว เราโชคดีที่เกิดในครอบครัวที่รักสัตว์ แต่เราไม่เปิดมูลนิธิอะไรพวกนี้ ไม่เข้า ๆ เราไม่อยากให้มีเงินเข้ามาเกี่ยว เลี้ยงหลายอย่างเลยสัตว์แปลก ๆ ตอนนี้น้อยลงไม่ได้เยอะเหมือนแต่ก่อนแล้ว เราชอบอันไหนก็เอามา"
ส่วนความสุขในวันนี้ของ แน็ก คงหนีไม่พ้นการใช้ชีวิตอยู่กับหลานชาย และบรรดาสัตว์เลี้ยงน้อยใหญ่ที่เขาเป็นผู้รับผิดชอบดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่แน่ใจนักว่าเราจะได้เห็นแน็กในเวอร์ชันปกติอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน แต่เราเชื่อว่าผู้ชายคนนี้คงมีเรื่องอะไรให้เซอร์ไพร์สกันอีกเยอะ ไม่ใช่เพราะเขาอยากอยู่ในกระแส แต่นี่คือ ‘ชีวิต’ ที่เขาขอเป็นคนกำหนดเอง
หมายเหตุ: เนื้อหานี้กองบรรณาธิการปรับปรุงข้อมูลและเรียบเรียงขึ้นใหม่จากบทความ แน็ก-ชาลี ไตรรัตน์ จากใบหน้าอันเรียบเฉย สู่การเป็นมีมระดับชาติ โดย สกก์บงกช ขันทอง เผยแพร่เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2019
ภาพ: Charlie Potjes
อ้างอิง