18 มิ.ย. 2566 | 14:30 น.
- ‘แบรด พิตต์’ กับ ‘แองเจลินา โจลี’ ปิ๊งกันระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Mr. & Mrs. Smith เมื่อปี 2005
- ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อปี 2014 มีพยานรักด้วยกัน 6 คน ในจำนวนนี้ 3 คนเป็นลูกบุญธรรม และอีก 3 คนเป็นลูกแท้ ๆ
- แบรดกับแองเจลินาแยกทางกันหลังเหตุการณ์บนเครื่องบินเมื่อปี 2016 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งคู่ก็เปิดศึกชิงสิทธิดูแลลูก ๆ และมีกรณีกันเรื่องโรงกลั่นไวน์มิราวัล
“ยามรัก แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน ครั้งรักจางห่างเหินไปเนิ่นนาน แต่น้ำตาลว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล”
กลอนสอนใจของ ‘สุนทรภู่’ บทนี้ น่าจะบรรยายเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่าง ‘แบรด พิตต์’ กับ ‘แองเจลินา โจลี’ ได้อย่างเห็นภาพที่สุด
แบรดกับแองเจลินาเคยเป็นหนึ่งในคู่รักฮอลลีวูดที่โด่งดังที่สุดแห่งยุค มีชีวิตรักที่แสนหวานดูดดื่มร่วมกัน 10 ปี ท่ามกลางพยานรักทั้งหมด 6 คน แต่สุดท้ายชีวิตคู่ก็มาถึงทางตัน ต้องแยกทางกันเมื่อปี 2016 และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลายสิ่งก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ (หรืออาจถึงขั้นหลังเท้าเลยก็ว่าได้)
รักสามเส้าเราสามคน แบรด-แองเจลินา-เจนนิเฟอร์
ความรักของแบรดกับแองเจลินาเริ่มต้นด้วยความหวานชื่น แต่เจ็บปวดสำหรับบางคน... เพราะในเวลานั้นแบรดยังอยู่ในสถานะสามีของ ‘เจนนิเฟอร์ อนิสตัน’ นักแสดงสาวสุดฮอตจากซีรีส์เรื่อง Friend ทั้งคู่รักกันมานาน 7 ปี และแต่งงานกันมาแล้ว 5 ปี
รักสามเส้าเริ่มต้นขึ้นเมื่อแบรดไปถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Mr. & Mrs. Smith กับแองเจลินา แล้วก็มีข่าวลือถึงความสัมพันธ์ที่ดูจะเกินเพื่อนร่วมงานไปไม่น้อยของคู่พระนาง ต่อมาแบรดกับเจนนิเฟอร์ก็เลิกกัน พร้อมกับออกแถลงการณ์ว่า การจบชีวิตคู่ของทั้งสองนั้นไม่ได้เป็นผลมาจากข่าวลือที่สื่อกำลังตีข่าวกันอย่างเมามันส์ แต่ก็ไม่ได้มีการชี้แจงเหตุผลที่ทั้งสองเลิกกันแต่อย่างใด เพียงแต่ปิดท้ายว่าทั้งคู่จะยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
เมื่อมีการบอกอ้อม ๆ ว่า แองเจลินาไม่ได้เป็นมือที่สามระหว่างแบรดกับเจนนิเฟอร์ ทีนี้กรรมเลยมาตกที่เจนนิเฟอร์เต็ม ๆ ขาเมาท์ต่างพากันวิจารณ์ว่าเหตุที่แบรดแยกทางกับเจนนิเฟอร์ เพราะฝ่ายหญิงไม่ยอมมีลูก ด้วยเกรงว่าการมีลูกจะเป็นอุปสรรคในการทำงานของตัวเอง!
เมื่อเจอทั้งมรสุมชีวิตคู่ และมรสุมเรื่องงานจากการปิดฉากของซีรีส์เรื่อง Friends ที่เธอผูกพัน ในเวลาไล่เลี่ยกัน เจนนิเฟอร์ยอมรับในภายหลังว่า เธอไปต่อไม่ไหวถึงขั้นต้องเข้ารับการบำบัดเลยทีเดียว ส่วนข่าวลือที่ว่าเธอไม่ยอมมีลูกหรือแม้กระทั่งเกลียดเด็กนั้น เธอก็ออกมาปฏิเสธเช่นกัน แถมยังบอกด้วยว่าเธอเองก็พยายามมีลูกกับแบรดแล้ว แต่มันไม่สำเร็จ
ตัดมาที่แบรด หลังจากหย่ากับเจนนิเฟอร์แล้ว เขาก็ต้องอยู่กับข่าวฉาวนี้นานหลายเดือน เพราะทั้งสื่อทั้งแฟน ๆ ต่างกระหายใคร่รู้ว่า ตกลงแล้วแบรดนอกใจเจนนิเฟอร์เพราะแอบไปกิ๊กกับแองเจลินาจริงหรือไม่?
แล้วก็เป็นอย่างที่คนคาด ไม่นานแบรดกับแองจี้ก็เปิดตัวออกสื่อ แต่ทั้งคู่ยังยืนยันเสียงแข็งว่า ไม่ได้กิ๊กกันตอนที่แบรดยังแต่งงานอยู่กับเจนนิเฟอร์นะ
แม้จะเจอข่าวซุบซิบอยู่บ้าง แต่เมื่อเปิดตัวแล้ว ทั้งคู่ก็ขยันโชว์ความหวานออกสื่อ แล้วข่าวทำนองความรักผิดศีลธรรมก็ค่อย ๆ จางหายไปตามกาลเวลา
ชีวิตครอบครัว ‘แบรนเจลินา’
แองเจลินาที่มีภาพลักษณ์เป็นแม่พระของเด็ก ๆ มีลูกบุญธรรมอยู่แล้ว 2 คน ได้แก่ ‘แมดด็อกซ์’ และ ‘ซาฮาร่า’ พอเธอเปิดตัวคบกับแบรดได้เพียง 1 ปี เธอก็มีลูกคนแรกกับเขาคือ ‘ไชโลห์ โจลี พิตต์’ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2006 (ปัจจุบันไชโลห์โตเป็นสาวอายุ 17 ปีแล้ว)
ต่อมาในเดือนมีนาคม 2007 แองจี้ก็รับเด็กชายจากเวียดนามชื่อ ‘แพ็กซ์’ มาเป็นลูกบุญธรรมอีกคน (ปัจจุบันแพ็กซ์อายุ 19 ปี) จากนั้นคู่รักคนดังก็มีลูกแฝดด้วยกันชื่อ ‘วิเวียน’ กับ ‘น็อกซ์’ ในเดือนกรกฎาคม 2008 (ปัจจุบันทั้งคู่อายุ 14 ปีแล้ว)
ครอบครัวที่ประกอบด้วยพ่อแม่ลูกรวม 8 คน ดูน่ารักอบอุ่นจนหลายคนพากันลืมจุดเริ่มต้นความรักอันฉาวโฉ่ของแบรดกับแองเจลินา และพากันอวยพรให้ครอบครัวมีความสุข เมื่อแบรดกับแองเจลินาจัดงานแต่งงานเล็ก ๆ กันที่ชาโตว์ มิราวัล ปราสาทส่วนตัวของทั้งคู่ในฝรั่งเศส โดยเชิญแขกเพียง 20 คน และให้ลูก ๆ ทั้ง 6 คนช่วยกันวาดรูปบนชุดแต่งงานเวอร์ซาเช่ของผู้เป็นแม่
แต่คล้อยหลังงานแต่งงานไปแค่ 2 ปี รักที่เคยหวานชื่นกลับกลายเป็นขมปี๋แบรดกับแองเจลินาหย่ากันในเดือนกันยายน 2016
มหากาพย์ฟ้องร้องแย่งสิทธิดูแลลูก
จุดแตกหักเริ่มต้นขึ้นระหว่างที่ทั้งครอบครัวอยู่บนเครื่องบินส่วนตัวซึ่งกำลังเดินจากฝรั่งเศสไปยังสหรัฐอเมริกา ผลที่ตามมาคือมหากาพย์การต่อสู้เพื่อแย่งสิทธิดูแลลูกที่กินเวลายาวนาน แม้ว่าตอนนี้ลูกบางคนจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม
ตอนแรกแองเจลินาได้รับสิทธิดูแลลูกทุกคนเป็นการชั่วคราว ส่วนแบรดมีสิทธิแค่มาเยี่ยม ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นท่ามกลางข้ออ้างที่ว่าแบรดกระทำความรุนแรงทางร่างกายต่อแมดด็อกซ์บนเที่ยวบินดังกล่าว หลังจากที่เขามีปากเสียงกับแองเจลินา แต่รายละเอียดที่ว่าทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องอะไร ตอนนั้นยังไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ
เดือนพฤศจิกายน 2016 แบรดพ้นข้อกล่าวหาจากหน่วยงานดูแลเด็กและครอบครัว รวมถึง FBI ทำให้เขามีสิทธิเยี่ยมลูก ๆ ได้ โดยไม่ต้องมีผู้ดูแล แต่จะต้องได้รับการอนุมัติจากนักจิตวิทยาที่ศาลแต่งตั้งเท่านั้น
เดือนมกราคม 2017 แบรดได้ร้องขอให้ปิดเอกสารศาลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งแองเจลินาได้ออกมาคัดค้านในตอนแรก เธออ้างว่า อดีตสามีกลัวว่าสาธารณชนจะรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเขา
เดือนมิถุนายน 2018 แบรดได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ในคดีสิทธิดูแลลูก เมื่อผู้พิพากษาตัดสินว่าแองเจลินาไม่พยายามมากพอเพื่อให้ลูก ๆ มีความสัมพันธ์กับพ่อของพวกเขา จึงมีการออกข้อตกลงชั่วคราวฉบับใหม่ที่ให้สิทธิแบรดได้ดูแลลูก ๆ เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อน
ต่อมาในเดือนสิงหาคมทั้งคู่ก็มีความเห็นไม่ลงรอยกันเรื่องค่าเลี้ยงดูลูก ซึ่งฝ่ายแองเจลินากล่าวหาว่าแบรดว่าไม่ยอมจ่ายเงินในจำนวนที่ ‘มีความหมาย’ (meaningful) ตอนแรกทั้งคู่จะขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดีในเดือนธันวาคม 2018 แต่ปรากฏว่าในเดือนพฤศจิกายน ทั้งคู่ก็สามารถตกลงกันได้นอกศาล ข้อตกลงระบุว่าแบรดจะยังคงได้สิทธิดูแลลูกไม่ถึง 50% เหมือนเดิม แต่เขาจะได้ใช้เวลากับลูก ๆ มากขึ้น
เดือนเมษายน 2020 ผู้พิพากษาตัดสินให้แองเจลินากับแบรดมีสถานะ ‘โสดตามกฎหมาย’ แต่ยังไม่ทันที่การหย่าร้างของพวกเขาจะเสร็จสิ้น ฤดูร้อนปีนั้นทั้งคู่ก็มีข้อขัดแย้งกันใหม่ เมื่อแองเจลินาไม่อยากให้ผู้พิพากษาคดีหย่าร้างซึ่งก็คือ ‘จอห์น ดับเบิลยู อูเดินเคิร์ก’ ทำคดีนี้ เธอให้เหตุผลว่าเขากับทนายความของแบรดสนิทกัน แต่คำร้องของเธอก็ถูกปัดตกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2020
เดือนมีนาคม 2021 แองเจลินายื่นเอกสารใหม่ต่อศาล เธอบอกว่าเธอมีหลักฐานเรื่องที่แบรดใช้ความรุนแรงในครอบครัว เธอยังขอให้ลูก ๆ ได้ขึ้นเป็นพยานในเรื่องนี้ แต่ผู้พิพากษาก็ไม่อนุญาต เธอเลยฟาดผู้พิพากษาจอห์นว่า ไม่ยอมให้ความเป็นธรรมกับเธอ และจังหวะเดียวกันนั้นเองที่แบรดได้สิทธิร่วมในการดูแลลูกที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 50% ซึ่งแองจี้ก็รีบยื่นอุทธรณ์คำตัดสินนี้แทบจะทันที เธอยืนยันว่าผู้พิพากษาจอห์นไม่เป็นกลาง และในที่สุดก็มีการถอดผู้พิพากษาจอห์นจากคดี ทำให้คำตัดสินเรื่องสิทธิดูแลลูกของแบรดกลายเป็นโมฆะ
แต่แบรดก็ยังไม่หมดความพยายาม ในเดือนตุลาคม 2021 เขาขึ้นศาลเพื่อพยายามคืนสถานะการตัดสินของผู้พิพากษาจอห์น แต่ก็ถูกปฏิเสธ
ช่วงปลายฤดูร้อนและต้นฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 คดีสิทธิเลี้ยงดูบุตรของทั้งคู่ได้กลายเป็นข่าวพาดหัวอีกครั้ง เมื่อแองจี้เปิดปากเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเครื่องบินเมื่อเดือนกันยายน 2016 เธอกล่าวหาว่าแบรดมีเรื่องกับลูกคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นแมดด็อกซ์) ตั้งแต่ก่อนจะขึ้นเครื่องบินแล้ว และพอเครื่องขึ้น เขาก็ตำหนิว่าแองจี้ให้ท้ายลูกเกินไป
แองจี้กล่าวหาด้วยว่าแบรดจับหัวเธอเขย่า ก่อนที่จะเลื่อนมาเขย่าไหล่ของเธอ ลูกคนหนึ่งพยายามที่จะเข้ามาปกป้องเธอ แล้วแบรดก็พุ่งเข้าใส่ลูกคนนั้น ลูก ๆ จึงรีบกรูกันเข้ามาและพยายามปกป้องกันและกันอย่างกล้าหาญ และก่อนที่ทุกอย่างจะจบลง แบรดได้บีบคอลูกคนหนึ่ง และตบหน้าลูกอีกคน ลูกบางคนพยายามขอร้องให้เขาหยุด พวกเขาหวาดกลัว หลายคนถึงกับร้องไห้
เมื่อเครื่องบินลงจอด แบรดไม่ยอมให้แองเจลินากับลูก ๆ ลงจากเครื่องบิน จนกระทั่งเขาผลอยหลับไป เธอจึงสามารถพาลูก ๆ ไปที่โรงแรมได้อย่างปลอดภัย
หลังจากนั้น แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับแบรดเผยว่า แบรดได้ดื่มเหล้าเข้าไปและยอมรับว่าตัวเองกำลัง ‘ข้ามเส้น’ แต่ก็พยายามที่จะแก้ไขเรื่องนี้ทันที
สงครามชิงโรงกลั่นไวน์
อีกคดีที่น่าสนใจคือคดีที่เกี่ยวกับโรงกลั่นไวน์ในฝรั่งเศส โรงกลั่นไวน์แห่งนี้อยู่ในที่ดินของปราสาทมิราวัล ซึ่งทั้งคู่ซื้อร่วมกันเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2008 ด้วยความตั้งใจว่าจะใช้ที่นี่เป็นบ้าน หลังแองเจลินาคลอดวิเวียนกับน็อกซ์
ทั้งคู่ซื้อที่ดินและโรงกลั่นไวน์ผ่านบริษัทโฮลดิ้งของตัวเอง โดยแบรดถือหุ้นอยู่ 60% แองเจลินาถือหุ้นอยู่ 40%
นอกจากจะใช้สถานที่หลบหลีกจากความวุ่นวาย แบรดยังเริ่มสนใจการทำไวน์ เขาจริงจังถึงขั้นไปร่วมมือกับผู้ผลิตไวน์อย่าง ‘มาร์ค เปอร์แรง’ เพื่อผลิตไวน์โรเซ่ขึ้นมา
แม้ว่าแองเจลินาจะไม่ค่อยมาเกี่ยวข้องกับการผลิตไวน์สักเท่าไหร่ แต่ชื่อ โจลี-พิตต์ ก็ปรากฏอยู่บนฉลากไวน์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในเวลาต่อมา
ปี 2013 แบรดโอนหุ้นในโรงกลั่นไวน์ให้แองเจลินา 10% โดยคิดราคาแค่ 1 ยูโร (ซึ่งต่อมาเขาอ้างว่าเธอไม่เคยจ่ายเงินนี้) เพื่อให้เขากับภรรยาถือหุ้นในสัดส่วนเท่า ๆ กัน
เมื่อทั้งคู่หย่าร้างกัน โรงกลั่นไวน์ที่เคยเป็นอีกหนึ่งพยานรักก็ได้นำมาซึ่งความขัดแย้งครั้งใหญ่
แองเจลินาซึ่งไม่อยากข้องเกี่ยวอะไรกับอดีตสามีอีกต่อไป ได้ส่งอีเมลถึงแบรดเมื่อเดือนมกราคม 2021 เพื่อแจ้งให้เขาทราบว่า เธอจะขายหุ้นโรงกลั่นไวน์ ส่วนหนึ่งเพราะมันเป็นธุรกิจเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ (เธอพยายามจะโยงไปถึงเหตุการณ์บนเครื่องบิน) ทั้งที่ที่ดินผืนนี้เป็นที่ที่ทั้งคู่จัดงานแต่งงานกัน เป็นสถานที่ที่เธอคิดว่าจะได้อยู่ไปจนแก่เฒ่าไปด้วยกัน แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบชีวิตครอบครัว
“สำหรับฉันแล้ว มิราวัลตายไปตั้งแต่เดือนกันยายน 2016 และทุกสิ่งที่ฉันได้เห็นในช่วงหลายปีหลังจากนั้นก็เป็นเรื่องน่าเศร้า”
ตอนนั้น แบรดตั้งใจจะซื้อหุ้นโรงกลั่นไวน์จากแองเจลินา แต่ก็ซื้อไม่สำเร็จ แองเจลินาอ้างว่าเพราะเธอไม่ยอมเซ็นในสัญญารักษาความลับที่เขาขอให้เธอห้ามไปพูดคุยเรื่องส่วนตัวนอกศาล (แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดกับแบรดบอกว่า ไม่จริงเลย สัญญาที่ให้แองเจลินาเซ็นเป็นเรื่องเกี่ยวกับมิราวัลต่างหาก)
เดือนกรกฎาคม 2021 แองจี้ยื่นฟ้องโดยกล่าวหาว่าอดีตสามีไม่ยอมให้เธอขายหุ้นโรงกลั่นไวน์ให้กับบุคคลที่สาม แต่แบรดก็โต้กลับว่า เธอนั่นแหละที่ไม่ยอมขายหุ้นให้เขาเอง แบรดอ้างว่าแองเจลินาจะไปขายหุ้นให้คนอื่นไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ทั้งคู่ได้ทำข้อตกลงกันไว้ว่าจะไม่ขายหุ้นและกรรมสิทธิ์ในมิราวัลให้คนอื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากอีกฝ่าย แต่แองเจลินาก็ยืนยันว่า เปล่านะ ฉันไม่ได้ทำข้อตกลงนี้!
เดือนตุลาคม 2021 แองเจลินาก็ขายหุ้น 50% ในมิราวัลให้กับบริษัทที่ควบคุมโดย ‘ยูริ เชฟเลอร์’ เศรษฐีชาวรัสเซีย ในราคา 67 ล้านดอลลาร์ เล่นเอาแบรดหัวเสียไม่น้อย เขาเลยจัดการฟ้องเธอเรื่องที่ขายหุ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 โดยอ้างว่าแองเจลินาพยายามสร้างความเสียหายให้กับเขา และบอกด้วยว่า การที่ยูริซื้อหุ้นไปนั้น มันทำให้การทำงานของเขายากลำบากขึ้น
แบรดอ้างอีกว่า แองเจลินาจงใจขายโรงกลั่นไวน์ให้คนอื่น เพราะต้องการเอาคืนที่เขาเคยชนะคดีสิทธิดูแลลูกที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะร่วมกัน ซึ่งเธออยากได้สิทธินั้นแต่เพียงผู้เดียว และอยากให้เขาได้สิทธิแค่มาเยี่ยมลูกเท่านั้น
นักแสดงชายผู้นี้ยังอ้างด้วยว่า เขาไม่ทราบเรื่องการขายโรงกลั่นไวน์ของอดีตภรรยา จนกระทั่งมันเป็นข่าวออกสื่อ
ต่อมา แบรดได้ยื่นฟ้องอดีตภรรยาและบริษัทโฮลดิ้งของเธอ รวมถึงเจ้าของหุ้นมิราวัลคนใหม่ โดยอ้างว่าแองเจลินาไม่ได้มีส่วนในความสำเร็จของมิราวัลเลย ขณะที่ฝั่งแองเจลินาเรียกร้องค่าเสียหายจากแบรด โดยอ้างว่าเขาใช้ทรัพย์สินไปโดยเปล่าประโยชน์กับโรงกลั่นไวน์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
กระทั่งเดือนมิถุนายน 2023 การฟ้องร้องก็ยังไม่จบไม่สิ้น มีการนำเรื่องที่เกิดขึ้นบนเครื่องบินเมื่อปี 2016 มาโจมตีฝ่ายตรงข้ามเป็นระยะ รวมถึงการที่แองเจลินาออกมาเปิดเผยในทำนองว่า แบรดได้สร้างความลำบากใจให้เธอ ตอนที่เขาไปร่วมงานกับ ‘ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน’ โปรดิวเซอร์ผู้ทรงอิทธิพลของฮอลลีวูด ทั้งที่เธอเคยเล่าให้ฟังแล้วว่า เขาเคยลวนลามเธอ
นับตั้งแต่แยกทางกัน สาธารณชนก็ไม่เคยได้เห็นรูปที่แบรดถ่ายร่วมกับลูก ๆ อีกเลย ตรงข้ามกับแองเจลินาที่มักจะมีภาพขณะอยู่กับลูก ๆ ทั้งนอกบ้านและบนพรมแดง
ส่วนภาพหมู่พ่อแม่ลูก 8 คน คาดว่าเราจะไม่ได้เห็นในระยะเวลาอันใกล้นี้แน่ ๆ
ภาพ: Getty Images, อินสตาแกรม bradpittofflcial, shiloh_jp
อ้างอิง: