15 มี.ค. 2567 | 22:02 น.
KEY
POINTS
“ผมสัญญา อีก 10 ปีข้างหน้า ทุกคนจะได้เห็นผมเป็นนักแสดงที่ดีอย่างแน่นอน”
คือ คำพูดรับรางวัลนักแสดงนำชายของคิมซูฮยอนจากซีรีส์เรื่อง The Moon Embracing The Sun บนเวทีมอบรางวัลแบคซังครั้งที่ 48 งานประกาศรางวัลที่มอบให้คนบันเทิงเกาหลีใต้เมื่อปี 2012
ผ่านไป 12 ปี วันนี้ปี 2024 กาลเวลาและความสามารถของชายคนนี้พิสูจน์แล้วว่า เขาคือนักแสดงที่ดีและเป็นนักแสดงตัวจริง
ในสายตาผู้ชม เขาคือพระเอกเจ้าน้ำตาที่ร้องไห้กี่ครั้งก็ทำใจเจ็บจนอยากจะไปเช็ดน้ำตาให้ แต่นอกจอ เขาคือผู้ชายน่ารัก ตลกบางครั้ง และช่วยเหลือสังคม
และมากกว่านั้น เขาคือเจ้าพ่อพรีเซนเตอร์ที่ค่าตัวแพงที่สุดในเกาหลีใต้
‘Queen of Tears’ เป็นผลงานเรื่องใหม่หลังหายจากหน้าจอไปเกือบ 3 ปี แม้จนถึงวันนี้ (16 มี.ค. 2567) ซีรีส์จะออนแอร์ไปเพียง 2 ตอน ก็คว้าเรตติ้งไปมากกว่า 8% มีผู้ชมมากกว่า 2 ล้านคน แล้วชื่อของคิมซูฮยอนก็กลับมาได้รับการพูดถึงอีกครั้ง
นี่อาจเป็นเครื่องการันตีแล้วว่า ชายคนนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ แต่เกิดมาเพื่อเป็นนักแสดงที่จะพาผู้คนไปรู้จักตัวละครที่เขาสวมบทบาท
ตอนเด็ก ซูฮยอนเป็นเด็กขี้อายและกังวลเวลาอยู่ท่ามกลางคนเยอะ ๆ และคาดว่าน่าจะเป็นแบบนั้นจนเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น
ด้วยความรักและเป็นห่วงของผู้เป็นแม่ คิมซูฮยอนในวัย 15 ปีจึงถูกแม่ชวนไปสถาบันการแสดง เพราะแม่เห็นว่า ลูกชายมักจะเป็นเด็กขี้เล่น หยอกล้อเพื่อนและคนใกล้ตัวอยู่เสมอ
ในรายการ You Quiz on The Block เล่าประสบการณ์การแสดงครั้งแรกของเขาว่า การอ่านบทแต่ละบรรทัด เต็มไปด้วยความยากลำบาก เขาอาย มือสั่นสุดๆ
“นักเรียนที่เรียนในสถาบันการแสดง ต้องออกไปแสดงที่ฮอลล์เล็ก ๆ ผมออกมา ยืนกุมมือ แต่ไม่เห็นหน้าครอบครัว เพราะแสงไฟ แต่ครอบครัวก็ยังปรบมือให้ ทำให้ผมรู้สึกว่าผมจะทำมันได้ดี”
ถือว่าเขาเอาชนะความกลัวและความขี้อายของตัวเองได้สำเร็จ นี่จึงเป็นปฐมบทของการเป็นซูเปอร์สตาร์แถวหน้าเกาหลีของคิมซูฮยอน..
ระหว่างนั้น เขาก็เรียนไปด้วยจนจบมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนมัธยมจุงดงย่านกังนัม แต่ก็ไม่ทิ้งเรียนการแสดง
แล้ววินาทีของเขาที่จะก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงครั้งแรกก็มาถึง คิมซูฮยอนออดิชันผ่าน และเดบิวต์ในฐานะนักแสดงครั้งแรกด้วยการเป็น นักว่ายน้ำมหาวิทยาลัย หนึ่งในนักแสดงสมทบของซิตคอมเรื่อง ‘Kimchi Cheese Smile’ ที่ออกอากาศผ่านช่อง MBC ในปี 2007
หลังจากนั้น คิมซูฮยอนก็ตอบรับเป็นพิธีกรรายการ ‘The Taste of Life’ ไปเล่นภาพยนตร์สั้น ละครสั้น รวมถึงเป็นพิธีกรรายการเพลงของ Boys & Girls Music Countdown ร่วมกับซึงยอนจากวง ‘KARA’
แต่เรื่องราวก็ดูซับซ้อนขึ้นไปอีก เพราะระหว่างที่เขาตั้งใจทำงานอย่างขันแข็ง เขาก็เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ตั้งใจไว้อย่างต่อเนื่อง จนสอบเข้ามหาวิทยาลัยจุงอัง (Chung Ang University) สาขาการละครได้สำเร็จในปี 2009
แม้เขาจะเข้าเรียนสำเร็จ แต่หลังจากเขาได้รับความนิยมมากขึ้น ปี 2013 กระทู้ที่คาดว่าคิมซูฮยอนเขียนลงบนสื่อออนไลน์ก็เป็นที่พูดถึงอีกครั้ง ข้อความส่วนหนึ่งบอกว่า “ผมกำลังสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นครั้งที่ 2 กำลังซ้อมการแสดง ทักษะต่าง ๆ และการตอบคำถามอาจารย์
เมื่อมองย้อนกลับไป 10 กว่าปีก่อน คิมซูฮยอนว่า “ถ้าผมสอบไม่ผ่าน ผมก็สอบใหม่ ตอนนั้นผมต้องการเวลา ทำงานหนักมาก แต่เกรดผมไม่ค่อยดีเท่าไร ผมถูกเตือน เพราะไม่ค่อยได้เข้าเรียน”
สุดท้ายเขาก็ตั้งใจเรียนจนคว้าปริญญาจากมหาวิทยาลัยได้ ทั้งยังเป็นศิษย์เก่าที่มหาวิทยาลัยภาคภูมิใจ และเป็นแอมบาสเดอร์ของมหาวิทยาลัยด้วยในเวลาต่อมา
ปี 2010 คิมซูฮยอนเซ็นสัญญากับค่าย KeyEast Entertainment
แล้วคิมซูฮยอนก็เดินหน้าต่อเรื่องบทบาทการแสดง ปี 2011 ในที่สุดเขาก็แจ้งเกิดใน ‘Dream High’ ที่ออกอากาศทาง KBS จากบท ‘ซงซัมดง’ พ่อหนุ่มชนบทที่ตามสาวสวยอย่าง ‘โกฮเยมี’ (รับบทโดย ‘แบซูจี’) มาเรียนในโรงเรียนศิลปะแห่งหนึ่งจนทำให้เขาค้นพบความสามารถทางดนตรีที่ไม่เคยรู้มาก่อน
และอีกหนึ่งเหตุผล คือ เนื้อเรื่องที่พูดถึงความรัก ความฝัน และความหวังของคนรุ่นใหม่ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ รวมถึงซูจี แทคยอน อูยองจากวง 2PM ที่เป็นทีมนักแสดง ผู้กำกับ และนักเขียน ก็แจ้งเกิดกันไปตาม ๆ กัน คว้าเรตติ้งไปสูงถึง 17.9% ทั้งยังทำให้คิมซูฮยอนได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ รางวัลนักแสดงยอดนิยม และรางวัลพระนางยอดเยี่ยมจากเวที KBS ในปีเดียวกัน
หลังจากนั้น ปี 2012 เขาก็ดังแบบเปรี้ยงปร้างสุด ๆ กับการรับบทองค์ชายอีฮวอนในเรื่อง The Moon Embracing The Sun กับเรื่องราวรักต่างชนชั้นที่ครองใจคนดูมาจนถึงวันนี้ เพราะเป็นละครที่ทำเรตติ้งมากถึง 40% ด้วยการฟาดเรตติ้งตอนจบไปถึง 51.8%
แล้วเขาก็เป็นที่รู้จักระดับประเทศด้วยการรับบท ‘โทมินจุน’ ชายต่างดาวอายุ 400 ปี ประกบคู่นางเอกตัวท็อปอย่าง ‘จอนจีฮยอน’ ในเรื่อง My Love from the Star (ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว) ที่ออกอากาศปี 2014 ด้วยการปิดจบละครด้วยเรตติ้ง 24%
แล้วถึงละครจะจบลง แต่ความมึน ๆ เย็นชา ๆ ของโทมินจุนก็เข้าไปครองใจผู้ชมทั่วโลกได้อย่างสำเร็จ เรียกได้ว่าเป็นผลงานขึ้นหิ้งที่จุดพลุความสำเร็จของชายคนนี้สุด ๆ
“ผมได้เจอกับรุ่นพี่จอนจีฮยอนหลังซีรีส์จบ เมื่อผมนึกกลับไปตอนนั้น ผมคิดว่าเธอแสดงบทของชอนซงอีได้ดีจริงๆ”
ผลงานของเขาถูกจับตาอย่างต่อเนื่อง มาถึงปี 2015 เขาก็มารับบทนำคู่กับ ‘ไอยู’ ในเรื่อง The Producer ซีรีส์ความยาว 12 ตอนเล่าเรื่องราวเบื้องหลังรายการวาไรตี้โชว์กับความว้าวุ่นของโปรดิวเซอร์หน้าใหม่กับนักร้องสาวที่ไร้ความรู้สึก กวาดเรตติ้งไปสูงถึง 18.2% ในต่างประเทศ และ 20.2% ในโซล
เขามีผลงานต่อเนื่องทั้งจอเงินและจอแก้ว แล้วทุก ๆ ผลงานก็จะเป็นผลงานที่แฟน ๆ ต่างรอคอยชมการแสดงคุณภาพของเขา
หลังจากปลดประจำการในปี 2019 ปีต่อมา คิมซูฮยอนตัดสินใจโบกมือลาค่าย KeyEast Entertainment แล้วเซ็นสัญญาเริ่มต้นเส้นทางการแสดงใหม่ร่วมกับค่าย Gold Medalist
ในปีเดียวกัน เขาเป็นหนึ่งในนักแสดงเรื่อง It’s Okay to Not Be Okay ซีรีส์แนวอบอุ่นใจกับการรับบท ‘มุนคังแท’ เจ้าหน้าที่สุขภาพชุมชนที่แผนกผู้ป่วยจิตเวช และน้องชายที่ต้องดูแล ‘มุนซังแท’ (รับบทโดย โอจองเซ) พี่ชายที่ป่วยเป็นออทิสติกส์ รวมถึงยังมีเรื่องราวน่าติดตามความรักของชายที่ไม่มีเวลารักใครกับหญิงผู้ต่อต้านสังคม
ขณะเดียวกัน ความสำเร็จที่มากขึ้นทำให้คิมซูฮยอนเป็นหนึ่งในนักแสดงแถวหน้าเกาหลีที่มีค่าตัวสูงเป็นอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ในปี 2023
ข้อมูลจาก Sisat Daily ระบุว่า ในซีรีส์เรื่อง It’s Okay to Not Be Okay คิมซูฮยอนได้รับค่าตอบแทนสูงถึง 423,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 15.1 ล้านบาทต่อตอน
ความนิยมและความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับคิมซูฮยอน คือเครื่องพิสูจน์ความสามารถและใจที่เขารักต่อการแสดงจริง ๆ
แม้จะผ่านมาแล้วหลายบทบาท แต่สิ่งที่ทำให้คนดูอินไปกับการแสดงของคิมซูฮยอนมาตลอด คือ การถ่ายทอดความรู้สึกและตัวละครออกมาได้อย่างกินใจ
ในฐานะคนที่ติดตามผลงานของคิมซูฮยอนมาหลายเรื่อง และแอบไปดูเสียงของชาวเน็ต ก็ดูเหมือนว่า ซีนร้องไห้ของคิมซูฮยอนจะเป็นเหมือนซีน masterpiece ของเขาเลย
ตั้งแต่ The Moon Embracing the Sun ที่ตราตรึงใจ หรือผลงานแจ้งเกิดอย่าง My Love from the Star ที่ทำเอาคนดูอยากเช็ดน้ำตาผ่านจอ มาจนถึงการร้องไห้แบบน่ารักใน Queen of Tears ผลงานเรื่องล่าสุดของเขา
บางสื่อและนักวิจารณ์บางคนก็อยากจะยกเหรียญทองพระเอกเจ้าน้ำตาให้เขาเลยทีเดียว
ดูเหมือนว่างานแสดงจะช่วยทำให้เขาเป็นหนุ่มเนื้อหอมจนแบรนด์ต่าง ๆ มาตามจีบเป็นพรีเซนเตอร์
ตอนที่ผลงาน My Love from the Star ดังเป็นพลุแตก มีรายงานข่าวจากฝั่งสายโฆษณาบอกว่า เขาต้องเดินทางไปถ่ายโฆษณาในประเทศทั้งหมด 15 แบรนด์ และโฆษณาในต่างประเทศอีก 20 บริษัท รวมถึงยังมีการเซ็นสัญญาทางธุรกิจรวม ๆ อีก 35 บริษัทในระยะเวลาเพียง 1 ปี
แต่ถึงอย่างนั้น KeyEast ต้นสังกัดของคิมซูฮยอนตอนนั้นก็ออกแถลงว่า นักแสดงหนุ่มไม่ได้รับข้อเสนอทั้งหมด แต่เขาพิจารณาอย่างรอบคอบโดยมองถึงโอกาสทางการแสดงของเขาในอนาคตด้วย
รวมถึงรายได้ที่เขาได้จากโฆษณา คิมซูฮยอนก็บริจาคให้กับองค์กรทางสังคม ตอนเหตุโศกนาฏกรรมเรือเซวอล คิมซูฮยอนก็เป็นหนึ่งในนักแสดงที่บริจาคเงินช่วยเหลือเด็กนักเรียนจำนวน 300 ล้านวอน และยังบริจาคเงินอีก 200 ล้านวอนช่วยเหลือเด็ก ๆ ในจีนด้วย
ยังไม่นับรวมการเป็นพรีเซนเตอร์สายการบิน Jeju Airlines สายการบินราคาประหยัดของเกาหลีใต้ ทั้งยังเป็นพรีเซนเตอร์อีกหลายแบรนด์ในเวลาต่อมา
อีกทั้งคิมซูฮยอนยังถูกรับเลือกเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของบิวตี้แบรนด์ระดับโลก ‘Y.O.U Biomecera Advanced Booster Serum’ ขึ้นแท่น ‘เจ้าพ่อพรีเซนเตอร์แห่งเกาหลีใต้’
คิมซูฮยอนถือเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่เด็ก เขาเดินขึ้นรับรางวัลแดซังจากเวที KBS Drama Awards ตอนอายุ 27 ปี ถือเป็นนักแสดงที่อายุน้อยที่สุดที่รับรางวัลนี้
“พอคิดถึงเรื่องนั้น มันเป็นช่วงเวลาดี ผมรู้สึกขอบคุณมาก แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เอนจอยกับมันเท่าไร” คิมซูฮยอนบอกในรายการ You Quiz on the Block ปี 2024
ในรายการเดิม เขายังพูดถึงความรู้สึกของเขาในช่วงเวลาเหล่านั้นอีกว่า ความรักที่ทุกคนมอบให้ทำให้คิมซูฮยอนกังวลว่า วันหนึ่งความรักเหล่านั้นจะหายไป
ท่ามกลางความสับสนทางความคิด เขามองว่าเขาตัดสินใจเข้ากรมได้ถูกเวลาเพื่อกลับไปทบทวนตัวเองระหว่างฝึก
“ผมว่าดีมากเลยที่ผมเข้ากรมหลังจากผ่านวัย 30 ปีไป เพราะมันเป็นเวลาที่ผมจะได้จัดการความคิดและความรู้สึก แล้วผมก็รู้สึกว่าผมแข็งแกร่งขึ้น”
ถึงตอนนี้ภายใน 1 ปี เราอาจจะไม่ได้เห็นหน้าคิมซูฮยอนในซีรีส์บ่อย ๆ เหมือนแต่ก่อน
อาจเป็นเพราะเขาอาจจะมองหาบทบาทที่ท้าทายและสะท้อนความเป็นตัวตนของเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะบทสัมภาษณ์ของ ELLE Thailand เมื่อกลางปี 2566 คิมซูฮยอนบอกว่า สิ่งที่ทำให้เขายังคงทำงานในสายแสดง นั่นก็คือความหลงใหลในการแสดง
“สิ่งที่ทำให้ผมยังรักษาแพสชันในการทำงานได้ ผมคิดว่าคงจะเป็นความหลงใหล ผมอยากจะแสดงตัวละครต่าง ๆ ออกมาให้ทุกคนได้รู้สึก ได้รู้จักกับตัวละครเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด
เพราะการแสดงทำให้คิมซูฮยอนก้าวออกจาก Safe Zone เราก็เชื่อว่า การแสดงที่เขารักจะพาผู้ชมอย่างเราไปรู้จักเรื่องราว การตัดสินใจ บทบาทที่แปลกใหม่ และความรู้สึกอยากจะเช็ดน้ำตาให้ จากตัวละครที่เขาสวมบทบาทในอนาคตได้อีกแน่นอน
เรื่อง : ณัฐธนีย์ ลิ้มวัฒนาพันธ์
ภาพ : อินสตาแกรม soohyun_k216 / TvN
อ้างอิง :
Kim Soo Hyun Speaks About Troubles of Getting into College / Soompi
KIM SOO HYUN REWRITES HISTORY WITH 35 COMMERCIALS TO HIS NAME / Live Journal
THE PRODUCER FINALE (EP. 11 - 12) DISCUSSION POST / Live Journal
Kim Soo Hyun Reflects on the Weight of Early Fame on ‘You Quiz on the Block’ / mymusictaste
An overview of #KimSooHyun’s appearance on You Quiz on the Block / dailysoohyun
10 ปีผ่านไป นักแสดงนำซีรีส์ Dream High เป็นอย่างไรกันบ้าง? / Korseries
เรื่องย่อซีรีส์ : It’s Okay to Not Be Okay | เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน (2020) / Korseries
คิมซูฮยอน ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับต้นสังกัดเดิม KeyEast / Korseries
เรื่องย่อ โปรดิวเซอร์หน้าใสหัวใจกุ๊กกิ๊ก / Kapook.com
SeoulStation : 5 อันดับ ‘นักแสดงชายเกาหลี’ ที่มีค่าตัวแพงสุดปี 2023 / เดลินิวส์