16 ส.ค. 2567 | 16:00 น.
ภาพจำในอดีตของมะนาวต่างดุ๊ด (มนุษย์ต่างดาว) หรือที่เรียกกันว่า “เอเลี่ยน” คือมนุษย์ตาโต หัวโต ตัวลีบ แขนขายาว บินมาถึงโลกพร้อมวิทยาการยานอวกาศล้ำหน้า และชอบจับมนุษย์โลกไปทดลอง
แต่พลันเมื่อ H.R. Giger ปรากฏตัวขึ้นพร้อมสมุดภาพ Necronomicon ในปี ค.ศ. 1977 บุคลิกดั้งเดิมของ “มนุษย์ต่างดาว” ที่ชาวโลกคุ้นเคยก็เปลี่ยนไปตลอดกาล
H.R. Giger ตั้งชื่อ Necronomicon หนังสือ Art Book ผลงานเล่มแรกของเขา ตามชื่อ “หนังสือแห่งความตาย” ของ H.P. Lovecraft ผลงานการประพันธ์ในปี ค.ศ. 1924 โดย Necronomicon ภาคต้นฉบับ ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ภาพแห่งมรณะ”
ส่วน Necronomicon ของ H.R. Giger นำเสนอในรูปแบบ Graphics Novel ที่เต็มไปด้วยการดีไซน์สัตว์ประหลาดแปลกตาในแนวทาง Biomechanical Art หรือศิลปะแบบ “จักรกลชีวะ”
Biomechanical Art ของ H.R. Giger เป็นส่วนผสมที่สร้างขึ้นจากอะไหล่ของเครื่องจักรกับร่างกายมนุษย์และสิงสาราสัตว์ ออกมาเป็นรูปลักษณ์ครึ่งคนครึ่งสัตว์ครึ่งหุ่นยนต์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ และน่าสยดสยองไปพร้อมๆ กัน
หลังวางแผงไม่นาน Necronomicon ของ H.R. Giger ไปเตะตา Dan O'Bannon ที่ตอนนั้นกำลังพัฒนาบทภาพยนตร์เรื่องใหม่ให้กับ Ridley Scott ทำให้ Dan O'Bannon ต้องรีบนำ Necronomicon ไปให้ Ridley Scott ดู
และบทหนังเรื่องใหม่ของ Ridley Scott ที่ Dan O'Bannon ร่วมเขียนกับ Ronald Shusett ที่ว่าก็คือ มหากาพย์ภาพยนตร์ชุด Alien ที่มีแผนออกฉายในปี ค.ศ. 1979
ต้นแบบ “จักรกลชีวะ” หลากหลายดีไซน์ใน Necronomicon ของ H.R. Giger ได้รับการพัฒนาบุคลิกร่วมกับทีมเขียนบท Alien ของ Ridley Scott คือ Dan O'Bannon และ Ronald Shusett
Original ของ Xenomorph คือดีไซน์หนึ่งในหนังสือ Necronomicon ของ H.R. Giger เป็นสัตว์ประหลาดที่มีชื่อว่า Necronom IV ที่ Dan O'Bannon ชื่นชอบ และติดต่อให้ H.R. Giger มาร่วมพัฒนาให้เป็น Alien ต้นแบบ
เมื่อได้ Prototype แล้ว H.R. Giger Giger พัฒนา Xenomorph ร่วมกับ Dan O'Bannon Ronald Shusett และ Ridley Scott ออกมาเป็นโฉมหน้าของ Alien ทันที
Alien ของ H.R. Giger มีสองเพศในร่างเดียว แม้จะใช้ต้นแบบแมลงผสมหุ่นยนต์ภายใต้รูปแบบ Biomechanical ทว่า Xenomorph นั้นไม่มีตา ซึ่งถือได้ว่า H.R. Giger และทีมภาพยนตร์ Alien พยายามต่อยอดจากสิ่งที่ H.R. Giger ได้ร่างเอาไว้ในโครงร่าง Necronom IV อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ดี ในชั้นแรกดีไซน์ Xenomorph ของ H.R. Giger ไม่ผ่านการอนุมัติจากนายทุนหนังคือ 20th Century Fox ทว่า Ridley Scott ค้านหัวชนฝาว่าต้องการ Xenomorph เท่านั้น
ช่วงแรก Dan O'Bannon ต้องการจัดวางให้ Xenomorph มีผิวที่โปร่งใส เพื่อให้สามารถพรางตัวไปกับสภาพแวดล้อม แต่ความคิดของเขาไม่ตรงกับ Ridley Scott เราจึงได้เห็น Xenomorph ผิวดำสนิทเพื่อประโยชน์ในการแฝงตัวไปกับเงามืด
รวมถึง Alien ดีไซน์ดั้งเดิมในความคิดของทีมงาน Dan O'Bannon มีลูกตา แต่ H.R. Giger ยืนยันให้เอาลูกตาออก เพื่อความรู้สึกเย็นชาขั้นสุด
หลังจาก Brain-storming กันอย่างหนัก ไอเดียบรรเจิดของแต่ละคนก็ผสมผสานกัน ออกมาเป็นผลลัพธ์ Xenomorph ที่กลายเป็น Character คลาสสิกสุดอมตะของวงการภาพยนตร์โลก
ส่วนแนวความคิดพรางตัวในตอนต้นของ Xenomorph นั้น ถูกนำไปใช้กับหนังชุดดังอีกเรื่อง นั่นคือ Predator ในเวลาต่อมา
H.R. Giger กำหนดรูปลักษณ์ของ Xenomorph ให้แสดงออกทางเพศอย่างชัดเจน ทว่าแนบเนียน และลุ่มลึก โดยวาดส่วนหัวให้คล้ายอวัยะเพศชาย ขณะบริเวณช่องปากของ Face Hugger จะเห็นได้ชัดว่า แท้ที่จริงแล้วมันคือรูปแบบของอวัยวะเพศหญิง
ถือเป็นสิ่งหนึ่งซึ่งตราตรึงคอหนัง Alien ทั่วโลก ก็คือกรงเล็บที่เรียกว่า Face Hugger ที่คล้ายขาทั้ง 8 ของแมงมุมผสมปู ใช้สำหรับรัดศีรษะเหยื่อไม่ให้ดิ้นหลุด
เพราะทันทีที่มันเกาะหน้าของเหยื่อ มันจะสอดท่องวงเข้าในปากเหยื่ออย่างกระสันเพื่อปล่อยน้ำเชื้อ ซึ่งเป็นระบบสืบพันธุ์ที่น่าสะพรึงกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ H.R. Giger กำหนดธีมกำเนิดตัวอ่อนที่ดีไซน์ให้ทะลุออกมากลางอก
นำไปสู่ฉากคลาสสิกซึ่งเป็นที่จดจำในหมู่แฟนพันธุ์แท้ Alien ก็คือ ฉากเปิดตัว Xenomorph เกาะห่อหุ้มใบหน้ามนุษย์ ฉากตัวอ่อนฉีกอกที่โด่งดัง และฉากแอนดรอยด์ “แอช” หัวหลุด
H.R. Giger มีชื่อเต็มว่า Hans Ruedi Giger เกิดและเติบใหญ่ที่เมือง Chur แคว้น Graubünden ประเทศ Switzerland เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1940
ช่วงวัยรุ่น คุณพ่อซึ่งเป็นเภสัชกรอยากให้ H.R. Giger สอบเข้าเรียนต่อคณะเภสัชศาสตร์ และวาง Career Path ให้เขาเดินรอยตามในอาชีพเจ้าของร้านขายยา
ทว่า H.R. Giger สนใจศิลปะมากกว่า เขาออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่ Zürich ในปี ค.ศ. 1962 เข้าศึกษาสถาปัตยกรรมและการออกแบบอุตสาหกรรมที่ School of Applied Arts และสำเร็จการศึกษาในปี ค.ศ. 1970
หลังจบการศึกษา H.R. Giger เดินหน้าพัฒนารูปแบบการวาด โดยใช้เทคนิค Freehand Airbrush ผ่านงานออกแบบสไตล์ “จักรกลชีวะ” หรือ Biomechanical ตลอดมา
ในช่วงต้นๆ ของวิชาชีพ H.R. Giger หลงใหลสีน้ำมันเป็นอย่างมาก โดยได้รับอิทธิพลจาก Ernst Fuchs และ Salvador Dali ในสไตล์ Surrealism ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ Airbrush เป็นเครื่องมือสร้างงานในเวลาต่อมา
ปี ค.ศ. 1975 H.R. Giger ได้รับการทาบทามให้ร่วมงานใน Dune ภาพยนตร์ของ Alejandro Jodorowsky อีก 2 ปีถัดมา เขาเปิดตัวหนังสือเล่มแรกในชีวิต คือ Necronomicon ที่ต่อมาได้ส่งมอบแรงบันดาลใจให้ทีมงานของ Ridley Scott ในภาพยนตร์เรื่อง Alien
ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของ H.R. Giger ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายศิลป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาคือผู้ออกแบบ Alien ที่เปลี่ยนโฉมหน้าและภาพจำ “มนุษย์ต่างดาว” ในความรับรู้ของคนทั่วโลกตลอดกาล
ในช่วงท้ายของวิชาชีพ H.R. Giger ได้ต่อยอดชื่อเสียง และความสำเร็จของตนเอง ด้วยการเปิดพิพิธภัณฑ์ H.R. Giger Museum ที่เมือง Gruyeres ประเทศ Switzerland ตามด้วย Giger Bar ร้านอาหารสไตล์ Alein ของเขา ที่ Swiss บ้านเกิดเช่นกัน
นับจากวันที่ H.R. Giger หอบหิ้วร่างสเก็ตช์ Xenomorph บินตรงมายัง Los Angeles กระเป๋าเดินทางของเขาเต็มไปด้วยภาพสัตว์ประหลาดสุดสยอง จนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ต้องอายัดภาพเหล่านั้น พร้อมกักตัว H.R. Giger ไว้ที่สนามบิน
ร้อนถึง Dan O'Bannon ที่ต้องรีบเดินทางมายังสนามบิน เพื่อประสานกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เพื่ออธิบายว่า นี่คืองานออกแบบในการถ่ายทำภาพยนตร์รื่อง Alien ของ Ridley Scott
45 ปี ของการออกแบบ Character ให้กับ Alien ผ่านฝีมือของ H.R. Giger ที่ไม่เพียงเป็นดีไซน์บนกระดาษ ทว่า ยังปลุกให้ Xenomorph มีชีวิตจริงๆ ขึ้นมา ผ่านการตัดเย็บชุดให้กับ Bolaji Badejo ศิลปิน Visual Art ชาวไนจีเรีย รวมถึงเหล่าทีม Stuntman ของ Ridley Scott สวมใส่ และช่วยกันสวมบทบาท Alien ตัวจริง ที่มาพร้อมสเปเชียลเอฟเฟคต์สุดสะพรึงในยุค 1980
ซึ่งถือได้ว่า Xenomorph ต้นแบบของ Big Chap ในเรื่อง Alien มีความสำคัญในการหลอมภาพจำของ Alien ในสมองของมวลมนุษยชาติ เปลี่ยนความทรงจำของมนุษย์ที่มีต่อรูปลักษณ์ “มนุษย์ต่างดาว” ไปจนหมดสิ้น
เป็น 45 ปีที่ H.R. Giger ได้ริเริ่มตำนาน Xenomorph นำไปสู่การสร้างภาพยนตร์ภาคต่อของ Alien อีกหลายตอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Alien: Romulus ที่กำลังจะเข้าฉายในปี ค.ศ. 2024
หลังประสบความสำเร็จกับ Alien ภาคแรก ชื่อเสียงของ H.R. Giger เป็นที่แซ่ซ้องในฮอลลีวู้ด นำไปสู่การว่าจ้างให้ออกแบบ Character อื่นๆ อีกมากมายตามมา
ไม่ว่าจะเป็นมิวสิควิดีโอของ Emerson, Lake & Palmer และ Debbie Harry นักร้องนำวง Blondie ภาพยนตร์เรื่อง Future-Kill Tokyo: The Last Megalopolis Killer Condom วิดีโอเกม Dark Seed โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อีกหนึ่งมหากาพย์หนัง Sci-Fi เรื่อง Species
H.R. Giger เสียชีวิตอย่างสงบเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 2014 ที่โรงพยาบาลเมือง Zürich ในวัย 74